หลังจากที่ผ่านพิธีรับศิษย์ ตอนนี้จ้าวเทียนก็เริ่มถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้โม่ปิงหยู โดยวิชานี้ก็เป็นวิชาของเธอเองในอดีตสมัยที่อยู่แดนสวรรค์
เขาได้ค้นพบมันจากคลังลับของมหาเทพคนเก่า…
“ วิชาที่ฉันจะถ่ายทอดให้ชื่อว่า เคล็ดอมตะจูเชว่ ซึ่งเป็นวิชาของสัตว์เทวะหงส์เพลิงในแดนสวรรค์ ” จ้าวเทียนเริ่มอธิบายเคล็ดวิชาที่จะสอน
“ โห…อาจารย์คะ นี่คือเคล็ดวิชาในตำนานรึเปล่า” โม่ปิงหยูพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ มันอยู่สูงกว่าระดับตำนานอีกนะ…เพราะมันคือเคล็ดวิชาระดับศักดิ์สิทธิ์ ” จ้าวเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ เอ๋…แต่จากที่แม่เล่าให้หนูฟัง ระดับของเคล็ดวิชา มันแบ่งออกเป็นสี่ระดับ คือระดับนักสู้ ระดับผู้เชี่ยวชาญ ระดับปรมาจารย์และระดับตำนาน มันมีเหนือกว่านั้นอีกเหรอคะ ” โม่ปิงหยูถามขึ้นอย่างสงสัย
โม่ซินหยานเองก็ตั้งใจฟังอย่างสนใจเหมือนกัน วิชาที่เธอเรียนรู้มาจากองค์กรเป็นวิชาระดับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นเอง
“ ที่แม่เธอเล่าให้ฟังนั้นมันเป็นสิ่งที่ใช้กันบนโลกมนุษย์เท่านั้น แต่ที่แดนสวรรค์ เคล็ดวิชาจะถูกแบ่งออกเป็น 5 ระดับ คือระดับต่ำ ระดับปฐพี ระดับนภา ระดับศักดิ์สิทธิ์ ระดับเทวะ ”
“ ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ เคล็ดวิชาสามระดับแรกในโลกมนุษย์ จะเทียบได้กับเคล็ดวิชาระดับต่ำในแดนสวรรค์เท่านั้น ส่วนเคล็ดวิชาระดับตำนานก็เทียบได้กับเคล็ดวิชาระดับปฐพี ” จ้าวเทียนอธิบายอย่างใจเย็น
“ อาจารย์มาจากแดนสวรรค์ใช่ไหมคะ ” โม่ปิงหยูถามขึ้นด้วยแววตาเป็นประกาย
!!
นี่ก็เป็นสิ่งที่โม่ซินหยานกำลังสงสัยอยู่เหมือนกัน เธอคิดมานานแล้วว่าความเก่งกาจของจ้าวเทียนนั้นผิดปกติจนเกินไป แม้แต่พวกที่มาจากสำนักโบราณที่เธอเคยเจอก็ไม่สามารถเทียบได้
“ ทั่งใช่และไม่ใช่…เรื่องนี้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมฉันค่อยเล่าให้ฟัง ตอนนี้เธอรีบจดจำเคล็ดวิชาให้ดี ” หลังจากพูดจบ เขาก็เริ่มท่องเคล็ดอมตะจูเชว่ ออกมาอย่างช้าๆ
ซึ่งโม่ปิงหยูก็ตั้งใจจนจำอย่างเต็มที่ หลังจากผ่านไปประมาณ2ชั่วโมง เธอก็บอกจ้าวเทียนว่าจำได้หมดแล้ว
“ หนูจำได้แล้วจริงๆเหรอ ” โม่ซินหยานถามขึ้นอย่างสงสัย ตัวเธอเองจำได้เพียง 3 ส่วนเท่านั้น เพราะเคล็ดวิชานี้มันซับซ้อนอย่างมาก อีกทั้งจ้าวเทียนยังท่องให้ฟังแค่รอบเดียว
“ หนูจำได้แล้วจริงๆนะ…งั้นหนูจะท่องให้ฟังอีกรอบ ” โม่ปิงหยูก็ได้ท่องเคล็ดวิชา ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยที่ไม่ผิดแม้แต่คำเดียว สร้างความตื่นตะลึงให้แม่ของเธอเป็นอันมาก
