จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 287

โลกภายนอก ศูนย์วิจัยลับทะเลสาบมรกต

นักวิทยาศาสตร์หลายสิบชีวิตกำลังวิ่งวุ่นกันอย่างไม่หยุดพัก พวกเขาทำงานหามรุ่งหามค่ำกันมาหลายวันแล้ว หากไม่ใช่เพราะพลังวิญญาณมหาศาลในทะเลสาบมรกตและโอสถฟื้นฟูชั้นยอด คงมีหลายคนอ่อนล้าจนลุกไม่ขึ้นไปแล้ว

หลังจากเก็บกวาดกองทัพของเทพมารโลหิตไป ทั้งยังจัดการร่างแยกของเทพมารด้วย ทำให้กองกำลังของจ้าวเทียนได้รับผลตอบแทนมหาศาลจากศาสนจักรแห่งแสง

นอกจากพวกเขาจะปลดหนี้ได้แล้ว ยังมีเงินและทรัพยากรจำนวนมากพอในการผลิตปืนลำแสง S2 และชุดรบล่องหนได้อีกด้วย

จากการคาดการณ์ ก่อนที่ประตูมิติของโลกใบเล็กจะเปิด พวกเขาจะมีปืนลำแสง S2 และชุดรบล่องหนอย่างละห้าสิบชุดเลยทีเดียว

“พัฒนาการของมนุษย์แบบเธอนี่มันช่างน่ากลัวจริงๆ…ใช้เวลาแค่ไม่กี่ร้อยปี กลับเปลี่ยนรูปแบบของสงครามทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง ”

“ อาวุธแบบนี้ หากยังถูกพัฒนาต่อไป…ในอนาคตข้างหน้า คงสามารถทำสงครามกับเทพบนแดนสวรรค์ได้เลย ” เทพธิดาซวนเฉวียนพูดขึ้นอย่างชื่นชม ตอนนี้เธออยู่ในร่างเทพธิดาตัวจิ๋ว มีเพียงลี่เหยาเหยาเท่านั้นที่มองเห็นและได้ยินเสียงของเธอ

“ นั่นเพราะมนุษย์ปกตินั้นอ่อนแอและมีอายุขัยที่สั้นมาก…พวกเขาจึงใช้เวลาทุกวินาทีอย่างเต็มที่ ค้นหาทุกความเป็นไปได้ เพื่อทำความฝันของตนเองให้เป็นจริง ”

“ แตกต่างกับผู้ฝึกตน…ที่เก็บตัวฝึกฝนหนึ่งครั้งก็กินเวลายาวนานหลายสิบปี ทำให้มีแนวคิดและหลักการใช้ชีวิตแตกต่างจากมนุษย์ปกติ ” ลี่เหยาเหยาสื่อสารกับอีกฝ่ายทางความคิด แต่แววตาของเธอดูเหม่อลอยเล็กน้อย

“ เธอกำลังคิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาเมื่อวานอยู่ใช่ไหม ไม่ต้องกังวลหรอก จ้าวเทียนไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าเขาต้องการจะซ่อนตัวจริงๆ ศัตรูไม่มีทางหาเจอหรอก ” เทพธิดาตัวจิ๋วพูดปลอบเบาๆ

“ หากลำพังเพียงตัวเขาคนเดียวน่ะนะ…แต่เธออย่าลืมว่ายังมีผู้คนมากมายที่เกี่ยวพันกับเขาอยู่เช่นสำนักคุนหลุน หากศัตรูเปลี่ยนมาเล่นงานคนพวกนี้ ด้วยนิสัยของเขาไม่มีทางที่จะยอมนิ่งเฉยแน่นอน ” ลี่เหยาเหยาพูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เมื่อวานนี้ร่างต้นของศิษย์พี่รอง ได้ติดต่อมายังโลกมนุษย์ผ่านทางท่านอาจารย์ เพื่อบอกปัญหาทุกอย่างและสถานการณ์ที่พวกจ้าวเทียนกำลังเผชิญ

พร้อมทั้งนัดแนะแผนการ ให้พวกเธอเตรียมความพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงในตอนที่ประตูมิติเปิด

“ จะว่าไป…ฉันเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันนะ ว่าพวกเราจะกลายเป็นมือที่สาม ในการต่อสู้ระหว่างตำหนักเทวะกับศัตรูเก่าที่มาจากแดนสวรรค์ ”

“ ซึ่งหากเทียบกับกองกำลังของสองฝ่ายแล้ว…พวกเรานับว่าอ่อนด้อยที่สุด คงได้แต่ฝากความหวังไว้กับอาวุธใหม่ของพวกเราเท่านั้น ” เทพธิดาตัวจิ๋วพูดขึ้นอย่างครุ่นคิด

ในระหว่างที่พวกเธอกำลังพูดคุยกัน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโทนี่ ก็เดินเข้ามาหาด้วยท่าทีตื่นเต้น

“ คุณลี่เหยาเหยา…ตัวอย่างทดลองพร้อมแล้ว ขอเชิญทางด้านนี้หน่อยครับ ”

ลี่เหยาเหยาที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าแล้วเดินตามอีกฝ่ายไปทันที ตอนนี้พวกเขากำลังทำการวิจัยหลอมรวมเทคโนโลยีเข้ากับอาวุธเวทย์โบราณ

ซึ่งความรู้ของเทพธิดาซวนเฉวียนนั้นเป็นสิ่งจำเป็นมาก…

ในเวลาเดียวกัน

จ้าวเทียนที่กำลังเดินทางผ่านหมู่บ้านเล็กๆตามชายป่า ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของสำนักสุสานโบราณ เขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติทันที

เนื่องจากมีปรมาจารย์หลายคนแฝงตัวอยู่ในหมู่ชาวบ้าน คอยตรวจตราคนแปลกหน้าอย่างละเอียด ทั้งยังวางกองกำลังไว้คอยแอบซุ่มโจมตีอีกด้วย

‘ นี่คงเป็นมาตรการป้องกันของสํานักสราญรมย์…เพื่อไม่ให้มีใครมายุ่งกับเป้าหมายที่พวกตนเล็งไว้ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้เรื่องที่สำนักสุสานโบราณขอความช่วยเหลือจากสำนักอื่นๆแล้ว’

แน่นอนว่าอุปสรรคเพียงเท่านี้ ไม่เป็นปัญหากับจ้าวเทียนแม้แต่น้อย เขาสามารถอำพรางร่องรอยและผ่านพวกหน่วยสอดแนมไปได้อย่างง่ายดาย

จนกระทั่ง

!!

‘ มีคนกำลังต่อสู้กัน ทางด้านหน้า ’

นอกจากจะได้ยินเสียงแล้ว จ้าวเทียนยังพบซากศพมากมายนอนเกลื่นกลาดอยู่ระหว่างทาง แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างทั้งสองฝ่าย

และที่สำคัญที่สุด ซากศพบางส่วนยังสวมเครื่องแบบของสำนักหัวซานอีกด้วย

‘ นี่คงเป็นกำลังเสริม ที่สำนักหัวซานส่งมาช่วยเหลือสำนักสุสานโบราณ แต่คงถูกฝ่ายศัตรูตรวจพบก่อน เลยถูกซุ่มโจมตีแบบนี้ ’

‘ แม้จะอยากไปช่วยพวกเขา…แต่ตอนนี้ตัวตนของฉันในฐานะฉินหวงมันเด่นสะดุดตาเกินไป อาจจะดึงดูดปัญหาใหญ่ตามมาได้ ’

เนื่องจากวีรกรรมของจ้าวเทียนในสงครามครั้งก่อน ทำให้สมาพันธ์บู๊ลิ้มกำลังจับตามองเขาอยู่ หากเดินหมากพลาดเพียงตาเดียว อาจจะนำหายนะมาสู่ตระกูลฉินได้เลย

‘ ช่วยไม่ได้…งั้นใช้วิธีนี้ก็แล้วกัน ’

จ้าวเทียนเลือกศพของผู้อาวุโสระดับเซียนของสำนักหัวซาน แล้วสับเปลี่ยนเครื่องแต่งกายกัน จากนั้นเขาก็ถอดหน้ากากออก ใช้เคล็ดวิชาปลอมแปลงโฉมหน้าของตนเองให้แตกต่างไปจากเดิม

พวกเธอถูกย่ำยีอย่างไร้ปราณี นอกจากศัตรูจะดูดกลืนพลังหยินของพวกเธอไปแล้ว ยังทิ้งร่างกายอันเปลือยเปล่าของพวกเธอไว้เยาะเย้ยพวกเขาอีกด้วย

เจอแบบนี้แล้ว…จะให้ลูกผู้ชายอย่างพวกเขายอมถอยไปได้อย่างไรกัน

“ น้องลู่ซิง…ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดกับพวกโง่นี้หรอก พวกเรารีบสังหารพวกมันทั้งหมด แล้วไปจับสาวงามมาสนุกกันต่อดีกว่า ” ชายหนุ่มชุดดำพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย เขาเป็นผู้ที่กำลังต่อสู้กับหยางถิงเฟิงอยู่อย่างสูสี

“ ซินเจี่ยง…ดูเหมือนแกจะปากดีขึ้นเยอะเลยนะ หรือลืมไปแล้วว่าเมื่อสามปีที่แล้ว แกก็เคยแพ้ฉันมาก่อน ” หยางถิงเฟิงพูดเสียงเย็นชา

ชายหนุ่มชุดดำที่เขากำลังต่อสู้ด้วยก็คือ ซินเจี่ยงศิษย์พี่ใหญ่ของพรรคดาบมาร ซึ่งในอดีตพวกเขาเคยเผชิญหน้ากันมาก่อน ในการประลองระหว่างสำนัก

ซึ่งคำพูดของหยางถิงเฟิงก็ทำให้ซินเจี่ยงระเบิดจิตสังหารออกมาทันที แล้วโหมเข้าฟาดฟันอีกฝ่ายอย่างดุดันยิ่งกว่าเดิม

“ เหอะ…ครั้งนั้นที่ฉันแพ้ก็เพราะพลังด้อยกว่าแกขั้นหนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ถ้าอยู่ในขอบเขตเดียวกัน คิดว่าไอ้เศษสวะอย่างแกจะเทียบฉันได้งั้นเหรอ ”

“ ใครเป็นเศษสวะ เดี๋ยวก็รู้ ” หยางถิงเฟิงพูดขึ้นเสียงดัง เขาชักกระบี่อีกเล่มออกมาเพื่อที่จะใช้เคล็ดวิชากระบี่ประสานสองมือจัดการอีกฝ่าย

ชิ้ง!

ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ยอดฝีมือระดับสูงทั้งสอง ทำให้การต่อสู้รอบๆผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับว่าผู้ที่ชนะในศึกครั้งนี้จะตัดสินชะตากรรมของพวกเขาทุกคน

ในระหว่างนั้นเอง

ฉัวะ!

ศีรษะหัวหนึ่งได้ตกลงบนพื้น จากนั้นร่างของผู้เคราะห์ร้ายก็ค่อยๆเอนล้มลงไป เนื่องจากผู้ตายเป็นพวกที่ยืนล้อมอยู่ด้านนอก ทำให้ไม่ตกเป็นเป้าสายตา

กว่าที่คนที่อยู่ด้านข้างจะรู้สึกตัว ตนเองก็กลายเป็นเหยื่อไปอีกคนแล้ว

‘ คนที่ห้า… ’

จ้าวเทียนนับขึ้นในใจ จากนั้นร่างของเขาหายไปในกลุ่มคนอีกครั้ง ในระหว่างที่กำลังกำจัดศัตรูและลงมือช่วยเหลือฝ่ายเดียวกันอยู่นั้น เขาก็สังเกตการณ์การต่อสู้ของหยางถิงเฟิงไปด้วยพร้อมกัน

‘ ดูเหมือน…หยางถิงเฟิงใกล้จะสัมผัสถึงขอบเขตคนกระบี่ประสานเป็นหนึ่งได้แล้ว ฉันควรปล่อยให้เขาได้สู้ซักพัก บางทีมันอาจจะได้ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงเลยก็ได้ ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน