ณ ประตูชั้นในสำนักคุนหลุน
หลังจากค่ายกลเซียนสี่สัตว์เทพสำแดงเดช กองกำลังพันธมิตรสี่สำนักก็เกิดการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ซากศพกองสุมกันเป็นภูเขา เลือดสีแดงฉานได้ย้อมพื้นดินจนกลายเป็นแม่น้ำโลหิต
ร่างอวตารของสี่สัตว์เทพนั้นแข็งแกร่งจริง แต่ทรัพยากรของสำนักคุนหลุนไม่เพียงพอที่จะคงสภาพกายเนื้อของสัตว์เทพทั้งสี่ไว้ได้นาน
อีกทั้งยอดฝีมือระดับเซียนทั้งแปดคนที่ควบคุมค่ายกลอยู่ ก็ไม่สามารถแบกรับความกดดันมหาศาลได้ไหว เพราะอย่างไรพวกเขาก็เป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ
การที่ต้องใช้สมาธิควบคุมสัตว์เทพแต่ละตัว ที่มีพลังมากกว่าตนเอง ทำให้จิตใจของพวกเขาอ่อนล้าลงอย่างรวดเร็ว
เพียงหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ผู้อาวุโสที่อยู่ในขอบเขตเซียนขั้นกลางก็ทรุดลงไปนอนสิ้นสติบนพื้น ทำให้ภาระอันหนักอึ้งตกเป็นของเซียนขั้นสูงทั้งสี่คน
“ เจ้าสำนัก…ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว ” รองผู้นำตระกูลเปียนพูดขึ้นด้วยในหน้าซีดขาว เมื่อขาดผู้อาวุโสทั้งสี่คนที่ควบคุมค่ายกลย่อยไป พลังจิตวิญญาณของเขาก็ถูกเผาผลาญเร็วกว่าเดิมเกือบสี่เท่า
และไม่ใช่เพียงแค่รองผู้นำตระกูลเปียนเท่านั้น เซียนขั้นสูงอีกคนเองก็ทนไม่ไหวเช่นกัน แม้แต่แรงจะพูดก็ยังไม่มี
ตอนนี้เขากำลังฝืนขีดจำกัดของตัวเองเพื่อถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด
“ เรื่องนี้… ” เปียนเจียวเมิ่งรู้สึกพูดไม่ออก หากพวกเธอยอมถอดใจตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาก็จะสูญเปล่าทันที
‘ ตัวฉันเอง…ยังทนไปได้อีกครึ่งชั่วโมง แต่คนอื่นแม้แค่ห้านาทีก็คงไม่ไหวแล้ว ’
ทันใดนั้น
สายตาของเธอก็มองไปยังเหยียนซือหนิง ซึ่งก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาที่เธอเช่นกัน
‘ ซือหนิงเองก็แทบจะไม่ไหวแล้ว…ที่เธอยังฝืนตัวอยู่ได้ ก็เพราะเจตจำนงที่ไม่ยอมแพ้เท่านั้น แต่สภาพนี้คงไม่สามารถทนอยู่ได้นาน ’
ตอนนี้ฝ่ายศัตรูยังเหลือรอดอีกประมาณครึ่งหนึ่ง ซึ่งต่างก็เป็นยอดฝีมือระดับสูงทุกคน พวกเขาได้ใช้ค่ายกลประสาน เพื่อป้องกันการโจมตีของสี่สัตว์เทพ
แม้ว่าการทำแบบนี้จะต้องสิ้นเปลืองพลังไปมหาศาล แต่อย่างน้อยด้วยการช่วยเหลือของเซียนขั้นสูงสิบกว่าคน และการเสียสละชีวิตของพวกศิษย์ระดับล่าง
การจะถ่วงเวลาออกไปอีกครึ่งชั่วโมงก็ไม่ใช่เรื่องยาก…
‘ ฉันควรทำยังไงดี… ’
ในขณะนั้นเอง
อั่ก!
ผู้อาวุโสเซียนขั้นสูงที่เงียบมาตลอด ก็กระอักเลือดออกมาคำโตแล้วหงายหลังล้มทั้งยืน เขาหมดสติลงเพราะไม่สามารถแบกรับไหวอีกต่อไป
“ สลายค่ายกลซะ! ”
เปียนเจียวเมิ่งรีบสั่งออกมาทันที หากไม่รีบหยุดตอนนี้ ทุกคนจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่
วูปปป!
คนอื่นที่ได้ยินก็รีบทำตามอย่างรวดเร็ว พวกเขาดึงพลังของตัวเองกลับมาจากแผ่นหยก ทำให้แสงสว่างของมันจางหายไป
ครืนนนน!
เมื่อขาดการเชื่อมต่อจากหยกแผ่นควบคุม ร่างเนื้อของสี่สัตว์เทพก็สลายตัวกลายเป็นละอองแสงในพริบตา
“ นี่มัน…สัตว์อสูรพวกนั้นสลายไปแล้ว ” เซียนขั้นสูงคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความดีใจ เขาเป็นผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักซงซาน ที่ต้องเผชิญหน้ากับมังกรเขียวขนาดยักษ์
“ พวกเราชนะ…ค่ายกลของพวกมันสลายไปแล้ว ”
“ ในที่สุด มันก็จบลงเสียที ”
“ ทุกคน…ตามฉันไปล้างแค้นพวกมัน ”
เสียงโห่ร้องดีใจ และเสียงตะโกนด้วยความคลั่งแค้นดังไปทั่วกองกำลังพันธมิตร สงครามครั้งนี้พวกเขาสูญเสียคนไปเกือบสองพัน ทำให้แต่ละสำนักเหลือคนเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
สงครามครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตเยอะที่สุดตั้งแต่มีการก่อตั้งสำนักมา…
แต่ทันใดนั้น
“ ใครกล้าบุกสำนักของฉัน…มันต้องตาย! ”
เจียงลี่ได้พาศิษย์สำนักคุนหลุนเกือบพันคน ทะยานร่างบุกเข้ามาจากทางด้านหลังกองกำลังพันธมิตร ที่บนท้องฟ้าก็มีเซียนสิบเอ็ดคนบินตามมาด้วย
“ ทหารทุกคนรับคำสั่ง! จงปกป้องสำนักคุนหลุนด้วยชีวิต ”
แม่ทัพเกราะเงินควบม้านำกองทัพ บุกขึ้นมาอีกทางเช่นกัน ด้วยกองทัพม้าเกือบสองหมื่นนายทำให้ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน
การมาถึงของพวกเขา…สร้างความกดดันให้กับฝ่ายพันธมิตรสี่สำนักเป็นอย่างมาก
“ พวกเธอ…ในที่สุดก็มาทันสินะ ” เปียนเจียวเมิ่งพูดขึ้นด้วยความดีใจ อย่างน้อยตอนนี้ฝ่ายของเธอก็ยังมีพลังที่จะตอบโต้กลับไปได้
“ พวกเรายังไม่แพ้…ฉันไม่มีทางยอมให้สำนักของพ่อต้องถูกทำลายเด็ดขาด ” เหยียนซือหนิงพูดขึ้นอย่างจริงจัง แม้ว่าตัวเธอจะรู้สึกอ่อนล้าแค่ไหน แต่แววตาของเธอลุกโชนไปด้วยเปลวไฟแห่งการต่อสู้
‘ ตอนนี้…ลูกเทียนกำลังต่อสู้เสี่ยงชีวิตอยู่ ตัวฉันที่เป็นแม่ก็จะสู้สุดชีวิตเช่นกัน เพื่อป้องสิ่งสำคัญเอาไว้ ต่อให้เสียสละแค่ไหนมันก็คุ้มค่า ’
“ ศิษย์พี่เจียงลี่ มาช่วยพวกเราแล้ว ”
“ แม่ทัพรักษาเมืองก็มาเช่นกัน ด้วยกองทัพขนาดนั้นพวกศัตรูต้องพินาศ ”
“ พวกเราต้องชนะ…สำนักคุนหลุนจงเจริญ ”
นั่นคือเจ้าสำนักทั้งสี่พ่ายแพ้และตกตายหมดสิ้น
แม้แต่มดก็ยังรักชีวิตของตัวเอง แล้วพวกเขาที่ฝึกฝนมาอย่างยากลำบาก จะยอมให้ตัวเองต้องตายไปอย่างไร้ค่าได้อย่างไร
“ ที่อยากจะพูด…มีเพียงเท่านี้ใช่ไหม ” จ้าวเทียนถามออกมาด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
จากนั้น กระบี่ราชันสวรรค์ในมือเขาก็ฟันออกไปด้านหน้า ด้วยความเร็วที่ไม่มีใครมองเห็นได้ทัน
“ กระบี่สรรพสิ่งเพลิงสุริยัน! ”
ฉัวะ!
รังสีกระบี่ที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงสีทองขนาดยักษ์ นี่เป็นพลังเต็มสิบส่วนของจ้าวเทียน ก่อนหน้านี้เขาได้ใช้เวลาหลังเสร็จการต่อสู้ ดื่มโอสถฟื้นฟูมาแล้ว
ทำให้พลังของจ้าวเทียนกลับมาเต็มเปี่ยมเหมือนเดิม
คลื่นกระบี่ขนาดใหญ่ปกคลุมแผ่นฟ้า ฟันเข้าใส่เซียนขั้นสูงสิบสามคนแยกออกเป็นสองส่วนอย่างไม่ทันตั้งตัว อาจเป็นเพราะพวกเขาเองก็สิ้นเปลืองพลังไปมากเช่นกัน
ทำให้ไม่สามารถต้านทานกระบี่นี้ของจ้าวเทียนได้
วูป!
หลังจากใช้พลังกวาดเอาแหวนมิติมาเก็บไว้หมดแล้ว จ้าวเทียนสั่งออกมาเสียงดัง
“ จับกุมศัตรูทุกคนไว้…ถ้าใครขัดขืนสังหารทิ้งได้ทันที ”
“ รับคำสั่ง! ”
“ พวกเราชนะแล้ว! ”
“ นายน้อยไร้เทียมทาน…สำนักคุนหลุนจงเจริญ ”
ทุกคนในสำนักคุนหลุนโห่ร้องขึ้นมาด้วยความดีใจ ในที่สุดพวกเราก็ได้รับชัยชนะอย่างแท้จริง ซึ่งตรงกันข้ามกับกองกำลังพันธมิตร ที่ทุกคนต่างทิ้งอาวุธลงด้วยความสิ้นหวัง พวกเขารู้สึกหวาดกลัวต่อชะตากรรมที่รออยู่ในอนาคต
จ้าวเทียนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับใช้ความคิด ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนโหดร้าย เหตุผลที่ต้องฆ่าเซียนขั้นสูงพวกนั้น ก็เพราะพวกมันมีพลังฝีมือสูงเกินไป เขากลัวว่าสำนักคุนหลุนจะไม่สามารถสยบเอาไว้ได้
แตกต่างกับพวกปรมาจารย์และเซียนขั้นต่ำและขั้นกลาง คนพวกนี้ท่านย่าและท่านแม่ของเขาสามารถจัดการได้สบาย
‘ ยังมีพวกที่เชื่อถือคำพูดของฉัน และพากันหลีกเลี่ยงการต่อสู้…หลังจากตรวจสอบพวกเขาอย่างละเอียด ก็จะสามารถรับเข้ามาเป็นพวกเดียวกันได้ ’
ในบรรดาเชลยฝ่ายศัตรูทั้งสองพันคนนี้ จ้าวเทียนต้องการคัดเลือกคนที่มีคุณธรรมให้มาเข้าร่วมสำนักคุนหลุน เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ปฏิเสธแน่นอน
เพราะอย่างไรซะ…ในโลกใบนี้ความแข็งแกร่งคือทุกอย่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...