“ พี่ไม่ต้องแปลกใจไปหรอก…ดวงวิญญาณของเธอคือโอสถจักรพรรดิในตำนาน พรสวรรค์ของเธอนั้นสูงส่งมาตั้งแต่เกิด เทียบชั้นกับยอดอัจฉริยะในแดนสวรรค์ได้สบาย ”
“ นอกจากนี้ตัวเธอยังเป็นจุดศูนย์รวมดึงดูดพลังปราณบริสุทธิ์ของฟ้าดิน ทำให้ตัวเธอและคนที่อยู่ใกล้ๆได้ประโยชน์มหาศาล ผมคิดว่าสาเหตุที่พี่เข้าสู้ขั้นปรมาจารย์ได้ก็เพราะเธอนี่ล่ะ"
“ เพราะการเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ คือการกลั่นลมปราณของตัวเราทั้งหมดให้บริสุทธิ์ จนสามารถผนึกให้เป็นรูปร่าง และสามารถควบคุมใช้มันโจมตีได้” เขาได้บอกเหตุผลที่โม่ซินหยานสงสัยมานานแล้ว ว่าทำไมตัวเธอถึงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ได้โดยไม่ได้ฝึกฝน
“ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ” โม่ซินหยานพยักหน้าด้วยความเข้าใจ เธอหันไปลูบหัวลูกสาวด้วยความรัก
“ แบบนี้แสดงว่า…ถ้าหนูอยู่ข้างๆอาจารย์ตลอดเวลา อาจารย์ก็จะได้ประโยชน์ใช่ไหม ” โม่ปิงหยูพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มขี้เล่น เธอวิ่งมานวดหลังให้จ้าวเทียนอย่างเอาใจ
“ อาจารย์สอนเคล็ดวิชาดีๆให้แม่หนูหน่อยน้า แล้วหนูจะติดตามอาจารย์ไปทุกที่เลย ” โม่ปิงหยูพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ ปิงหยู…หนูอย่าไปทำให้อาจารย์ลำบากใจสิ ” โม่ซินหยานรีบดุลูกสาวด้วยความอาย แต่เธอก็แอบมองจ้าวเทียนด้วยสายตาคาดหวัง
เอ่ออ
“ วิชาที่ฉันฝึกมันไม่ได้ใช้พลังปราณของโลกนะ…ฉันอาศัยพลังจากแสงอาทิตย์ เลยไม่ได้ประโยชน์จากการอยู่ใกล้เธอ ” จ้าวเทียนรู้สึกตกใจกับการกระทำของโม่ปิงหยูมาก
เพราะในอดีตตัวเธอที่เขาเจอที่แดนสวรรค์นั้น เป็นคนเงียบๆที่ออกจะมีนิสัยเย็นชาต่างกับตอนนี้ลิบลับ เขาคิดว่าสาเหตุคงจะเป็นเพราะโม่ซินหยานแน่นอน เธอคงจะรักผู้หญิงคนนี้มาก
เมื่อเห็นสีหน้าของแม่ลูกคู่นี้เริ่มหมองลง เขาจึงรีบพูดขึ้น
“ อันที่จริงผมเตรียมเคล็ดวิชาที่เหมาะสมไว้ให้พี่ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะจากที่ผมสังเกตวิชาที่พี่ได้เรียนรู้มาจากองค์กรอยู่เพียงระดับต่ำ มันจึงทำให้พี่ไม่สามารถใช้สนามพลังปรมาจารย์ได้ ”
“ เคล็ดวิชาที่ผมจะสอนพี่ชื่อว่า เงาจันทรา เป็นเคล็ดวิชาระดับนภา แม้มันจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์ 1 ขั้น แต่ถ้าเทียบในด้านพลังโจมตีและการหลบเร้นสังหารนั้น มันเหนือกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์บางวิชาเสียอีก”
หลังจากที่หมดเวลาไปอีกสามชั่วโมงกว่าๆ โม่ซินหยานก็สามารถจดจำเคล็ดวิชาได้ทั้งหมด โชคดีที่เคล็ดวิชานี้มันไม่ค่อยซับซ้อน เหมือนที่เขาสอนให้โม่ปิงหยู
“ ปิงหยู…คืนนี้อาจารย์จะหลอมยาให้เธอ เพื่อให้เธอเข้าสู่ขอบเขตผู้เชี่ยวชาญจะได้สามารถเริ่มฝึกวิชาได้ ” จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยเสียงสบายๆ แต่นั่นสร้างความตกใจให้โม่ซินหยานอย่างมาก
ตัวเธอฝึกฝนอยากหนักอยู่สิบกว่าปีถึงจะเข้าสู่ขอบเขตผู้เชี่ยวชาญ แต่จ้าวเทียนกลับบอกว่าจะทำให้ลูกสาวเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญในคืนเดียวงั้นเหรอ
“ น้องจ้าว…นี่มันจะเป็นไปได้เหรอ ” เธอถามออกมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยเชื่อนัก
“ เดี๋ยวพี่ก็เห็นเองครับ…คืนนี้ตัวพี่เองก็เริ่มฝึกเคล็ดที่ผมสอนได้เลย มันไม่กระทบต่ออาการบาดเจ็บ ผมคิดว่าประมาณสามวันพี่คงจะใช้สนามพลังปรมาจารย์ได้แล้ว ” จ้าวเทียนตอบด้วยรอยยิ้ม
….
หลังจากที่เก็บข้าวของจำเป็นเรียบร้อย จ้าวเทียนก็พาทั้งหมดเดินทางกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ของเขา
‘ น่าร้ากก ’
‘ ทำไมเธอถึงได้น่ารักขนาดนี้ ’
จ้าวหยูเหมยกรีดร้องขึ้นในใจ เธออดไม่ไหวจนต้องวิ่งเข้าไปกอดโม่ปิงหยูด้วยความเอ็นดู
“ พี่ชื่อจ้าวหยูเหมยนะ…น้องปิงหยูน่ารักมากเลย ” เธอพูดออกมาในขณะที่กำลังหยิกแก้มอีกฝ่ายด้วยความหมั่นเขี้ยว
โม่ปิงหยูที่โดนกอดแบบไม่ทันตั้งตัวก็ตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าน้องสาวของอาจารย์นั้นชอบเธอ ก็ได้ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เด็กสาวสองคนก็ได้พูดคุยกันด้วยความร่าเริง
จ้าวเทียนที่เห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ ทีนี้น้องสาวของเขาคงไม่ต้องเหงาแล้วใช่ไหม
หลังจากที่จ้าวเทียนเล่าเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับสองแม่ลูกให้น้องสาวฟัง เธอก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่จะอยู่ร่วมกัน แถมยังออกจะดีใจมากซะด้วยซ้ำ
“ พี่คะ…ตอนหนึ่งทุ่ม พี่หวูเฉินเอาของมาฝากไว้ให้พี่ หนูเอาไปเก็บไว้ที่ห้องพี่แล้วนะ” จ้าวหยูเหมยหันไปบอกจ้าวเทียน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเธอเลยพึ่งจะนึกออก
“ โอเค…ขอบใจมาก” จ้าวเทียนตอบ เขาหันไปทางโม่ซินหยานแล้วพูดขึ้น
“ ตอนนี้มีห้องว่างอยู่แค่ห้องเดียว พี่ซินหยานกับปิงหยูพักด้วยกันไปก่อนนะคับ อีกสามวันผมคิดว่าจะหาซื้อบ้าน พวกเราค่อยไปเลือกด้วยกัน ”
“ ได้จ๊ะ” โม่ซินหยานก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
จ้าวหยูเหมยมองสองแม่ลูกที่เดินเข้าไปในห้องนอน แล้วครุ่นคิดอะไรเรื่องบางอย่าง
‘ น้องปิงหยูน่ารักมาก ขนาดฉันเป็นผู้หญิงยังชอบเธอเลย’
‘ แล้วพี่ชายล่ะ… ’
จ้าวเทียนเห็นน้องสาวกำลังมองเขาด้วยสายตาที่สื่อความหมายแปลกๆ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาก
“ ทำไม…น้องมองพี่แบบนั้น ” เขาถามขึ้น
“ พี่ชาย…ไม่ได้เป็นโลลิค่อนใช่ไหม ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...