จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 243

“ ฉัน มีศักดิ์เป็นยายของเธอนะ ”

ประโยคนี้ของอีกฝ่าย ทำให้จ้าวเทียนพูดไม่ออก เขารู้สึกตกใจมาก เพราะไม่มีใครบอกเรื่องนี้กับเขามาก่อน แม้แต่ท่านตาเองก็ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องภรรยาที่เสียไปซักเท่าไหร่

“ เรื่องนี้…คุณพูดจริงเหรอ ” จ้าวเทียนถามด้วยความไม่แน่ใจนัก

เปียนเจียวเมิ่งที่เห็นแบบนั้น ก็ได้เล่าเรื่องในอดีตให้จ้าวเทียนฟัง

“ เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน…สมัยที่เยียนซืออู่ยังเป็นผู้สืบทอด ก็ได้พบรักกับน้องสาวคนเล็กของฉัน แต่เนื่องจากเธอไม่มีพรสวรรค์ในด้านการฝึกตน จึงไม่เป็นที่ยอมรับของตระกูลเหยียน ทำให้เขาตัดสินใจจัดงานแต่งงานขึ้นเองแบบลับๆ ”

“ จนกระทั่งผ่านไปไม่นาน ทั้งสองคนก็ให้กำเนิดลูกสาวออกมาหนึ่งคนก็คือแม่ของเธอ ในตอนนั้นตระกูลเหยียนจึงต้องยอมรับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในที่สุด ”

“ แต่เนื่องจากน้องสาวของฉันไม่สามารถบรรลุเป็นเซียนได้ แม้จะอาศัยโอสถล้ำค่ามากมาย สุดท้ายก็ไม่อาจหนีพ้นข้อจำกัดด้านอายุขัย ”

“ การเสียชีวิตของเธอ ทำให้เหยียนซืออู่เสียใจมาก เขาหันมาทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับเรื่องงาน จนเผลอละเลยลูกสาวของตัวเอง ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง ”

“ จนลูกสาวของเขาแอบหนีออกไปที่โลกภายนอก และได้รับบาดเจ็บสาหัสจนความจำเสื่อม ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้นเธอก็คงรู้อยู่แล้ว ”

“ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ” จ้าวเทียนพึมพำออกมา เขาดูออกว่าอีกฝ่ายพูดความจริง เพราะเรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้ง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องโกหก

“ งั้นทำไมคุณถึงพยายามจะยึดอำนาจของแม่ฉันล่ะ ” จ้าวเทียนถามขึ้นอีกครั้ง ซึ่งนั่นก็ได้ทำให้เปียนเจียวเมิ่งยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ

“ ฉันแค่ต้องอยากให้แม่ของเธอ ปล่อยวางภาระอันหนักอึ้งลง แล้วได้ทำตามสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ ” เปียนเจียวเมิ่งพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจัง

“ สิ่งที่ต้องการจริงๆ…คุณหมายความว่ายังไง การที่เธอได้อยู่ในสำนักคุนหลุนพร้อมกับครอบครัวใหม่ของเธอ นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการอีกเหรอ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย

เปียนเจียวเมิ่งที่เห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา พร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทีรู้ทัน

“ เธอคงกำลังคิดว่า…แม่ของเธอทิ้งคนรักและลูกทั้งสองคน มามีครอบครัวใหม่ที่โลกใบนี้ใช่ไหม ฉันบอกเลยว่า เธอกำลังเข้าใจแม่ของตัวเองผิดนะ ”

“ เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปตอนที่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารเมื่อแปดปีก่อน…การต่อสู้ครั้งนั้นแม้ว่าท่านตาของเธอจะหนีรอดไปได้ แต่มันก็ทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลเหยียนกับลูกชายของเขาต้องเสียชีวิต ”

“ ส่วนเหตุผลที่พวกเขาตายก็เพราะต้องการปกป้องแม่ของเธอเอาไว้…เนื่องจากฝ่ายศัตรูจับตัวเหยียนซืออู่ไม่ได้ จึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นเหยียนซือหนิงแทน ”

“ เด็กทั้งสองคนนั้นก็เป็นผู้รับเคราะห์จากเรื่องราวในครั้งนั้นเหมือนกัน นอกจากพวกเขาจะเสียแม่ไปตั้งแต่เกิดแล้ว ยังต้องสูญเสียพ่อแท้ๆและปู่ของตัวเองไปอีก ”

“ ดังนั้นเหยียนซือหนิงจึงประกาศต่อหน้าผู้อาวุโสทุกคน…ว่าจะรับเด็กทั้งสองคนเป็นลูกและเลี้ยงดูพวกเขาอย่างดี เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตในครั้งนั้น ”

“ เรื่องนี้…ทำไมแม่ถึงไม่บอกฉันตั้งแต่แรก ” จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยเสียงที่อ่อนลง

“ จะให้บอกอย่างไรล่ะ…เรื่องนี้ถือเป็นความลับของตระกูลเหยียน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ความจริง อีกทั้งแม่ของเธอได้เลี้ยงดูเด็กทั้งสองคนมานานถึงแปดปี ย่อมมีความผูกพันเป็นเรื่องธรรมดา ”

“ ไม่แน่ว่า…ภายในใจของเหยียนซือหนิงกำลังมองเด็กทั้งสองคนนั้น เป็นตัวแทนของลูกชายและลูกสาวในสายเลือดของตัวเองก็ได้ หากไม่มีเด็กทั้งสองคนนั้น บางทีแม่ของเธอคงจะตรอมใจไปตั้งนานแล้ว ”

เมื่อเปียนเจียวเมิ่งพูดมาถึงตอนนี้ ก็ลอบสังเกตแววตาของจ้าวเทียนเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อ

“ เธออยากรู้ใช่ไหม…ว่าสิ่งที่แม่ของเธอต้องการที่สุดคืออะไร สิ่งนั้นก็คือการได้กลับไปหาครอบครัวที่ตัวเองรักยังไงล่ะ แต่เพราะภาระหน้าที่ของเธอ ทำให้ไม่อาจทำตามความต้องการของตัวเองได้ ”

“ เธอต้องการรักษาตำแหน่งเจ้าสำนักเอาไว้…เพื่อรอจนกว่าเหยียนซืออู่จะกลับมา เธอจึงตั้งใจฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง ทั้งที่ด้วยนิสัยของเธอนั้น ไม่ได้ชื่นชอบการต่อสู้แม้แต่น้อย ”

“ แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้การเสียสละของผู้อาวุโสใหญ่และลูกชายต้องสูญเปล่า เธอจึงต้องฝืนตัวเองโดยใช้โอสถลับต้องห้ามเพื่อกลายเป็นเซียนขั้นสูง ซึ่งมันก็จะส่งผลกระทบต่ออายุขัยอย่างรุนแรง ”

!!

“ คุณว่ายังไงนะ…แม่ของฉันใช้โอสถลับต้องห้ามงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นอย่างตกใจ ทันใดนั้นเขาก็นึกไปถึงจอนผมสีขาวของแม่ ที่เขาเคยคิดว่าเป็นเพราะเศร้าเสียใจมากเกินไป

‘ กลับกลายเป็นว่า…มันคือผลข้างเคียงจากการสูญเสียพลังชีวิต โชคดีที่ดูเหมือนจะไม่เลวร้ายจนเกินไป ฉันยังสามารถใช้เลือดมังกรฟื้นฟูให้กับแม่ได้ ’

เลือดมังกรของจ้าวเทียนไม่ต่างกับยาอายุวัฒนะเท่าไหร่นัก มันมีพลังชีวิตมหาศาลสามารถรักษาอาการแม่ของเขาได้อย่างแน่นอน

หลังจากนั้น เปียนเจียวเมิ่งก็เปิดอกคุยกับจ้าวเทียนอย่างตรงไปตรงมา สำนักคุนหลุนนั้นขาดเจ้าสำนักมานาน ทำให้ตกต่ำลงเรื่อยๆ ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่

ดังนั้นเธอจึงต้องการรับภาระนี้เอาไว้เอง แล้วปล่อยให้แม่ของเขาได้กลับไปหาครอบครัวของตัวเอง ส่วนเรื่องที่ว่าตระกูลไหนจะได้เป็นผู้นำของสำนักคุนหลุน เธอไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย

เพราะสำหรับเปียนเจียวเมิ่งแล้ว ทุกคนในสำนักก็คือครอบครัวของเธอ

ซึ่งเรื่องนี้จ้าวเทียนก็เห็นด้วย เพราะท่านตาของเขาก็เคยบอกเอาไว้แล้วว่าต้องการถอนตัวออกจากยุทธภพ แล้วใช้ชีวิตอย่างสงบกับครอบครัวที่โลกภายนอก

หากอีกฝ่ายต้องการรับภาระตรงส่วนนี้ไป ก็เข้าทางเขาพอดี

ห้องประชุมใหญ่สภาอาวุโสสำนักคุนหลุน

ผ่านไปสามสิบนาทีหลังจากที่เปียนเจรยวเมิ่งและจ้าวเทียนออกไป แต่การประชุมก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเพิ่มขึ้นมา เพราะยังไม่มีใครเสนอแผนการที่เหมาะสมในการรับมือกับฝ่ายศัตรูได้

ทันใดนั้นเอง

จ้าวเทียนและเปียนเจียวเมิ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกัน ทำให้ผู้อาวุโสทุกคนที่อยู่ในห้องต่างพากันให้ความสนใจ

“ ก่อนอื่น…ฉันมีบางอย่างอยากจะให้พวกคุณได้เห็น และหวังว่าทุกคนจะเก็บเอาไว้เป็นความลับ จนกว่าการต่อสู้จะเริ่มขึ้น ” จ้าวเทียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

แวบ!

ยิ่งเมื่อเธอนึกไปถึงเหตุการณ์ในครั้งแรกที่ได้เจอกัน ตอนที่จ้าวเทียนเห็นเด็กทั้งสองคนนั้นเรียกเธอว่าแม่แล้วเขาก็เสียการควบคุมตัวเอง

น้ำตาของเธอก็ไหลซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้เธอเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ทั้งสาเหตุที่เขาแสดงอาการโกรธ และจุดประสงค์ที่เขาถามคำถามแบบนั้นออกมา

‘ ฉันทำอะไรลงไป…เขาต้องผ่านความยากลำบากมามากขนาดไหน เพื่อที่จะมาเจอฉัน ’

ตอนนี้เหยียนซือหนิงเดินเข้าไปหาจ้าวเทียนอย่างช้าๆ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา เธอไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่พยายามร้องห้ามแม้แต่น้อย

จนกระทั่งเมื่อได้มาหยุดลงตรงหน้าของจ้าวเทียน…

ตอนนี้เธอก็แน่ใจแล้วว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นลูกชายของเธอแน่นอน โครงหน้าของเขาคล้ายกับคนรักของเธอสมัยหนุ่มๆมาก

‘ ทำไมฉันถึงไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้ ’

เธอยื่นมือออกไป เหมือนต้องการจะสัมผัสใบหน้าของเขาแต่ก็หยุดเอาไว้ เพราะจดจำได้ว่าตัวเองเพิ่งจะทำเรื่องที่โหดร้ายไป

“ ลูกเทียน…แม่ ”

แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกไป จ้าวเทียนก็ได้คว้ามือของเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน แล้วนำมาแนบกับใบหน้าของตัวเองไว้

“ แม่ไม่ต้องขอโทษหรอก…ผมรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ”

ด้วยคำพูดประโยคนี้ ทำให้เหยียนซือหนิงยิ้มขึ้นทั้งน้ำตา จากนั้นก็โผตัวเข้ากอดลูกชายเอาไว้แน่นด้วยความรักและความคิดถึง

จ้าวเทียนเองก็สวมกอดแม่ของเขากลับไปเช่นกัน ตรงหางตาของเขายังมีน้ำหยดหนึ่งไหลซึมออกมา มันเต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย ในตอนที่ยังได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

เรื่องราวบางอย่างเราไม่มีทางรู้เลยว่ามีค่าแค่ไหน จนกระทั่งได้สูญเสียเสียมันไปแล้ว เป็นเพราะการได้ย้อนกลับมาในครั้งนี้ จ้าวเทียนจึงรู้สึกตัวว่าผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาในตอนนี้ เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา

หากเขาไม่ได้ย้อนเวลากลับมา ก็คงไม่มีทางรู้เลยว่า เหตุผลที่เธอยอมทิ้งครอบครัวที่รักยิ่งไป ก็เพราะต้องการปกป้องพวกเขาเอาไว้

อีกทั้งในโลกใบนี้ เธอก็ต้องแบกรับปัญหาทุกอย่างไว้เพียงลำพัง ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่ว่ามีจ้าวเทียนอยู่ บางทีแม่ของเขาก็อาจจะถูกสังหารไปโดยไม่ได้มีโอกาสพบลูกของตัวเองด้วยซ้ำ

เมื่อนึกถึงพวกศัตรูที่กำลังจะมาถึง แววตาของจ้าวเทียนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา พวกมันคือต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะความโลภของพวกมัน ครอบครัวของเขาคงไม่ต้องเผชิญกับชะตากรรมแบบนี้

“ แม่ครับ…เรื่องหลังจากนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง ผมจะให้พวกมันชดใช้ในสิ่งที่ทำกับครอบครัวของเรา ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน