จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 249

มนุษย์ทุกคนย่อมมีความเห็นแก่ตัวอยู่ภายในจิตใจ ต่อให้ฝึกฝนจนสำเร็จเป็นเซียน ก็ไม่อาจละทิ้งสันดานนี้ไปได้ โดยเฉพาะผู้ที่แสวงหาอำนาจวาสนาอย่างเจ้าสำนักทั้งสอง

ในอดีตแม้แต่เรื่องฆ่าชิงทรัพย์พวกเขายังกล้าทำ ดังนั้นการไปพูดถึงเรื่องคุณธรรมและจิตสำนึกความเป็นคนกับพวกเขา มันเป็นการเสียเวลาเปล่า

ความแข็งแกร่งของจ้าวเทียนนั้นน่าหวาดกลัวเกินไป หากไม่ตัดสินใจทำอะไรซักอย่าง พวกเขาเองก็คงถูกไล่ล่าสังหารไปทีละคนอย่างแน่นอน

ดังนั้นเมื่อเห็นเจ้าสำนักหานซานใช้เคล็ดวิชาลับตรึงจ้าวเทียนเอาไว้ได้ พวกเขาจึงตัดสินใจลงมือพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ชีวิตของคนอื่นจะมาสำคัญกว่าชีวิตตัวเองได้อย่างไร…

เพราะความคิดแบบนี้ ทำให้เจ้าสำนักทั้งสองตัดสินใจกำจัดศัตรูไปพร้อมกับพวกพ้องของตัวเอง ส่วนถ้าสำนักหานซานจะเอาเรื่อง พวกเขาก็แค่บอกไปว่าทุกอย่างเป็นฝีมือของจ้าวเทียนก็พอ

ถึงอย่างไร! คนตายก็พูดไม่ได้อยู่แล้ว

ตูมมมมมมม! บูมมมมมม!

เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เกิดแสงสว่างเจิดจ้าทำให้สายตาพร่ามั่ว อาณาเขตเปลวเพลิงแหลกสลายไปในพริบตา

“ ของในแหวนมิติทั้งสามวง…พวกเราจะแบ่งกันคนละครึ่งตกลงไหม ” เจ้าสำนักเฮ่งซานพูดขึ้นด้วยความโลภ เขากำลังหมายตาสมบัติที่เจ้าสำนักหานซาน เจ้าสำนักไท่ซาน และจ้าวเทียนทิ้งไว้

“ ตามนั้น…แต่อย่าให้เรื่องนี้หลุดออกไปเด็ดขาด ” จ้อเซียงหยุนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาของเขามองไปยังระเบิดของพลังงานจากเคล็ดวิชาไม้ตายทั้งสองอย่างกังวล

“ ไม่ต้องห่วง…มันไม่มีทางรอดไปได้หรอก ” เจ้าสำนักเฮ่งซานพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ

ในขณะนั้นเอง!

แวบบบบ!

เกิดม่านแสงรูปวงกลมสีขาวปกคลุมจุดที่จ้าวเทียนอยู่ แล้วดูดกลืนพลังงานทุกอย่างจนสลายหายไปในพริบตา

จากนั้นร่างของจ้าวเทียนในสภาพไร้บาดแผลก็ปรากฏขึ้น

“ ยินดีด้วย…พวกแกทำให้ฉันโกรธจริงๆแล้ว ”

จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยแววตาเย็นชา เขาคว้าเอาแหวนมิติของเจ้าสำนักหานซานมาเก็บเอาไว้ หากไม่ใช่เพราะแผ่นป้ายดาราสวรรค์ของท่านอาจารย์

ตัวเขาคงได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว

‘ ฉันไม่คิดว่าจะต้องมาใช้ป้ายดาราสวรรค์บนโลกมนุษย์อีกครั้ง…มันช่างเป็นเรื่องเสียเปล่าสิ้นดี ’

ป้ายประจำตัวศิษย์หลักที่ท่านอาจารย์มอบให้ สามารถป้องกันการโจมตีระดับต่ำกว่าเทพโลกาได้ทั้งหมด มันเป็นไม้ตายช่วยชีวิตที่เขาจะเก็บเอาไว้ใช้ตอนขึ้นแดนสวรรค์

การที่ต้องมาใช้กับการโจมตีของเซียนขั้นสูงสุด ทำให้เขารู้สึกเสียดายอย่างมาก ป้ายอันนี้ท่านอาจารย์ได้ใช้พลังส่วนหนึ่งของตนเองหลอมสร้างขึ้นมา ในโลกนี้มีเพียงสี่อันเท่านั้น มอบให้กับศิษย์หลักของเธอทั้งสี่คน

มูลค่าของมัน แม้แต่หินวิญญาณระดับเทพหมื่นก้อนก็ซื้อไม่ได้…

“ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร…ฉันเห็นกับตาว่าเคล็ดวิชาป้องกันของแกถูกทำลายไปแล้ว ไม่มีทางที่แกจะรอดมาได้โดยไร้บาดแผลแบบนี้ ” เจ้าสำนักเฮ่งซานพูดขึ้นอย่างขาดสติ เขารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

แม้แต่จ้อเซียงหยุนตอนนี้ก็ยังมีใบหน้าซีดขาวด้วยความหวาดกลัว เขาพูดพึมพำคำหนึ่งซ้ำไปซ้ำมา

“ เป็นแบบนี้ได้ยังไง… ”

จ้าวเทียนที่เห็นแบบนั้นก็แค่นเสียงอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้น

“ ตอนนี้…ถึงเวลาตายของพวกแกแล้ว ”

“ เคล็ดกระบี่บูรพาสังหาร! ”

ครืนนน

อาณาเขตแห่งดวงดาวที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟสีทองปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทำให้เจ้าสำนักทั้งสองหน้าเปลี่ยนสีทันที

“ นายป้องกันเอาไว้ ฉันจะโจมตีเอง พวกเราต้องร่วมมือกัน ” จ้อเซียงหยุนตะโกนออกมาเสียงดัง

ฟุ่บ!

เมื่อเห็นร่างของจ้าวเทียนหายไปอีกครั้ง แววตาของเจ้าสำนักเฮ่งซานก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง ตอนนี้ถ้ายังมัวเห็นแก่ตัวอยู่ก็คงตายไปทั้งคู่แน่นอน

“ บัดซบ…ฉันไม่เชื่อว่าจะสู้แกไม่ได้ ”

“ เมฆารวมศูนย์! ”

โดยมีเจ้าสำนักเฮ่งซานเป็นจุดสูญกลาง พลังงานฟ้าดินโดยรอบในรัศมีหนึ่งหมื่นเมตรได้ถูดดูดกลืนมารวมกันในพริบตา

ครืนนน

เกิดเป็นก้อนพลังงานทรงกลมขนาดใหญ่ ปกคลุมตัวเขาและจ้อเซียงหยุนเอาไว้ นี่เป็นการเผาผลาญเมล็ดพันธ์ุเซียนของตัวเอง เพื่อใช้พลังเกิดขีดจำกัดออกมา

มันสามารถปฏิเสธการโจมตีจากภายนอกได้ทั้งหมด ทำให้แม้แต่จ้าวเทียนก็ไม่สามารถเคลื่อนที่แบบผ่ามิติไปปรากฏตัวด้านในได้

‘ เหอะ…ถ้าพลังของฉันอยู่ในขอบเขตเดียวกับพวกแก ของแบบนี้ไม่มีทางป้องกันเคล็ดวิชาของฉันได้หรอก ’

เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

กระบี่ราชันสวรรค์ฟันใส่ก้อนพลังงานอย่างถี่ยิบ ร่างของจ้าวเทียนเหมือนภูติผีปรากฏขึ้นโจมตีจุดอ่อนของม่านพลังฝ่ายตรงข้ามไปเรื่อยๆ

ด้วยเคล็ดวิชากระบี่บูรพาสังหาร ทำให้เขามองเห็นจุดอ่อนของศัตรูทั้งหมด ที่ปรากฎขึ้นบนแผนภูมิดวงดาว

เปรี้ยงง! ครืนนน เปรี้ยง! ครืนนนน!

ทุกครั้งที่กระบี่ของจ้าวเทียนฟันออกไป ลูกพลังงานทรงกลมก็มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ เพราะจุดกำเนิดพลังของมันถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว

“ ฉันจะต้านไว้ไม่ไหวแล้ว…นายก็ทำอะไรซักอย่างสิวะ! ” เจ้าสำนักเฮ่งซานพูดขึ้นด้วยความร้อนรน เขาเผาผลาญพลังเซียนเพื่อฟื้นฟูม่านพลังอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเคลื่อนย้ายช่องโหว่ของเคล็ดวิชาหลบหนีอีกฝ่ายไปด้วย

‘ บัดซบ…มันมองจุดอ่อนของเคล็ดวิชาฉันออกทุกครั้ง นี่มันบ้าอะไรกัน ’

ด้วยพลังในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภาทำให้เขาสามารถทำลาย กระบี่ขนาดยักษ์ของจ้าวเทียนได้อย่างง่ายดาย

แต่ทว่า

เวลามันก็ได้ผ่านไปถึงแปดลมหายใจแล้ว…

เจ้าสำนักเฮ่งซานที่ไม่ได้รู้ถึงเรื่องนั้น ก็ได้ยิ้มขึ้นอย่างโล่งใจ ที่พวกเขาสามารถต้านทานเคล็ดวิชาไม้ตายของจ้าวเทียนได้

ทันใดนั้น

“ เก้ากระบี่เดียวดาย เคล็ดทำลายกระบี่! ”

จ้าวเทียนปรากฏตัวขึ้นอย่างไร้ร่องรอยแล้วแทงกระบี่ออกไปทันที มันคือสำนึกกระบี่ขั้นสูงสุดของวิชาเก้ากระบี่เดียวดาย

เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เงากระบี่ดุจอัสนีบาตรเกรี้ยวกราดดุดันหลายสิบสาย ทะลวงไปยังเจ้าสำนักเฮ่งซานอย่างรุนแรง

“ แกใช้วิชานี้ได้ยังไง….จ้อเซียงหยุนรีบช่วยฉันเร็ว ! ” เจ้าสำนักเฮ่งซานตะโกนขึ้นมาอย่างร้อนรน เขาใช้พลังที่เหลือทั้งหมดถ่วงเวลาเงากระบี่เอาไว้ เพื่อหวังให้สหายเข้ามาช่วยเหลือ

!!

แต่ทว่า…จ้อเซียงหยุนได้ทะยานร่างหลบหนีไปไกลแล้ว

“ ไอ้ชาติชั่วเอ้ย… ”

เปรี้ยงง!ๆๆๆๆ

อ้ากกกก!

ร่างของเจ้าสำนักเฮ่งซานขาดกระจุยออกเป็นชิ้นๆ จบชีวิตไปด้วยความคับแค้นใจ สุดท้ายผลกรรมที่เขาเคยหักหลังคนอื่น ก็ย้อนคืนกลับมาสู่ตนเอง

“ ไม่ต้องห่วง…ฉันจะส่งมันลงนรกตามแกไปในไม่ช้า ”

จ้าวเทียนพูดเสียงเย็นชา เขาเก็บแหวนมิติของเจ้าสำนักเฮ่งซานเอาไว้ จากนั้นสายตาของเขาก็มองไปยังศัตรูคนสุดท้ายที่อยู่ห่างไปเกือบสองหมื่นเมตร

“ เจตน์แห่งกระบี่ ”

วิ้งงง!

กระบี่ราชันสวรรค์ได้พุ่งออกไปจากมือของจ้าวเทียนด้วยความเร็วแสง มันข้ามผ่านระยะทางนับหมื่นเมตรด้วยเวลาเพียงพริบตา

เฟรี้ยว!

เสียงกระบี่บินฝ่าอากาศมาจากด้านหลัง ทำให้ร่างของจ้อเซียงหยุนสั่นสะท้าน และหยุดหลบหนีในที่สุด เพราะตอนนี้มันหมดเวลาสิบลมหายใจแล้ว เมล็ดพันธุ์เซียนของเขาได้สลายตัวไปช้าๆ

“ ไม่นึกเลย…จุดจบของฉันจะเป็นแบบนี้ น่าแค้นใจยิ่งนัก”

ฉัวะ!

ศีรษะของจ้อเซียงหยุนกระเด็นขึ้นฟ้า จบชีวิตลงด้วยความแค้นใจ เขาอุตส่าห์ตัดใจใช้โอสถต้องห้าม แต่แม้กระทั่งโอกาสจะโจมตีใส่ศัตรูซักครั้งยังไม่มี

มันช่างเป็นการเสียสละที่น่าบัดซบสิ้นดี…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน