จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 27

จ้าวเทียนมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกทึ่งในใจ อาการบาดเจ็บของเธอนั้นสาหัสมาก แม้เขาจะรักษาให้ไปแล้ว แต่นั่นก็เพียงแค่พอให้เธอไม่ตายเท่านั้น

ตอนนี้เธอยังถือเป็นศัตรูของเขาอยู่ หากรักษาเธอจนหายดีก็ไม่รู้ว่าเธอจะลงมือทำอะไรอีกบ้าง ซึ่งดูจากที่เธอแกล้งหลับเพื่อหวังลอบโจมตีเขา แสดงว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องแล้ว

“ อย่างแรกเลย…ช่วยเล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟังหน่อย ฉันไม่เชื่อว่าศัตรูเก่าของท่านปู่ลี่จะสามารถสั่งการปรมาจารย์อย่างเธอได้ ” เขาพูดขึ้น หลังจากเดินเข้ามานั่งลงเก้าอี้ที่ตรงโต๊ะน้ำชาในห้อง

“ เธอควรคิดให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกมา…เพราะฉันไม่เคยปรานีต่อศัตรูมาก่อน และก็ไม่เคยมีใครกล้าโกหกต่อหน้าฉัน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นอย่างเย็นชา

ออร่าจักรพรรดิระเบิดออกมาโดยที่เขาควบคุมให้ส่งผลต่อโม่ซินหยานเท่านั้น

กึกๆ

ตุบ!

โม่ซินหยานโดนความกดดันของจ้าวเทียนถาโถมเข้าใส่จนตัวสั่นสะท้าน เรี่ยวแรงที่รวบรวมไว้เมื่อครู่สลายไปทันที เธอทรุดลงไปนอนบนเตียงอย่างอ่อนแรง

อั่ก!

หลังจากที่กระอักเลือดออกมาคำโต โม่ซินหยานก็มองไปที่จ้าวเทียนด้วยสีหน้าหวาดกลัว ชายตรงหน้าเธอต้องเป็นอสูรร้ายที่สังหารผู้คนมานับล้าน ถึงมีออร่าเช่นนี้

มันเป็นความรู้สึกที่ออกมาจากสัญชาตญาณนักฆ่าที่เฉียบคมของเธอ เมื่อพบกับศัตรูที่ไม่สามารถเอาชนะได้

ฉันยังตายตอนนี้ไม่ได้…

ฉันไม่อยากทิ้งลูกสาวฉันไปแบบนี้…

ตามหลักแล้วอาชีพนักฆ่านั้น ยึดมั่นในกฎเกณฑ์ที่จะยอมตายดีกว่าเปิดเผยความลับ แต่เมื่อคิดไปถึงชีวิตของลูกสาว อีกทั้งตัวเธอก็เลิกเป็นนักฆ่ามานานแล้ว

กฎเกณฑ์ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป…

….

เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด สายตาที่จ้าวเทียนมองโม่ซินหยานก็เพิ่มความชื่นชมขึ้นมาหลายส่วน คนแบบนี้แหละที่เขาต้องการ หากเธอเป็นเพียงนักฆ่าที่ทำเพื่อเงินอย่างเดียว

เขาก็คงมองเธอเป็นเพียงกระสุนที่ใช้แล้วทิ้งเท่านั้น แต่เธอคือคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนสำคัญของตัวเอง แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่เชื่อใจได้

เขาสามารถฝากฝังให้เธอช่วยคุ้มครองน้องสาวได้อย่างวางใจ

“ ฉันรู้ถึงสาเหตุอาการป่วยของลูกสาวเธอ ” เขาพูดขึ้นแบบสบายๆ

“ และฉันสามารถรักษามันได้! ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแววตาของโม่ซินหยานก็เปลี่ยนไปทันที จากเดิมที่มีแต่ความสิ้นหวัง ในตอนนี้มันเปล่งประกายความหวังอย่างแรงกล้า

ชายตรงหน้าไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกเธอ ด้วยความสามารถระดับเขา ปรมาจารย์อย่างเธอแทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย

ในการต่อสู้ที่ผ่านมา หากเขาใช้กระบวนท่านั้นตั้งแต่แรก เธอก็คงพ่ายแพ้ในพริบตาเดียว โดยที่ไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อย

“ ได้โปรดช่วยลูกสาวฉันด้วย...” เธอพยายามฝืนตัวลุกขึ้นมาก้มหัวขอร้องจ้าวเทียน

“ ไม่ต้องกังวล…ฉันตั้งใจจะช่วยอยู่แล้ว เพียงแต่หลังจากนี้เธอต้องทำงานให้ฉัน ” จ้าวเทียนตอบด้วยรอยยิ้ม

“ ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอไปฆ่าใคร งานของเธอเพียงอย่างเดียวก็คือปกป้องดูแลน้องสาวฉันเท่านั้น ฉันอยากให้เธอกับลูกสาวย้ายมาอยู่กับน้องสาวฉันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ”

จ้าวเทียนพูดต่อเมื่อเห็นแววตาของโม่ซินหยานผิดปกติ เขาพอจะเดาได้ว่าเธอคงไม่อยากกลับไปทำอาชีพเก่า

“ เธอตกลงไหม ”

โม่ซินหยานมองชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่แปลกไป ตอนนี้เขาดูไม่หน้าหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว เธอสัมผัสได้ถึงความรักที่เขามีต่อน้องสาว

อีกทั้งเงื่อนไขของเขานั้น ยังคำนึงถึงความรู้สึกของตัวเธออีกด้วย ไม่เคยมีใครปฏิบัติกับเธอแบบนี้มากก่อน ตั้งแต่เด็กทุกคนมองเธอเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ใช้ฆ่าคนให้องค์กรเท่านั้น

ถ้าฉันได้เจอเขาก่อนหน้านี้ซักหลายปี…

“ ฉันยินดีค่ะ…นายท่าน ” เธอตอบด้วยใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย

ฮา ฮ่า

“ เธอเรียกฉันว่าจ้าวเทียนก็พอ คำว่านายท่านมันรู้สึกแปลกๆ มาเถอะให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้ เดี๋ยวเราจะไปหาลูกสาวของเธอกัน ” จ้าวเทียนหัวเราะออกมาด้วยความยินดี

ตอนนี้เขาแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยให้น้องสาวของเขาได้แล้ว แถมมีพวกโม่ซินหยานมาอยู่ด้วย น้องสาวเขาก็คงจะไม่เหงาอีกต่อไป

แอ๊ดด!

จ้าวเทียนได้เปิดประตูออกมา ด้านหลังเขามีโม่ซินหยานเดินตามออกมาด้วยความนอบน้อม เขาใช้เวลารักษาอาการบาดเจ็บให้เธอประมาณ 2 ชั่วโมง

ตอนนี้เธอสามารถเดินเหินได้เหมือนคนปกติ เพียงแต่ยังไม่สามารถต่อสู้ได้ เพราะกระดูกของเธอยังไม่สมานกันดี คงต้องพักฟื้นไปอีก3-4วันจึงจะหายเป็นปกติ

“ พวกนายไม่ต้องเฝ้าห้องนี้แล้วล่ะ…เธอจะตามฉันออกไป ” จ้าวเทียนหันไปบอกกับพวกบอดี้การ์ดด้วยรอยยิ้ม

“ เอ่อคือ…ได้ครับนายน้อยจ้าว ” หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดตอบด้วยความมึนงง เขามองโม่ซินหยานที่เดินตามหลังจ้าวเทียนออกไปด้วยความเคารพ

นั่นคือปรมาจารย์เชี่ยวนะ…

ปรมาจารย์ที่กระทืบเท้าทีเดียว ก็สั่นสะเทือนไปทั้งเมือง…

ปรมาจารย์ที่เกือบจะลบตระกูลลี่ออกจากเมืองเทียนจิน…

คนระดับนั้น กลับยอมลดตัวลงมาทำงานเป็นแม่บ้านให้จ้าวเทียน…

ทันใดนั้นสายตาทุกคู่ ก็จ้องไปที่จ้าวเทียนเป็นทางเดียวกัน มันผสมปนเปไปด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ทั้งความตกตะลึง เคารพยกย่อง และสื่อความหมายแบบมีเลศนัย

……

จนจ้าวเทียนในตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆขึ้นมาแล้ว หยุดมองเขาแบบนั้นได้แล้ว มันไม่ใช่ความคิดของเขาซักหน่อย โม่ซินหยานเธอต้องการแบบนี้เอง

แค่กๆ

“ ว่าแต่หลานมาหาพวกเรามีอะไรเหรอ ” ท่านปู่ลี่ถามขึ้น ตอนนี้ท่านลืมเรื่องที่จะถามจ้าวเทียนไปแล้ว

ท่านส่งสายตาให้คนที่เหลือรีบๆทำงานของตัวเองไป เลิกสนใจเรื่องนี้ได้แล้ว

“ คือผมมีธุระต้องออกไปจัดการกับโม่ซินหยาน เลยจะเข้ามาบอกลาครับ ” จ้าวเทียนตอบ

“ งั้นเดี๋ยวปู่ให้คนไปส่งเธอแล้วกัน…เธอจะไปที่ไหนก็บอกเขาได้เลยนะ” ท่านปู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงใจ ซึ่งจ้าวเทียนก็ไม่ได้ปฏิเสธ

ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง รถคันหนึ่งก็ขับมาจอดหน้าโรงแรมเล็กๆตรงชานเมือง

“ ที่นี่เหรอครับ ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยความสงสัย โรงแรมแห่งนี้เล็กมาก และมันดูเก่าเหมือนขาดคนดูแลมานาน มันไม่เหมาะที่คนระดับโม่ซินหยานจะมาอยู่

“ ที่นี่แหละค่ะ…เพราะฉันเลิกเป็นนักฆ่ามา 5 ปีแล้ว อีกทั้งเงินเก็บส่วนใหญ่ก็ใช้ไปกับการรักษาลูกสาว ก็เลยไม่ค่อยมีเงินติดตัวมากนัก ” โม่ซินหยานตอบแบบอายๆ

นอกจากการต่อสู้กับฆ่าคน เธอเองก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็น

เดิมทีเงินเก็บของเธอนั้น พอเพียงจะใช้ชีวิตกับลูกสาวได้แบบสบายไปหลายสิบปี แต่เพราะอาการป่วยของลูกสาวเธอ

ทำให้ต้องใช้เงินหมดไปกับการจ้างหมอเก่งๆทั้งในและนอกประเทศ เพียงไม่กี่เดือนเงินที่เก็บไว้ก็เหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เมื่อพวกเขาเปิดประตูห้องพักเข้าไป จ้าวเทียนก็เห็นเด็กสาวคนหนึ่งนอนหลับอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย

ใบหน้านั้นแม้จะขาวซีดไปบ้าง แต่ก็แฝงไปด้วยความงดงาม หากเธอเติบโตขึ้นมา คงจะเป็นหญิงสาวที่สวยระดับเดียวกับลี่เหยาเหยาเลยทีเดียว

!!!

เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ดูคุ้นตาของเด็กสาวคนนั้น จ้าวเทียนก็รู้สึกดีใจ

‘ นั่นใช่เธอจริงด้วย…โม่ปิงหยู ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน