จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 288

ตอนนี้ด้านหน้าของหยางถิงเฟิง ได้ถูกคลื่นรังสีดาบนับไม่ถ้วน ซัดกระหน่ำเข้าใส่ตัวเขา ซึ่งแฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราดและดุดันของวิชาดาบมาร

ทันใดนั้นเอง

ทางด้านซ้ายและขวาของเขา ก็มีอาวุธลับสังหารหลายสิบอันพุ่งเข้าใส่อย่างรุนแรง คนของสำนักสราญรมย์ได้ลอบโจมตีมาอย่างชั่วร้าย พวกมันรวดเร็วยิ่งกว่ารังสีดาบมากนัก พริบตาเดียวก็มาถึงตัวแล้ว

“ ไอ้พวกบัดซบ ” หยางถิงเฟิงสบถออกมาอย่างเดือดดาล

“ ลมคลั่งฝนกระหน่ำ! ”

กระบี่ในมือทั้งสองข้างของเขาฟาดฟันไปรอบด้านอย่างถี่ยิบ จนมองเห็นเป็นภาพติดตาจำนวนมาก รังสีกระบี่หลายสิบสายระเบิดเข้าใส่อาณาเขตรอบตัวอย่างรุนแรง ป้องกันการโจมตีทุกอย่างเอาไว้

เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆ

แม้หยางถิงเฟิงจะป้องกันเอาไว้ได้ แต่ก็ถูกผลักดันจนถอยหลังไปเรื่อยๆ เป็นอย่างที่ซินเจี่ยงพูดไว้ ว่าตัวของซินเจี่ยงนั้นเหนือกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าจริงๆ ยิ่งเมื่อรวมกับเซียนขั้นกลางของสำนักสราญรมย์ที่ประสานอยู่รอบนอก

ทำให้หยางถิงเฟิงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด…

“ ไอ้พวกสุนัขลอบกัด ตายซะ! ”

หยางถิงเฟิงตะโกนออกมาเสียงดัง แล้วใช้กระบี่ในมือขวาต้านทานการโจมตีเอาไว้ ส่วนมือซ้ายแทงกลับหลังไป โดยไม่ได้หันกลับไปมอง

นี่เป็นแผนการของเขาเอง ที่แกล้งถอยหลังขยับเข้าใกล้ศัตรูที่ลอบโจมตี โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว

“ รุ้งขาวทะลวงตะวัน ”

ฉัวะๆๆๆๆ

หยางถิงเฟิงแทงกระบี่ออกไปในแง่มุมที่พิสดาร จากนั้นรังสีกระบี่เจ็ดสายก็ระเบิดเข้าใส่ผู้ลอบโจมตีอย่างรุนแรง จนอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บกระเด็นออกไป

เปรี้ยงง!ๆๆๆ อ้ากกก!

แต่ในตอนที่หยางถิงเฟยจะโจมตีซ้ำให้อีกฝ่ายตายสนิท ถังลู่ซิงที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ก็พุ่งเข้ามาช่วย

“ วิชาเท้าท่องคลื่น ”

ร่างของถังลู่ซิงแยกจากหนึ่งเป็นสอง ทั้งช่วยศิษย์ร่วมสำนักและยังโจมตีเข้าใส่ช่องโหว่ของหยางถิงเฟิงพร้อมกัน

ฟิ้ววว!

หยางถิงเฟิงเบี่ยงตัวหลบดรรชนีของถังลู่ซิงอย่างฉิวเฉียด คลื่นพลังอันแหลมคมพุ่งผ่านแก้มซ้ายของเขาไป จนเกิดเป็นบาดแผลเล็กๆสายหนึ่ง

“ ไร้ยางอาย! ”

“ ไหนว่า จะสู้กันตัวต่อตัวไง ”

พวกสำนักหัวซานตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล และพยายามจะเข้าไปช่วยหยางถิงเฟิง แต่ก็ถูกศัตรูคนอื่นเข้าสกัดกั้นไว้

พวกเขาจึงทำได้เพียงมองดูศิษย์พี่ใหญ่ของตน ถูกรุมล้อมไปด้วยยอดฝีมือของฝ่ายตรงข้าม

การต่อสู้ได้ทวีความดุเดือดขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างฟาดฟันอาวุธเข้าใส่ศัตรูอย่างบ้าคลั่ง เสียงสาปแช่งและตะโกนด่าทอกัน ดังสนั่นไปทั่ว

จนไม่ได้สังเกตเลยว่า เซียนขั้นกลางที่ถูกถังลู่ซิงช่วยเอาไว้ ได้นอนทอดร่างกลายเป็นศพอยู่บนพื้นแล้ว

หัวใจของชายคนนั้น ได้ถูกเจตจำนงกระบี่ของจ้าวเทียนทำลายจนแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี และเป็นเช่นเดียวกับเซียนขั้นกลางที่คอยลอบโจมตีหยางถิงเฟิงอีกคน

ศีรษะของชายคนนั้นกระเด็นขึ้นไปฟ้า ก่อนที่ร่างของเขาจะเอนล้มลงไป โดยไม่ได้ส่งเสียงร้องแม้แต่นิดเดียว

“ เดี๋ยวก่อน…นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ทำไมคนของเราบาดเจ็บล้มตายไปอย่างรวดเร็วแบบนี้ ” เซียนสำนักสราญรมย์คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนที่คมกระบี่เล่มหนึ่งจะแทงทะลุลำคอของเขาออกมาอย่างไร้ปราณี

ฉัวะ!

“ อั่ก!...นี่มัน ” ก่อนที่ชายคนนั้นจะสิ้นใจก็ได้หันไปมองเบื้องหลังอย่างช้าๆ แล้วก็ได้พบกับแววตาเย็นชาคู่หนึ่ง

“ ไม่ต้องห่วง…ฉันจะส่งพวกสหายของแกตามไปในไม่ช้า ” จ้าวเทียนทิ้งคำพูดไว้ ก่อนจะหายไปในฝูงคนอีกครั้ง

ไม่ว่าศัตรูคนไหนก็ตามที่เริ่มรู้ตัว ก็จะถูกจ้าวเทียนสังหารไปอย่างรวดเร็ว จนไม่มีโอกาสร้องเตือนคนอื่น

“ อ้ากกก…นี่มัน! ”

“ เฮือก! แกเป็นใคร ”

เมื่อเหตุการณ์แบบนี้เกิดซ้ำหลายครั้งเข้า ต่อให้พวกศัตรูจะโง่แค่ไหน ก็ต้องรู้สึกตัวขึ้นมาแน่นอน แต่ทว่ามันก็ได้สายไปแล้ว เพราะตอนนี้จำนวนของทั้งสองฝ่ายแทบจะไม่แตกต่างอีกต่อไป

ในขณะที่พวกสำนักหัวซานยังมีสามสิบห้าคนเท่าเดิม แต่กองกำลังผสมระหว่างสำนักสราญรมย์กับพรรคดาบมารกลับต้องสูญเสีย ยอดฝีมือระดับเซียนไปถึงสิบห้าคนในเวลาสั้นๆ

ทำให้ตอนนี้พวกกองกำลังผสมเหลือเซียนเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น โดยที่ยังหาตัวผู้ลงมือไม่ได้เลย ทำให้แววตาของพวกเขาสั่นไหวด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่อาจเก็บซ่อนได้

“ พวกเราได้เปรียบแล้ว รีบบุกเข้าไปสังหารพวกมันให้หมด ”

ผู้อาวุโสสำนักหัวซานตะโกนขึ้นเสียงดัง ปลุกขวัญกำลังใจให้ฝ่ายตนในทันที ตอนนี้ไม่ใช่เวลามามัวคิดเล็กคิดน้อย ว่าใครเป็นคนยื่นมือช่วยพวกเขา

แต่มันเป็นเวลา ที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาชนะได้ต่างหาก

ห่างออกไปไม่ไกล

‘ นี่ฉัน จะต้องมาตายอย่างไร้ค่าแบบนี้เหรอ ’

เมื่อจิตใจของหยางถิงเฟิงเริ่มรู้สึกไม่มั่นคง ความเคลื่อนไหวของเขาก็ล่าช้าไปหนึ่งจังหวะ เปิดโอกาสให้ศัตรูที่รออยู่ทันที

“ ดาบมารสังหาร! ”

ซินเจี่ยงเหวี่ยงดาบขึ้นด้วยความเร็วที่ไม่อาจมองทัน คลื่นพลังสีดำระเบิดใส่สันกระบี่ในมือซ้ายของหยางถิงเฟิง

จนมันกระเด็นหลุดมือไปท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน

“ ช่วยศิษย์พี่ใหญ่เร็ว ”

เซียนสำนักหัวซานสามคนรีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่น่าเสียดายที่พวกเขาอยู่ไกลเกินไป คงต้องใช้เวลาเกือบสองลมหายใจกว่าจะไปถึง

‘ แย่แล้ว… ’

หยางถิงเฟิงคิดขึ้นอย่างตกใจ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรีบใช้กระบี่อีกเล่มมาคุ้มครองตัวเองไว้

แต่น่าเสียดาย ที่พวกศัตรูไม่มีทางปล่อยให้เขาทำได้สำเร็จ ถังลู่ซิงที่รอจังหวะอยู่ได้พุ่งเข้าใส่ช่องโหว่ด้านซ้ายที่เปิดกว้างทันที

ในช่วงเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเอง ภาพความทรงจำในอดีตทั้งหมดของหยางถิงเฟิงก็ปรากฏขึ้นในความคิด

ตั้งแต่เขาเกิดมาก็มีพร้อมทุกอย่างทั้งอาจารย์ชั้นยอด และทรัพยากรมากมายที่ปู่ของเขาหามาให้ เนื่องจากเขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลเพียงคนเดียว

กับเส้นทางที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบแบบนี้ ที่หยางถิงเฟิงต้องทำก็แค่ก้มหน้าฝีกฝนไปอย่างขยันขันแข็ง เพื่อที่จะไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง โดยที่เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความต้องการของตัวเองคืออะไรกันแน่

เพราะแบบนี้เอง ความคาดหวังของทุกคนจึงเปลี่ยนเป็นโซ่ตรวนที่ฉุดรั้งหยางถิงเฟิงเอาไว้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องคิดถึงผลดีผลเสียก่อน เนื่องจากเขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูล หากเกิดอะไรขึ้นมาตระกูลหยางก็จะไร้ทายาททันที

นี่จึงเป็นเหตุผลที่หยางถิงเฟิงไม่ต้องการจะเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นในสถานการณ์ใดก็ตาม

ช่วงเวลาที่ดรรชนีเป็นตายของถังลู่ซิง อยู่ห่างจากหน้าผากของหยางถิงเฟิงเพียงคืบเดียว จ้าวเทียนก็ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง และกำลังจะปล่อยกระบี่บินออกไป

‘ ถ้าหยางถิงเฟิงทำสำเร็จ…ก็คิดว่า จะดึงเขาเข้ามาเป็นหนึ่งในขุนพลของฉันซักหน่อย แต่สุดท้ายมันก็จบลงแบบนี้สินะ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน