จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 238

คำประกาศของจ้าวเทียนแทบจะส่งผลทันที ขอเพียงเป็นผู้ที่มีความคิด ย่อมมองออกถึงสิ่งที่จ้าวเทียนต้องการจะสื่อ

เมื่อใดก็ตามที่ทางสมาพันธ์บู๊ลิ้มจะลงโทษ ผู้ที่รับเคราะห์ย่อมเป็นสำนักเล็กๆหรือพวกศิษย์ระดับล่างที่ไม่ค่อยมีความสำคัญอยู่แล้ว

ทำให้ตอนนี้ไม่มีใครต้องการจะเข้าร่วมอีก พวกเขาต่างพากันถอนตัวจนหมด แม้แต่ศิษย์ของสี่สำนักที่เหลือเอง ก็ยังแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากตกเป็นเครื่องมือเช่นกัน

ทันใดนั้น

“ กล้าดียังไง มาใส่ร้ายพวกฉัน! ”

ครืนนน!

ความกดดันอันมหาศาลกวาดไปทั่วลานประลอง ทำให้ผู้คนที่กำลังส่งเสียงต่างพากันหุบปากเงียบด้วยความหวาดกลัว

จ้อเซียงหยุนเดินเหยียบอากาศลงมายืนบนเวทีประลอง เผชิญหน้ากับพวกจ้าวเทียน โดยที่ด้านหลังของเขายังมีเจ้าสำนักอีกสามคนติดตามมาด้วย

ในเมื่อเรื่องมันดำเนินมาถึงขั้นนี้ ก็คงมีแต่ใช้กำลังกดดันเอาเท่านั้น เพราะพวกเขาไม่มีทางยอมให้แผนการทุกอย่างต้องจบไปทั้งแบบนี้แน่นอน

“ ให้ร้ายงั้นเหรอ…งั้นพวกคุณกล้าสาบานต่อจิตวิญญาณของตัวเองหรือเปล่า ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับแผนการลอบสังหารเมื่อแปดปีก่อน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ นี่แก…แกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาสั่งฉัน ” จ้อเซียงหยุนพูดขึ้นด้วยความเดือดดาล เขาไม่มีทางยอมสาบานเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเมื่อผิดคำสาบานจะทำให้เกิดจิตมารในตอนทะลวงขอบเขตขั้นต่อไปได้

“ ฉินหวง…สิ่งที่แกพูดออกมาเป็นการมันดูหมิ่นพวกฉันอยากร้ายแรงเลยนะ คิดว่าพวกฉันจะปล่อยให้เรื่องมันจบไปง่ายๆงั้นเหรอ ” เจ้าสำนักไท่ซานพูดขึ้นด้วยแววตาดุดัน ปลดปล่อยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

“ ใช่แล้ว…อย่าคิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์แล้วจะมาพูดจาอวดดีได้ อย่าลืมว่าตัวแกเป็นคนของโลกหมิงหลง ไม่สามารถบรรลุเป็นเซียนได้ ขีดจำกัดของแกก็คือปรมาจารย์ขั้นสูงเท่านั้น ”

“ สำหรับพวกฉันแล้ว…หากต้องการสังหารแก ก็ไม่ต่างจากบี้มดตัวหนึ่ง ” เจ้าสำนักเฮ่งซานเองก็พูดกดดันเช่นกัน

“ เหอะ…กล้าข่มขู่คนต่อหน้าฉันงั้นเหรอ พวกนายคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ” หยางเจี๋ยพูดขึ้นด้วยความโกรธ เขาปรากฏตัวขึ้นยืนขวางหน้าจ้าวเทียนเอาไว้ เพื่อป้องกันฝ่ายตรงข้ามลอบโจมตี

จ้าวเทียนเองก็รู้ขีดจำกัดของตัวเองดี เขาถึงถอยออกมาด้านหลัง ให้หยางเจี๋ยรับหน้าฝ่ายตรงข้ามคนเดียว

‘ ถ้าฉันต้องการสู้กับคนพวกนี้…ก็ต้องเปิดเผยพลังในขอบเขตเซียนออกมา ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเรื่องตัวตนของฉันจะถูกอีกฝ่ายเดาออกทันที ’

ตอนนี้พลังของจ้าวเทียนอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นต่ำ ถ้าเขาเอาจริงด้วยเจตน์แห่งกระบี่ย่อมสามารถจัดการเซียนขั้นสูงสุดได้ แต่ก็จำกัดไว้เฉพาะในการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งเท่านั้น หากโดนรุมก็คงไม่ไหวเหมือนกัน

“ หยางเจี๋ย…นายคิดว่าจะรับมือกับพวกเราพร้อมกันสี่คนได้งั้นเหรอ อย่าทะนงตนให้มันมากนัก ” จ้อเซียงหยุนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา

แม้ฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขาก็จริง แต่ถ้าเป็นการต่อสู้แบบสี่ต่อหนึ่ง อย่างไรซะพวกเขาก็ได้เปรียบ

“ จริงอยู่…ที่ฉันคนเดียวไม่สามารถสู้กับพวกนายได้ แต่ลืมอะไรไปหรือเปล่า ว่าที่นี่คือที่ไหน ”

สิ้นเสียงของหยางเจี๋ย ก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นทันที

ครืนนน!

เขตอาคมปิดกั้นของสำนักซงซานสลายไป จากนั้นค่ายกลป้องกันของสำนักหัวซานก็ถูกเปิดใช้งานในพริบตา

แวบบ!

เสาลำแสงขนาดใหญ่ระเบิดออกมาจากส่วนลึกสุดของสำนักหัวซาน มันเชื่อมต่อกับแผ่นฟ้าเบื้องบน

จนกระทั่งเมื่อแสงสว่างนั้นหายไป รังสีกระบี่นับแสนก็ตกลงมาจากท้องฟ้า พวกมันได้รวมตัวกันกลายเป็นกระบี่ขนาดยักษ์สี่เล่มชี้ตรงไปที่พวกจ้อเซียงหยุน

!!

“ นี่มัน…ค่ายกลกระบี่บรรพชน ”

พวกจ้อเซียงหยุนสยิวกายขึ้นด้วยความหนาวเหน็บ รัศมีความกดดันจากกระบี่ทั้งสี่เล่มเกือบจะเทียบเท่ากับขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภา มันสามารถคุกคามชีวิตของพวกเขาได้อย่างแท้จริง

“ ไม่นึกเลย…ว่าเทพกระบี่จะสร้างมันได้สำเร็จจริงๆ ด้วยค่ายกลนี้ ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับขอบเขตเซียนนภาก็ไม่กลัว ” เจ้าสำนักหานซานที่นิ่งเงียบมาตลอดพูดขึ้นด้วยความชื่นชม

‘ น่าอิจฉาเสี่ยวเหมยจริงๆ…ฉันเองก็อยากฝากตัวเป็นศิษย์ของฉินหวงเหมือนกัน ’

“ พวกฉันเองก็ต้องกลับเหมือนกัน…ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือที่ผ่านมา หวังว่าคุณคงจะไม่ลืมนัดหมายของเรานะ ” กงหมิงยู่พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

ภารกิจของเธอสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของจ้าวเทียน ทำให้สำนักหัวซานและสำนักเล็กอีกสามสำนักยินดีช่วยเหลือสำนักสุสานโบราณของพวกเธอ

จากนั้น กงหมิงยู่ก็ได้พาพวกศิษย์พี่น้องในสำนักหลบออกไปก่อน เหมือนจงใจเปิดโอกาสให้กงเสี่ยวเหมยกับจ้าวเทียนอยู่กันตามลำพัง

“ เธอต้องดูแลตัวเองดีๆนะ…จำไว้ว่าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วสถานการณ์ไม่ดี ให้รีบหลบหนีออกมาทันที แผ่นอาคมเคลื่อนย้ายที่ฉันให้ไป จะส่งเธอมาที่สำนักหัวซานทันที ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง เขาได้เตรียมการสำหรับกงเสี่ยวเหมยเอาไว้แล้ว

“ ฉัน…เข้าใจแล้ว นายเองก็ต้องระวังตัวนะ คนพวกนั้นไม่มีทางยอมเปลี่ยนความตั้งใจแน่นอน ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะบุกไปสำนักคุนหลุนกันเองก็ได้ ” กงเสี่ยวเหมยพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน

เธอรู้ดีว่าจ้าวเทียนจะต้องแอบไปจัดการเรื่องนี้คนเดียว หากเธอตามไปด้วยก็เป็นแค่เพียงภาระของเขาเท่านั้น สิ่งที่เธอทำได้ก็มีแค่เพียงคอยเอาใจช่วยเหมือนที่ผ่านมาในอดีต

‘ ฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้น…ฉันไม่อยากทำได้แค่เฝ้ามองดูเขาไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวอีกต่อไป ’

กงเสี่ยวเหมยคิดขึ้นด้วยความมุ่งมั่น อาจารย์ของเธอเคยบอกว่า จิตวิญญาณของเธอสอดคล้องกับผู้ก่อตั้งสำนักสุสานโบราณ ทำให้สามารถเข้ารับการสืบทอดพิเศษได้ แต่มันก็มีอันตรายอยู่ด้วยเช่นกัน

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด เพราะมองว่าตัวเองแปลกแยกจากโลกใบนี้ ไม่รู้จะแข็งแกร่งไปเพื่ออะไร

แต่ตอนนี้ เธอมีเป้าหมายของตัวเองแล้ว เพื่อที่จะได้ต่อสู้เคียงข้างคนที่รัก ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร เธอล้วนยินดี

จ้าวเทียนยืนมองจนกงเสี่ยวเหมยและพวกคนจากสำนักสุสานโบราณ เข้าเขตอาคมเคลื่อนย้ายไป จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา

‘ ตอนนี้…ก็คงถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปเหมือนกัน พวกจ้อเซียงหยุนไม่มีทางล้มเลิกความตั้งใจเรื่องสำนักคุนหลุนแน่นอน ’

‘ ก็ดี…ฉันจะได้ถือโอกาสนี้สังหารพวกมันให้หมด ’

หลังจากตัดสินใจได้ จ้าวเทียนก็เดินเข้าเขตอาคมเคลื่อนย้ายไป ซึ่งจุดหมายของเขาก็คือ สำนักคุนหลุน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน