คำพูดประโยคนั้นของจ้าวเทียน ทำให้ลิ้มเฉียวฟงถึงกับผงะไปทันที แม้ในใจเขาจะรู้สึกสับสนมาก แต่ก็ไม่แสดงออกทางสีหน้า
“ แสดงว่าแก…ไม่ใช่ชู้รักของนางแพศยานั่นสินะ ”
“ นั่นไม่ใช่เรื่องของแก…ตอนนี้ห่วงชีวิตตัวเองเถอะ ” จ้าวเทียนตอบเสียงเย็นชา กระบี่ในมือเขาชี้ตรงไปด้านหน้า ปลดปล่อยเจตจำนงอันแหลมคมออกมา
วิ้งงงง!
ด้วยขอบเขตเจตน์แห่งกระบี่ทำให้ออร่าของเขาดูน่าหวั่นเกรงกว่าเดิมเป็นสิบเท่า ครั้งนี้จ้าวเทียนจะสู้ด้วยพลังที่แท้จริงแล้ว เนื่องจากต้องการจบการต่อสู้โดยเร็ว เพราะเขายังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องไปทำ
“ นี่มัน…คือพลังอะไรกัน ” ลิ้มเฉียวฟงสัมผัสได้ถึงอันตรายถึงชีวิต ในตอนที่กระบี่ของจ้าวเทียนเล็งตรงมาทางเขา
‘ ไม่มีทางเลือกแล้ว…หากมัวลังเลอยู่ เห็นทีคงถูกมันสังหารในพริบตาแน่ ’
ตอนแรกลิ้มเฉียวฟงต้องการใช้วิชาตาข่ายฟ้าดินถ่วงเวลาจ้าวเทียนเอาไว้ เพื่อรอให้ประมุขกวงฉีมาช่วย แต่ตอนนี้เขาสัมผัสได้ว่าเจตจำนงกระบี่ของจ้าวเทียนน่าหวาดกลัวจนเกินไป
ไม่มีทางที่ตาข่ายฟ้าดินของตนจะรั้งเอาไว้ได้แน่นอน
วูป!
ลิ้มเฉียวฟงเรียกถุงมือเกล็ดมังกรออกมา เป็นอาวุธเทพชั้นยอดประจำตัวของเขา ซึ่งน้อยครั้งนักที่จะใช้มัน ถ้าไม่ใช่เพราะเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายจริงๆ เนื่องจากมันจะดูดกลืนพลังเซียนของเจ้าของเยอะมาก
หืม
“ ถุงมืออันนั้น…แกมีของที่น่าสนใจดีนี่ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาไม่คิดว่าจะมาเจออาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สมบูรณ์แบบนี้
มันเหนือกว่าอาวุธระดับเทพไปอีกหนึ่งขั้น โดยปกติของแบบนี้จะพบได้ที่โลกทิพย์หรือแดนสวรรค์เท่านั้น ดูท่ามันคงจะเป็นสมบัติตกทอดจากแดนสวรรค์เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน
ฝ่ายลิ้มเฉียวฟงที่สัมผัสได้ถึงความโลภในแววตาของจ้าวเทียนเมื่อเห็นอาวุธประจำกายตนเอง ก็กัดฟันด้วยความโกรธแค้น ความลังเลก่อนหน้านี้สลายไปในพริบตา
“ บัดซบ! อย่าคิดว่าจะชนะฉันได้ง่ายๆ ”
“ พลังหกบรรจบมีแต่เราเป็นเอกกะ! ”
บูมมม! ครืนนนน!
คลื่นพลังเซียนอันมหาศาลระเบิดออกมาจากร่างของลิ้มเฉียวฟงอย่างรุนแรง ขอบเขตฝึกตนของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่า มันก็ต้องแลกมากับร่างกายที่หดเล็กลงเรื่อยๆ รูปลักษณ์ภายนอกของเขาเปลี่ยนจากชายหนุ่มอายุสามสิบปี กลายเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบแปดปีและยังคงลดลงเรื่อยๆ
สิบเจ็ดปี
สิบห้าปี
…..
จนกระทั่งเมื่อร่างกายของเขากลายเป็นเด็กชายอายุแปดขวบ การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดก็หยุดลง พลังที่เขาปลดปล่อยออกมาตอนนี้ไม่ได้ด้อยกว่าประมุขกวงฉีแม้แต่น้อย
“ นี่แก…ถึงขั้นดึงอายุขัยของตัวเองมาใช้เลยเหรอ ” จ้าวเทียนรู้สึกสนใจเคล็ดวิชาของฝ่ายตรงข้าม จึงใช้เนตรสุริยันสังเกตแนวทางที่อีกฝ่ายใช้ดู
‘ นี่มัน คล้ายกับเคล็ดวิชาของสำนักหนึ่งบนแดนสวรรค์ ซึ่งผู้ใช้จะสามารถระเบิดพลังเหนือขีดจำกัดออกมาได้ โดยแลกเปลี่ยนกับอายุขัยของตนเอง ’
‘ การที่ร่างกายกลับไปเป็นเด็กแบบนี้ จะไม่สามารถย้อนคืนกลับเป็นผู้ใหญ่ได้อีก ผู้ใช้ต้องรอเวลาให้ตนเองเติบโตตามธรรมชาติเท่านั้น ’
สิ่งที่จ้าวเทียนคิดนั้นถูกแล้ว เพราะเหตุนี้เองลิ้มเฉียวฟงถึงรู้สึกลังเล เนื่องจากเขาไม่สามารถใช้ร่างเด็กน้อยนี้ไปหาความสุขกับหญิงสาวได้
ส่วนเรื่องอายุขัยที่เสียไปนั้น เขาไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย เนื่องจากเขาสามารถดูดกลืนเอาจากหญิงสาวคนอื่นได้
สำหรับคนมักมากในกามอย่างลิ้มเฉียวฟง การที่ต้องทนอดกลั้นความหื่นกระหาย เป็นเวลาหลายปีก็ไม่ต่างไปจากตกนรกทั้งเป็นเลยทีเดียว
ทันใดนั้นเอง
ร่างของลิ้มเฉียวฟงที่จ้าวเทียนเห็นก็จางหายไปในอากาศ โดยที่เขาไม่ทันสังเกตแม้แต่น้อย
“ ท่าเท้าท่องคลื่น! ”
ร่างเล็กของลิ้มเฉียวฟงมาปรากฏขึ้นตรงมุมอับสายตา ที่ด้านหลังของจ้าวเทียนในพริบตา โดยไร้ซึ่งกลิ่นอายทำให้ไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนได้
“ หัตถ์หกสุริยัน! ”
เงาฝ่ามือขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยพลังงานหยางอันร้อนแรงดุจดวงตะวัน ตบฟาดเข้าใส่จ้าวเทียนในระยะประชิดทันที เปลวเพลิงอันร้อนแรงของมัน ราวกับจะสามารถเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุล
“ มาได้ดี…แต่ยังช้าไป ”
จ้าวเทียนฟันกระบี่กลับหลังโดยไม่ได้หันไปมอง พลังขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดระเบิดออก อาณาเขตเปลวเพลิงสีทองปรากฏขึ้น ผลักดันเปลวเพลิงหยางบริสุทธิ์ไปในพริบตา
“ เก้ากระบี่เดียวดาย ! ”
คมกระบี่ของจ้าวเทียนแทงเข้าใส่ฝ่ามือยักษ์อย่างรุนแรง ด้วยสำนึกกระบี่ของเคล็ดวิชาเก้ากระบี่เดียวดาย และเจตน์แห่งกระบี่ ทำให้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกสามเท่า
เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
รังสีกระบี่อันเกรี้ยวกราดดุดันหลายสิบสาย ทะลวงไปยังฝ่ามือยักษ์แล้วฉีกกระชากมันจากภายใน
“ เหอะ…แกใจเย็นไปเถอะ เดี๋ยวพอฉันดูดแกจนแห้งเมื่อไหร่ อยากรู้นักว่าแกจะแสดงสีหน้ายังไง ” ลิ้มเฉียวฟงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เคล็ดวิชานี้เขาไม่กล้าใช้กับผู้ที่มีพลังเหนือกว่า เพราะกลัวตัวเองจะแบกรับพลังของอีกฝ่ายไม่ไหว
แต่สำหรับคู่ต่อสู้ที่เป็นเซียนขั้นสูงสุดอย่างจ้าวเทียนนั้น เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย
‘ ตอนแรกฉันคิดจะหนีอยู่แล้วเชียว…แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีโอกาสดีๆแบบนี้เกิดขึ้น ไม่แน่ว่ามันอาจจะทำให้ฉันทะลวงขอบเขตต่อไปก็ได้ ’
ทุกครั้งที่เขาใช้วิชานี้ มักจะประสบปัญหาเพราะไม่อาจหลอมรวมพลังที่ดูดกลืนมาได้ ทำให้ไม่นานพลังพวกนั้นก็สลายไปเอง
แต่พลังของจ้าวเทียนที่เขาสัมผัสได้นั้น เป็นพลังที่บริสุทธิ์เหนือกว่าคนอื่นหลายเท่า หากเป็นแบบนี้เขาอาจจะมีหวังหลอมรวมเป็นของตัวเองก็ได้
สามนาทีผ่านไป
สีหน้าจ้าวเทียนยังคงเป็นปกติ เขายังคงปล่อยให้อีกฝ่ายดูดกลืนพลังไปตามใจชอบ ในขณะที่ลิ้มเฉียวฟงเริ่มมีอาการอึดอัดจนใบหน้าแดงก่ำแล้ว
“ แกยังไหวอยู่ใช่ไหม…ให้ฉันช่วยหรือเปล่า ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เมล็ดพันธุ์สุริยันของเขามีพลังงานเปรียบดั่งดวงอาทิตย์ มันเหนือไปกว่าเซียนคนอื่นตั้งกี่สิบเท่าก็ไม่รู้
ครืนนนน!
จ้าวเทียนได้แผ่พุ่งพลังเซียนออกไปดุจกระแสน้ำที่เชี่ยวกราด ตรงเข้าไปยังร่างของลิ้มเฉียวฟงอย่างรวดเร็ว
“ นี่มัน…บัดซบ แกจะมีพลังมากขนาดนี้ได้ยังไง ” ลิ้มเฉียวฟงตะโกนขึ้นด้วยความหวาดกลัว เขารู้สึกว่าตนเองถึงขีดจำกัดแล้ว
หมับ!
จ้าวเทียนพลิกมือมาจับอีกฝ่ายไว้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้หลบหนี ผ่านไปเพียงครู่เดียวร่างของลิ้มเฉียวฟงก็ขยายขนาดขึ้นเหมือนเป็นลูกโป่ง
สีหน้าของเขานั้นแสดงความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก เหมือนถูกบิดเส้นเอ็นเลาะกระดูกทั้งเป็น เส้นเลือดทั่วร่างกายพากันระเบิดออกไปเรื่อยๆ
“ อ้ากกกกก เจ็บโว้ยยยยย ” ลิ้มเฉียวฟงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้ดวงตาแดงฉานจนมองไม่เห็นอะไรแล้ว เนื่องจากเส้นเลือดด้านในแตกจนหมด
ทันใดนั้น!
ตูมมมมม!
ร่างของลิ้มเฉียวฟงก็ระเบิดออกมาเหมือนลูกโป่ง เศษซากชิ้นเนื้อและอวัยวะภายในของเขาแตกกระจายไปทั่ว ซึ่งจ้าวเทียนก็ได้กางม่านพลังป้องกันเอาไว้แล้ว เพื่อไม่ให้ของน่ารังเกียจพวกนี้มาสัมผัสโดนตัวเขา
หมับ!
หลังจากคว้าถุงมือเกล็ดมังกร และแหวนมิติของฝ่ายตรงข้ามมาเก็บไว้ จ้าวเทียนก็หยิบขวดเหล้าที่บรรจุโอสถฟื้นฟูขึ้นมาจิบเล็กน้อยเพื่อฟื้นฟูพลังของตนเอง
‘ จากการทดสอบเมื่อครู่…พลังของเซียนขั้นสูงสุดอย่างฉันน่าจะเหนือกว่าผู้ฝึกตนคนอื่น ที่มีขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภาขั้นกลาง ประมาณสิบเท่าเห็นจะได้ เพราะลิ้มเฉียวฟงเพิ่งจะดูดพลังของฉันไปได้เพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...