จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 239

เมืองหยกเขียวแห่งแคว้นต้าฉิน

จ้าวเทียนได้เดินออกมาจากเขตอาคมเคลื่อนย้ายของเมือง เขามองไปที่บรรยากาศรอบๆ ก็รู้สึกว่ามันเจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองเหล็กดำมาก ซึ่งนั่นก็ไม่แปลก เพราะเมืองแห่งนี้ได้ถูกปกครองโดยสำนักคุนหลุน

ตำแหน่งเจ้าเมืองที่ราชสำนักแต่งตั้งมา เป็นเพียงตัวแทนคอยจัดการเรื่องราวต่างๆเท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ

หากย้อนกลับไปเมื่อห้าร้อยปีก่อน สถานที่แห่งนี้เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆจำนวนมากที่อยู่รวมกัน เหตุผลที่เปลี่ยนไปเป็นเมืองขนาดใหญ่ได้ ก็ด้วยการจัดการของสำนักคุนหลุนทั้งสิ้น

‘ ถือเป็นโชคดีที่สำนักคุนหลุนตั้งอยู่ในแคว้นต้าฉิน…ฉันจึงสามารถขอใช้เขตอาคมเคลื่อนย้ายได้ ’

จ้าวเทียนคิดขึ้นด้วยท่าทีผ่อนคลาย เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่กำลังจะได้เจอแม่ของตัวเอง เวลานี้จ้าวเทียนได้ถอดหน้ากากและเครื่องแบบของเงาปีศาจออกแล้ว เขาใช้วิธีปลอมตัวแบบง่ายๆด้วยการใส่หมวกงอบ และผ้าดำปิดบังใบหน้าแทน

ตั้งแต่อยู่ที่เมืองเหล็กดำ จ้าวเทียนก็ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดของสำนักคุนหลุนเอาไว้แล้ว แม้ว่ามันจะไม่ละเอียดนัก

เพราะยากมากที่สายลับจะแฝงตัวเข้าไปด้านในสำนักได้ ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อน สำนักคุนหลุนก็ประกาศเก็บตัวไม่ต้อนรับคนนอก

ระหว่างที่เดินไปตามท้องถนน สายตาเขาก็มองขึ้นไปยังเทือกเขาขนาดใหญ่ที่โอบล้อมเมืองหยกเขียวเอาไว้ เป็นลักษณะรูปพัด ประกอบไปด้วยภูเขาขนาดใหญ่ถึงห้าลูก

และภูเขาตรงกลางที่สูงที่สุดก็เป็นสถานที่ตั้งของสำนักคุนหลุน…

!!

หืม…นี่มัน

รถม้าที่เพิ่งวิ่งผ่านจ้าวเทียนไป มีเสียงเด็กๆกำลังร้องไห้และเสียงชายคนหนึ่งพูดจาข่มขู่ แม้เสียงจะเบามาก แต่เนื่องจากประสาทการได้ยินของเขาเหนือมนุษย์ไปไกล จึงสามารถฟังออกได้อย่างชัดเจน

วูป!

จ้าวเทียนรีบใช้สัมผัสวิญญาณเข้าตรวจสอบดู และเขาก็พบว่าภายในรถม้าคันใหญ่ มีเด็กชายและเด็กหญิงสองคน อายุประมาณสิบขวบถูกมัดมือมัดเท้าและใช้ผ้าอุดปากไว้ ที่ด้านข้างยังมีหญิงสาวคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บจนนอนหมดสติอยู่

ทั้งหมดนี้คงเป็นฝีมือของชายชุดดำวัยกลางคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

‘ เป็นปรมาจารย์ขั้นสูง…แต่กลับยอมลดเกียรติตัวเองมาลักพาตัวเด็กงั้นเหรอ ’

จ้าวเทียนหยุดคิดเล็กน้อย แล้วตัดสินใจสะกดรอยตามคนพวกนั้นไป เพราะหากปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาแล้วนิ่งเฉย ก็คงเสียทีที่ฝึกฝนขึ้นมาอย่างยากลำบาก

รถม้าคันนั้นวิ่งเข้าไปในตัวตึกขนาดใหญ่ ที่อยู่ทางทิศใต้ของเมืองหยกเขียว จากนั้นก็มีชายชุดดำสามคนออกมาแบกตัวผู้หญิงและเด็กทั้งสองคนเข้าไป

‘ สถานที่แห่งนี้…ถึงกับมีเขตอาคมป้องกันสัมผัสวิญญาณด้วย เห็นทีเรื่องนี้คงจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา ’

จ้าวเทียนคิดขึ้นอย่างแปลกใจ เขาแฝงกายอยู่ตรงเงามืดของกำแพง ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ พวกปรมาจารย์ไม่มีทางตรวจพบเด็ดขาด

เหตุผลที่เขายังไม่ลงมือ ก็เพราะต้องการเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดจนปล่อยตัวการที่แท้จริงหลุดไปได้

ผ่านไปครู่หนึ่ง

ที่ห้องโถงด้านใน เด็กสองคนนั่งกอดกันด้วยสีหน้าหวาดกลัว ส่วนหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว และตอนนี้เธอกำลังยืนปกป้องเด็กๆเอาไว้

“ พวกแกเป็นใคร…กล้าดียังไงถึงจับตัวนายน้อยทั้งสองมา ” เธอพูดขึ้นด้วยสีหน้าโกรธแค้น เธอมีชื่อว่าเจียงลี่เป็นปรมาจารย์ขั้นกลาง

วันนี้เธอพานายน้อยทั้งสองออกมาท่องเที่ยวในเมือง แต่กลับถูกลอบโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวด้วยยอดฝีมือชุดดำ จนสุดท้ายก็ถูกจับมาอย่างที่เห็น

“ หุบปาก…ถ้าฉันไม่อนุญาตก็ไม่ต้องพูด ไม่อย่างนั้นจะสังหารทิ้งทุกคน ” ชายชุดดำพูดขึ้นอย่างเย็นชา

!!

เมื่อได้ยินแบบเจียงลี่ก็หน้าซีดลงด้วยความหวาดกลัว เธอหันไปมองเด็กทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นก็มองไปยังฝ่ายศัตรูที่มีถึงสี่คน

จากพลังปราณที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมาทำให้รู้ว่า ทุกคนต่างก็เป็นปรมาจารย์ขั้นสูงที่แข็งแกร่งกว่าเธอทั้งสิ้น

‘ ไม่ว่ายังไง ฉันจะต้องช่วยนายน้อยทั้งสองออกไปให้ได้ ต่อให้ต้องเสียสละชีวิตก็ตามที ’

จากที่เธอสังเกตดู ที่อีกฝ่ายทำไปทั้งหมด คงไม่ได้ต้องการชีวิตของพวกเธอ มันยังมีโอกาสที่จะสามารถต่อรองกันได้ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะเงียบและเดินเข้าไปปลอบโยนเด็กทั้งสองคนก่อน

ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที ก็ได้มีคนสามคนเดินออกมาจากห้องด้านใน พวกเขาเองก็สวมชุดดำเช่นกัน ซึ่งก็มีชายชราคนหนึ่งหยิบเอารูปวาดสองแผ่นออกมา เพื่อเปรียบเทียบใบหน้ากับเด็กทั้งสองคน

“ เป็นตัวจริงไม่ผิดแน่…พวกนายทำได้ดีมาก ฉันจะรายงานเรื่องนี้ขึ้นไปให้เจ้าสำนักรู้แน่นอน ”

“ ขอบคุณครับ…ผู้อาวุโส ” ชายชุดดำสี่คนแรกพูดพร้อมกันด้วยความยินดี พวกเขาเป็นคนวางแผนการลักพาตัวครั้งนี้ทั้งหมด ตั้งแต่การติดสินบนซื้อตัวคนของฝ่ายตรงข้าม จนได้ข้อมูลความเคลื่อนไหวของเป้าหมายทั้งหมด

“ คุณเป็นหัวหน้าใช่ไหม…จุดประสงค์ของพวกคุณคืออะไร เงินหรือหินวิญญาณ ขอเพียงบอกออกมารับรองว่าฉันสามารถหาให้ได้ทั้งนั้น ” เจียงลี่พูดต่อรองออกมาด้วยแววตาเคร่งเครียด ตั้งแต่ที่ชายสามคนนั้นเดินออกมา เธอก็เลิกคิดที่จะต่อสู้ทันที

‘ ฉันสัมผัสพลังของพวกเขาไม่ได้…แบบนี้ย่อมหมายความว่าพวกเขาอยู่เหนือขอบเขตพลังของฉันมากเกินไป ’

‘ เซียนสามคนกับปรมาจารย์ขั้นสูงอีกสี่คน เรื่องนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ลักพาตัวปกติแล้ว ’

“ เหอะ…คิดว่าของแบบนั้นจะทำให้พวกฉันพอใจงั้นเหรอ ” ชายชราพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา

“ งั้นพวกคุณต้องการอะไร ” เธอยังคงถามต่อ

“ นี่… ” ชายชราอ้าปากค้างพูดไม่ออก เพราะจู่ๆพรรคพวกของเขาก็ถูกสังหารจนหมดในพริบตาเดียว โดยไม่มีแม้แต่โอกาสจะตอบโต้เลยด้วยซ้ำ และเมื่อเขาตรวจสอบศัตรูที่อยู่ตรงหน้า ก็ยิ่งตกใจหนักเข้าไปอีก

“ เซียนขั้นต่ำ…นี่มันเป็นไปไม่ได้ ”

ชายชรานั้นจะตกใจก็ไม่แปลก ความแข็งแกร่งของจ้าวเทียนตอนนี้มันเกินขีดจำกัดของโลกขั้นต่ำไปแล้ว ในตอนที่เขาเป็นปรมาจารย์ก็สามารถสังหารเซียนได้

แล้วตอนที่พลังของเขาฟื้นคืนมาอยู่ในระดับเซียนล่ะ…

ดังนั้น เมื่อเจอกับศัตรูที่มีขอบเขตต่ำกว่าเซียนขั้นสูงสุด จ้าวเทียนก็เปรียบเสมือนมัจจุราชคร่าชีวิต ตราบใดที่อีกฝ่ายอยู่ในอาณาเขตที่เจตจำนงกระบี่ของเขาไปถึง ย่อมถูกปริดชีพได้อย่างง่ายดาย

จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของวิชานี้ก็คือ ตอนที่จ้าวเทียนควบคุมกระบี่บิน ร่างกายของเขาจะปราศจากการป้องกัน ดังนั้นหากไม่มั่นใจว่าจะสามารถจบการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว จ้าวเทียนจะไม่ใช้ออกไปเด็ดขาด

ในระหว่าง ที่จ้าวเทียนกำลังรอให้อีกฝ่ายเปิดเผยแผนการออกมา

กึก! ตุบ!

ร่างของชายชราก็สั่นสะท้าน เลือดสีดำไหลออกมาจากปากของเขาแล้วล้มลงสิ้นใจ เนื่องจากเขารู้ตัวว่าอย่างไรก็คงไม่รอด จึงเลือกกัดยาพิษที่ซ่อนอยู่ในฟัน เพื่อฆ่าตัวตาย

“ ดูเหมือนว่า ฉันจะเลือกไว้ชีวิตผิดคนสินะ ” จ้าวเทียนถอนหายใจยาว เขาไม่คิดว่าคนที่เป็นหัวหน้าจะยอมฆ่าตัวตายเพื่อรักษาความลับแบบนี้

ในขณะที่จ้าวเทียนกำลังตรวจศพของฝ่ายตรงข้าม เพื่อค้นหาหลักฐานแสดงตัวตน เจียงลี่ก็นำเด็กทั้งสองคนเดินเข้ามาหา แล้วพูดขึ้นด้วยท่าทีอ่อนน้อม

“ ผู้อาวุโส…ขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้ ”

“ ไม่เป็นไรหรอก…เพราะดูเหมือนคนพวกนี้จะเป็นศัตรูของฉันเช่นกัน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาหยิบแผ่นป้ายอันหนึ่งออกมาจากศพชายชรา

‘ ถ้าฉันจำไม่ผิด…นี่คือป้ายประจำตัวผู้อาวุโสของสำนักซงซาน ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะลงมือเร็วขนาดนี้ ’

“ เอ่อ…หากผู้อาวุโสพอมีเวลา ขอเชิญไปที่สำนักคุนหลุนกับพวกฉันได้ไหม พวกฉันอยากจะตอบแทนความช่วยเหลือของผู้อาวุโสในครั้งนี้ ” เจียงลี่พูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง

แม้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะดูไม่ค่อยหน้าไว้วางใจ แต่ถ้าไม่ได้อีกฝ่ายช่วยเอาไว้ ชะตากรรมของเธอก็คงต้องถูกฆ่าตายไปพร้อมความอัปยศ

จ้าวเทียนหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบตกลง เพราะสำนักคุนหลุนก็เป็นจุดมุ่งหมายของเขาอยู่แล้ว

เนื่องจากสำนักคุนหลุนประกาศเก็บตัวไม่ต้อนรับแขก ทำให้จ้าวเทียนหาช่องทางเข้าไปได้ยากมาก เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวตนออกไปได้

เพราะตอนนี้จ้าวเทียนแทบจะกลายเป็นศัตรูของโลกทั้งใบไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าที่ข้างกายแม่ของเขาจะมีสายลับของศัตรูแฝงกายอยู่หรือเปล่า

‘ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน…จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดหาวิธีเข้าไป ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน