จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 275

บนลานฝึกซ้อมที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เหลือเพียงแค่เศษซากอวัยวะที่ฉีกขาด กับศีรษะหนึ่งหัวที่กลิ้งอยู่บนพื้น

ไม่มีผู้ใดคาดคิดถึงผลลัพธ์แบบนี้มาก่อน แม้กระทั่งฝ่ายขององค์ชายใหญ่เองก็ยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้เห็น ตั้งแต่ที่ผู้อาวุโสเซียวยื่นมือเข้าแทรกแซงการต่อสู้ พวกเขาทุกคนก็คิดว่าฝ่ายของเขาต้องได้รับชัยชนะแน่นอน

แต่สุดท้าย สิ่งที่เกิดขึ้นคือองค์ชายใหญ่ต้องมาตายไปอย่างทุกข์ทรมาน โดยที่ผู้อาวุโสเซียวไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย

“ องครักษ์ทุกคนรับคำสั่ง…สังหารศัตรูแก้แค้นให้องค์ชายใหญ่เดี๋ยวนี้ ” ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น

การตายขององค์ชายใหญ่ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ต่อให้เกิดจากการท้าสู้อย่างยุติธรรมตามธรรมเนียมของราชวงศ์ แต่โทษฐานของการอารักขาบกพร่อง เขาเองก็คงหนีไม่พ้น

มีเพียงสังหารตัวต้นเหตุเท่านั้น เขาอาจจะยังมีความหวังรอดชีวิตได้ ไม่อย่างนั้นเมื่อกลับไปถึงเมืองหลวง พระชายาหลักคงไม่ไว้ชีวิตทุกคนที่เกี่ยวข้องแน่นอน

“ รับคำสั่ง! ”

องครักษ์ทุกคนนำอาวุธออกมาทันที แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้พุ่งออกไป กลับมีคนลงมือเคลื่อนไหวก่อน นั่นคือชายชุดเขียวผู้เป็นทั้งอาจารย์และผู้คุ้มกันส่วนพระองค์ขององค์ชายใหญ่

“ ฉินหนาน…แกจงตายซะ! ”

“ แปดดาบทมิฬ! ”

ชายชุดเขียวฟันดาบออกไปสุดแรง ปราณดาบสีดำแปดสายก็ระเบิดออกมาแปดทิศทาง แล้วตวัดเข้าใส่คังหลินพร้อมกันเหมือนเคียวยมทูต

แม้จะเป็นเคล็ดวิชาเดียวกัน แต่ปราณดาบที่เขาปลดปล่อยออกมากลับแข็งแกร่งกว่าองค์ชายใหญ่มาก เนื่องมาจากมันเป็นวิชาประจำตัวของเขาเอง

“ คิดจะทำร้ายลูกชายของฉันงั้นเหรอ…อย่าได้ฝันไป ” ฉินกวงลี่ปรากฏตัวขึ้นขวางหน้าไว้ ดาบในมือเขาฟันสวนกลับไปเต็มแรง

เปรี้ยงงง!

แม้ว่าพลังของเขาจะด้อยกว่าอีกฝ่ายมาก เพราะเป็นเพียงปรมาจารย์ขั้นต่ำเท่านั้น แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว ยังมีปรมาจารย์ขั้นสูงหลายสิบคนตามมาด้วย ทำให้การโจมตีของชายชุดเขียวไร้ผลโดยสิ้นเชิง

“ ฉินกวงลี่! แกคิดจะเป็นกบฏงั้นเหรอ ” ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์พูดขึ้นด้วยความโกรธ ตอนนี้ทั้งตัวเขาและองครักษ์ทั้งหมด ถูกคนของตระกูลฉินล้อมเอาไว้หมดแล้ว

ที่สำคัญที่สุดคือปรมาจารย์ฝ่ายตรงข้ามอีกสามร้อยคนกำลังมองมาทางพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา

หากเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ ปรมาจารย์พวกนั้นคงลงมือช่วยฝ่ายของตระกูลฉินโดยไม่ลังเล

“ เหอะ…กบฏงั้นเหรอ อย่าพูดให้ตลกไปหน่อยเลย พวกแกเองทั้งนั้น ที่เป็นคนเรียกร้องให้ต่อสู้เป็นตายตามกฎของราชวงศ์ ซึ่งตอนนี้ลูกชายฉันเป็นก็ผู้ชนะแล้ว ”

“ เพราะฉะนั้นเดิมพันทั้งหมดขององค์ชายใหญ่ จะกลายเป็นของลูกชายฉันโดยชอบธรรม นั่นรวมไปถึงศักดิ์ฐานะองค์ชาย และขุมกำลังทั้งหมดของเขาด้วย ”

“ พวกแกที่หันอาวุธเข้าหาองค์ชายต่างหากล่ะ ที่เป็นกบฎ ” ฉินกวงลี่ประกาศออกมาเสียงดัง ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหน้าเปลี่ยนสีทันที

“ นายเป็นยังไงบ้าง…รีบกินโอสถฟื้นฟูก่อนสิ ” ฉินฟ่านเออร์และจูม่านฉีเข้ามาประคองตัวคังหลินไว้ด้วยความเป็นห่วง

โดยเฉพาะจูม่านฉี เธอรีบนำโอสถระดับสูงของราชวงศ์ต้าหมิงออกมาให้คังหลินกินทันที มันมีคุณภาพเหนือกว่าของตระกูลฉินมาก

“ ฉันไม่เป็นไร…โชคดีที่เบี่ยงตัวหลบทัน เลยไม่ถูกจุดสำคัญ ” คังหลินพูดออกมาให้พวกเธอคลายความกังวล ด้วยประสิทธิภาพของโอสถที่เพิ่งกินเข้าไป ทำให้อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

ตลอดเวลาที่ผ่านมา สายตาของคังหลินจับจ้องไปที่ผู้อาวุโสเซียวอย่างตื่นตัว เขาไม่กล้าผ่อนคลายความระมัดระวังแม้แต่น้อย

‘ เมื่อครู่นี้ ฉันลงมือเร็วเกินไป ยังคงเหลือเวลาอีกซักพัก กว่าศิษย์น้องจะตามมาสมทบได้ ’

มันเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะองค์ชายใหญ่สมควรตายเกินไป การกระทำของอีกฝ่ายได้ไปกระตุ้นโทสะของเขาเข้า

เขาจึงตัดสินใจสังหารองค์ชายใหญ่ทันที เพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณที่น่าสงสารเหล่านั้น

ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังคุมเชิงกันอยู่ ผู้อาวุโสเซียวที่ยืนนิ่งมาตลอดก็ลอยขึ้นไปบนฟ้า เหนือพื้นดินประมาณร้อยเมตร แล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง

ฮ่า ฮา ฮ่า

“ ดีมาก…ตั้งแต่ฉันเกิดมา ยังไม่เคยเจอความอัปยศแบบนี้มาก่อน ชาวพื้นเมืองชั้นต่ำอย่างพวกแกทำได้ดีจริงๆ ”

สีหน้าของผู้อาวุโสเซียวเต็มไปด้วยความคุ้มคลั่ง เมื่อรวมกับคราบเลือดมากมายที่ติดอยู่ตามตัว ทำให้เขาดูเหมือนปีศาจร้ายไม่มีผิด

“ มังกรเขียวจุติ! ”

ครืนนน!

พริบตานั้น คลื่นพลังอันเกรี้ยวกราดระเบิดออกมาจากร่างของผู้อาวุโสเซียวอย่างรุนแรง เงาร่างมังกรเขียวขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นด้านหลังเขา มันก้มลงมองมนุษย์ที่อยู่ด้านล่างเหมือนมดปลวก

ความกดดันมหาศาลของขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดถาโถมลงมาจากเบื้องบน กระแทกเข้าใส่ทุกคนที่อยู่ในอาณาเขต โดยไม่แบ่งแยกมิตรศัตรู

ตึงง! ตุบ!

ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตปรมาจารย์ เหมือนถูกทุบลงไปนอนกองกับพื้นทันที แม้แต่ผู้ที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ก็ยังต้องฝืนทนไว้ด้วยขาอันสั่นเทา

“ ไม่เป็นไรนะ ” คังหลินหันไปถามสองสาวที่อยู่ข้างๆ เขาใช้พลังปราณของตนปกป้องพวกเธอเอาไว้

ที่บนฟ้า สายตาของผู้อาวุโสเซียวกวาดมองพวกคนที่ฝืนตะเกียดตะกายดิ้นรนอยู่ด้านล่างด้วยความพึงพอใจ ความรู้สึกอัดอั้นที่ทำอะไรไม่ได้ก่อนหน้านี้ ได้ทุเลาลงไปหลายส่วน

ทันใดนั้น

สายตาของเขาก็หยุดลงที่คังหลิน ตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่าย เขาคงไม่ต้องรู้สึกอับอายขายหน้าขนาดนี้

“ ไหนแกบอกมาสิ…ว่าฉันควรจัดการกับแกยังไงดี ”

!!

คังหลินที่ได้ยินแบบนั้น ก็แอบหยิบแผ่นหยกอันหนึ่งออกมาถือไว้ที่ด้านหลัง จากนั้นเขาก็มองกลับขึ้นไปอย่างไร้ความเกรงกลัว

“ คิดจะจัดการฉันงั้นเหรอ…แกมีความสามารถพอหรือเปล่า ” เขาพูดออกมาด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ มีเจตนาท้าทายอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด

“ เหอะ…ยังอวดดีอยู่งั้นเหรอ ฉันอยากรู้นักว่าตอนที่ฉันสังหารผู้หญิงสองคนนั้น แกยังจะมีท่าทางแบบนี้อยู่หรือเปล่า ” ผู้อาวุโสเซียวพูดขึ้นอย่างเย็นชา

สำหรับเขา แค่สังหารคังหลินทิ้งมันง่ายเกินไป ต้องทรมานทั้งจิตใจและร่างกายให้อีกผ่ายสิ้นหวังจนถึงขีดสุด จึงจะลบความอับอายที่เขาได้รับได้

ฟุ่บ!

ผุ้อาวุโสเซียวเดินเหยียบอากาศลงมาอย่างช้าๆ ทุกย่างก้าวของเขาทำให้ความกดดันที่ทุกคนได้รับหนักหน่วงยิ่งขึ้น

ตูมมม!

!!

อ้ากกกกก!

“ มือฉัน…ใคร มันเป็นใคร ” ผู้อาวุโสเซียวกุมมือไว้ด้วยความเจ็บปวด เขาใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบโดยรอบทันที เพราะคิดว่ามีเซียนระดับสูงคนอื่นลอบโจมตี

“ แกไม่ต้องหาไปหรอก…เป็นฝีมือของฉันเอง ” จ้าวเทียนตอบเสียงเย็นชา ที่ด้านข้างเขามีกระบี่เล่มหนึ่งลอยอยู่หลังจากที่มันทำหน้าที่เสร็จก็กลับมาหาเขาทันที โดยที่ไม่มีใครมองเห็นได้ทัน

ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ ต่อให้ใช้เพียงขอบเขตเจตน์แห่งกระบี่เพียงอย่างเดียว โดยไม่ต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริง ก็สามารถสังหารเซียนขั้นสูงสุดได้สบาย

เหตุผลที่เป็นแบบนั้น ก็เพราะเขาสามารถใช้เมล็ดพันธุ์สุริยันขับเคลื่อนเจตน์แห่งกระบี่ได้ มันทรงอานุภาพกว่าเดิมหลายเท่า ซึ่งถ้าไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันย่อมไม่มีทางมองออก

ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความกดดัน…

ตอนนี้ผู้อาวุโสเซียวไม่ได้มีท่าทีเย่อหยิ่งเหมือนตอนแรกแล้ว เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ย่อมสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างชัดเจน

“ แก…เป็นฝีมือของแกงั้นเหรอ ฉันเป็นผู้อาวุโสพรรคกระยาจกนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ประมุขพรรคไม่มีทางปล่อยแกแน่ ” ผู้อาวุโสเซียวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เขาไม่เคยเจอเคล็ดวิชาที่ตรวจจับไม่ได้แบบนี้มาก่อน

จ้าวเทียนที่ได้ยินแบบนั้น ก็ส่ายหน้าออกมาเบาๆ แม้ตอนนี้ เจาจะไม่ต้องการเป็นศัตรูกับพรรคกระยาจกก็ตาม แต่ถ้าจะปล่อยอีกฝ่ายกลับไปแบบนี้ เขาก็ไม่ยินยอมเช่นกัน

วิ้ง!

กระบี่บินของจ้าวเทียนสั่นไหวเบาๆ เหมือนรับรู้ถึงความต้องการของผู้เป็นนาย คลื่นพลังสีขาวพวยพุ่งออกมาจากคมกระบี่

จากนั้น

เฟี้ยววว!

กระบี่ก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วดุจแสง เหมือนกับผ่ามิติ เพียงเสี้ยววินาทีก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของผู้อาวุโสเซียวทันที

“ มังกรผงาดกลางทุ่ง! ”

เหมือนกับรอจังหวะอยู่ก่อน ผู้อาวุโสเซียวใช้มือที่เหลือข้างเดียวตบฟาดออกไปด้วยพลังเต็มสิบส่วน ก่อนหน้านี้ที่เขาพลาดท่า ก็เพราะโดนอีกฝ่ายลอบโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น

เปรี้ยง!ๆๆ ฉัวะ!ๆๆๆ

มองเห็นเงาฝ่ามือเป็นร้อยพัน มืดฟ้ามัวดิน เข้าต้านทานสำแสงสีขาวเอาไว้ เขาใช้กระบวนท่าที่เน้นความไวเป็นหลักเพื่อคุ้มครองตัวเอง

ซึ่งมันก็ได้ผล…แค่เพียงตอนแรกเท่านั้น

ฉัวะ!ๆๆๆๆๆๆๆ

ยิ่งนานเข้าลำแสงสีขาวก็ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วของมันเหมือนไร้ขีดจำกัด จนสุดท้ายผู้อาวุโสเซียวก็ไม่อาจสัมผัสได้ถึงตัวตนของลำแสงอีกต่อไป

ฉึกกก!

เมื่อรู้สึกตัวอีกที คมกระบี่ก็จมลึกเข้าไปในตันเถียน ทำลายเมล็ดพันธุ์เซียนของเขาสลายไปในพริบตา

“ อ้ากกกก….แกกล้าดียังไง ” ร่างของผู้อาวุโสเซียวร่วงลงไปกองบนพื้น แล้วกระอักเลือดออกมาคำโต เขารู้สึกถึงพลังเซียนในร่างที่กำลังสลายไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว จุดจบแบบนี้มันเลวร้ายยิ่งกว่าตายเสียอีก

“ ไสหัวกลับไปซะ…อย่าให้ฉันเห็นหน้าแกอีก ” จ้าวเทียนทิ้งคำพูดเอาไว้ด้วยเสียงเย็นชา แล้วเดินไปหาพวกคังหลินทันที

‘ อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้สังหารใคร…ฉันจะยอมไว้หน้าผู้อาวุโสอั้งฮวงหลงซักครั้งก็แล้วกัน’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน