เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วจนจ้าวเทียนตั้งตัวไม่ทัน กว่าที่เขาจะรู้สึกตัวกงม่านเออร์ก็ลงไปคุกเข่าคำนับอยู่ที่พื้นแล้ว
“ เจ้าสำนักกงรีบลุกขึ้นมาก่อนเถอะ คุณทำแบบนี้จะให้ฉันปฏิบัติตัวอย่างไร ” จ้าวเทียนรีบส่งสัญญาณให้กงเสี่ยวเหมยไปประคองอีกฝ่ายลุกขึ้นมา
“ ใช่แล้วท่านอาจารย์…คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอก รีบลุกขึ้นมาก่อนเถอะค่ะ” กงเสี่ยวเหมยพูดขึ้นอย่างจริงจัง พร้อมทั้งพยายามประคองกงม่านเออร์ขึ้นมา
ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่อยู่ในสำนักสุสานโบราณ กงม่านเออร์ดูแลเธออย่างดี ทั้งคอยช่วยเหลือทุกอย่าง ทำให้ใจของเธอให้ความเคารพอีกฝ่ายมาก
กึก!
ร่างของกงม่านเออร์ยังคงนิ่งอยู่บนพื้น ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ยอมขยับ…
จนกระทั่ง จ้าวเทียนเหมือนจะสังเกตได้ถึงบางอย่าง เขาจึงรีบเก็บป้ายเข้าไปในแหวนมิติ ทำให้กงม่านเออร์ได้สติขึ้นมา แล้วรีบลุกขึ้นด้วยท่าทางทุลักทุเล
“ ฉันต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำให้พวกเธอตกใจ ก่อนหน้านี้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อป้ายบัญชาราชันปรากฏขึ้น จิตสำนึกของฉันมันก็สั่งการให้ทำแบบนั้นทันที ” กงม่านเออร์พูดขึ้นด้วยท่าทางไม่สู้ดีนัก ในใจเธอยังรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ ควบคุมตัวเองไม่ได้งั้นเหรอ…เจ้าสำนักกงหมายความว่า ผู้ใดก็ตามที่เป็นเจ้าของป้ายอันนี้ จะสามารถสั่งการคุณได้ทุกเรื่องเลยใช่ไหม ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง
เขาคิดว่าบางทีเรื่องนี้คงเป็นฝีมือของมหาเทพจูเซียน เพื่อควบคุมสำนักสุสานโบราณเอาไว้ในตอนที่เขาฟื้นคืนชีพ
“ ใช่แล้ว…ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันรู้สึกว่าไม่สามารถขัดขืนผู้ถือป้ายได้ ”กงม่านเออร์อธิบายความรู้สึกออกมาตามตรง
จ้าวเทียนที่ได้ยินก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา เพราะก่อนหน้านี้เขาก็บอกให้อีกฝ่ายลุกขึ้นแล้ว แต่ทำไมไม่ได้ผล
‘ หรือว่า…มันจะต้องมีขั้นตอนบางอย่าง ’
“ ขอโทษนะเจ้าสำนักกง ขอฉันทดลองอะไรบางอย่างได้ไหม ” จ้าวเทียนพูดขออนุญาตก่อน ซึ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า เขาก็นำป้ายออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันกลับไม่เกิดอะไรขึ้น แตกต่างจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง
“ นี่มันแปลก… ” กงม่านเออร์กำลังจะพูดบางอย่างออกมา แต่ทันใดนั้นตัวเธอก็แข็งทื่อ แล้วยกแขนซ้ายขึ้นมาค้างเอาไว้
วูป!
เมื่อได้พิสูจน์สิ่งที่ต้องการแล้ว จ้าวเทียนก็รีบเก็บป้ายกลับไปทันที ทำให้กงม่านเออร์กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
“ ฉันเข้าใจแล้ว…ป้ายนี้ทำหน้าที่เหมือนกับพันธสัญทาสของโลกหมิงหลง วิธีใช้งานก็คือต้องส่งพลังเข้าไปเสียก่อน แล้วค่อยออกคำสั่งในใจ ” จ้าวเทียนบอกข้อสรุปของตัวเองให้ฟัง เมื่อครู่นี้เขาสั่งให้กงม่านเออร์ยกแขนซ้ายขึ้นมา
“ นี่หมายความว่า…ชีวิตของฉันต้องตกอยู่ในการควบคุมของใครก็ตามที่ถือป้ายอันนี้งั้นเหรอ ” กงม่านเออร์พูดออกมาด้วยความหวาดกลัว
“ ไม่ถึงขั้นนั้น…ป้ายอันนี้มีเพียงเจ้าของที่แท้จริงเท่านั้น ถึงจะใช้ได้ คุณไม่ต้องกังวล ฉันขอสาบานด้วยจิตวิญญาณของตัวเอง ว่าจะไม่ใช้มันบังคับฝืนใจให้คุณทำอะไรแน่นอน ” จ้าวเทียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ดวงตาของเขาเปล่งแสงสีขาวออกมา แสดงให้เห็นว่าจิตวิญญาณของเขาได้ตอบรับคำสาบานแล้ว
“ ขอบคุณมาก ” กงม่านเออร์รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นความจริงใจของจ้าวเทียน
“ ว่าแต่…คุณลองนึกดูดีๆ เผื่อจะเจอสาเหตุที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้ ” จ้าวเทียนพูดออกมาอย่างใจเย็น
“ ฉันคิดว่า บางทีมันอาจจะเป็นตอนที่อยู่ในพิธีแต่งตั้งเจ้าสำนัก ที่ผู้นำคนใหม่จะต้องหยดเลือดและให้คำสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าบรรพชน ” กงม่านเออร์พูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนัก
“ ฉันว่าคุณคิดถูกแล้วล่ะ…คงเป็นตอนนั้นจริงๆ เพราะการหยดเลือดและให้คำสัตย์ปฏิญาณเป็นพิธีรับผู้ติดตามบนแดนสวรรค์เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ” จ้าวเทียนอธิบายออกมา
“ งั้นทั้งหมดนี้ ก็เป็นฝีมือของบรรพชนสำนักของฉันสินะ ” กงม่านเออร์ยอมรับชะตากรรมในที่สุด อย่างน้อยก็ถือเป็นโชคดี ที่เจ้าของป้ายเป็นจ้าวเทียนไม่ใช่ผู้ชายคนอื่น
ไม่อย่างนั้น สำนักสุสานโบราณที่มีแต่สาวงามคงถึงคราวหายนะแน่นอน
“ ว่าแต่ ป้ายนี้ใช้ทำอะไรได้บ้างเหรอ…คงไม่เพียงแค่สั่งการคุณได้อย่างเดียวใช่ไหม ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยความคาดหวัง การที่มหาเทพจูเซียนมอบป้ายนี้แก่เขา มันจะต้องมีประโยชน์ต่อแผนการในอนาคตแน่นอน
“ อืม…ดูเหมือนจะมีคำสั่งเสียของประมุขรุ่นก่อน ว่าเมื่อพบเจ้าของป้ายอันนี้จะต้องพาไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ”
“ ตกลง…รบกวนคุณพาฉันไปได้เลย ” จ้าวเทียนตอบรับทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง กงม่านเออร์ก็พาพวกจ้าวเทียนมาถึงถ้ำแห่งหนึ่ง ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขตหวงห้ามที่พวกเขาอยู่ในตอนแรก
ทันใดนั้น
วิ้งงงง!
ดวงตาของรูปสลักสี่สัตว์เทวะ ก็ยิงเส้นลำแสงสีรุ้งมาที่แผ่นป้ายในมือของจ้าวเทียน ก่อนที่ลำแสงนั้นจะปกคลุมตัวเขา แล้วเคลื่อนย้ายหายไปในพริบตา
!!
“ ไม่นึกเลย…ว่าแท้จริงแล้วเขตอาคมเคลื่อนย้ายจะอยู่บนตัวรูปสลักนี่เอง ท่านบรรพชนช่างเก็บซ่อนไว้มิดชิดเสียจริง ” กงม่านเออร์พูดออกมาอย่างชื่นชม
ครืนนน!
เมื่อได้ทำหน้าที่ของตนเรียบร้อย รูปสลักทั้งสี่ก็เคลื่อนย้ายกลับตำแหน่งเดิมด้วยตัวเอง จากนั้นก็เกิดชั้นหินหนาปกคลุมพื้นผิว ปิดบังลวดลายอักขระทั้งหมดเอาไว้แล้วกลับสู่สภาพเดิมเหมือนก่อนหน้านี้
“ ท่านอาจารย์…จ้าวเทียนจะเป็นอันตรายหรือเปล่า มันคงไม่ใช่กับดักอะไรใช่ไหม ” กงเสี่ยวเหมยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ ไม่ต้องเป็นห่วง…ท่านบรรพชนของสำนักเราไม่ทำแบบนั้นหรอก ดูจากที่ท่านมอบป้ายบัญชาราชันให้แก่จ้าวเทียน ย่อมแสดงว่ากำลังคาดหวังให้เขาทำเรื่องราวบางอย่างให้ ”
“ มั่นใจได้เลย ว่าเขาต้องได้รับผลประโยชน์มากมายแน่นอน ” กงม่านเออร์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินแบบนั้น กงเสี่ยวเหมยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็รู้สึกใจหายอยู่บ้างที่ต้องแยกจากจ้าวเทียนอีกแล้ว ทั้งที่เพิ่งจะได้พบกันแท้ๆ
ในเวลาเดียวกัน
จ้าวเทียนตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้า พระราชวังสีทองขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ปลดปล่อยออร่าน่าสะพรึงกลัวออกมา
“ นี่มันบ้าไปแล้ว…มหาเทพจูเซียนถึงกับใช้หินวิญญาณระดับเทพมาสร้างพระราชวังงั้นเหรอ ”
จ้าวเทียนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ แม้แต่ในตอนที่เขาเป็นมหาเทพปกครองแดนสวรรค์ ยังไม่ใช้ชีวิตหรูหราขนาดนี้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...