ภายในเหมืองหินวิญญาณระดับสูง ท่ามกลางเปลวเพลิงสีทองที่ลุกโชติช่วง จ้าวเทียนเหมือนกำลังนั่งอยู่ตรงใจกลางของเตาหลอมขนาดใหญ่ มาเป็นเวลาสามวันสามคืนแล้ว
ที่ด้านหน้าของจ้าวเทียนมีเม็ดโลหะรูปทรงกลมสีดำขนาดเท่าผลลำไย ลอยอยู่ห่างจากหน้าผากเขาประมาณสองคืบ มันปลดปล่อยแรงกดดันและความร้อนมหาศาลออกมาอย่างต่อเนื่อง
หากไม่ใช่เพราะการเตรียมการป้องกันของคังหลิน สถานที่แห่งนี้คงถูกเผาจนมอดไหม้กลายเป็นหินลาวาหลอมเหลวเช่นเดียวกับแมกมาในปล่องภูเขาไฟแน่นอน
ในตอนนี้เม็ดโลหะรูปทรงกลม ซึ่งก็คือโลกภายในของเทพโลกาขั้นเก้า กำลังถูกเมล็ดพันธุ์สุริยันของจ้าวเทียนหลอมรวมเข้าไปอย่างรวดเร็ว
อาจเพราะถือกำเนิดมาจากเคล็ดวิชาหมื่นตะวันเหมือนกัน ขั้นตอนส่วนใหญ่จึงราบรื่นเป็นอย่างมาก เหลือปัญหาเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือพลังงานวิญญาณทั้งหมดในเหมืองแห่งนี้มันไม่เพียงพอ
จ้าวเทียนประเมินความแข็งแกร่งของโลกภายในของเทพโลกาคนนั้นต่ำเกินไป เพียงแค่สองวันแรกเขาก็ใช้พลังงานในเหมืองที่เทียบเท่ากับหินวิญญาณระดับสูงสี่หมื่นก้อนจนหมด ทั้งที่เพิ่งจะสำเร็จไปได้ครึ่งทางเท่านั้น
ฟู่ววว!
สมุนไพรล้ำค่าจำนวนมาก และอาวุธเครื่องรวมใส่ระดับเทพที่จ้าวเทียนเก็บสะสมไว้ ได้ถูกนำออกมาใช้เรื่อยๆ
พวกมันถูกเปลวเพลิงของเขาเผาผลาญจนสลายไป เหลือเพียงพลังงานบริสุทธิ์ให้เมล็ดพันสุริยันดูดกลืนไปอย่างรวดเร็ว
‘ ถึงแม้ฉันจะใช้สมบัติที่เก็บสะสมไว้จนเกือบหมดแล้ว…แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ตอนนี้ขั้นตอนหลอมรวมเพิ่งผ่านไปเจ็ดส่วนเท่านั้น ’
‘ แถมหลังจากที่เมล็ดพันธุ์สุริยันของฉันประสานเข้ากับโลกภายในของเทพโลกาสำเร็จ มันก็ต้องการพลังงานวิญญาณอีกจำนวนหนึ่ง ในการวิวัฒนาการตัวเองอีกด้วย ’
ตอนนี้ในแหวนมิติของจ้าวเทียน นอกจากของจำเป็นเพียงไม่กี่ชิ้นที่สำคัญและถูกเขาแยกเก็บเอาไว้
ส่วนสิ่งของที่เหลือจ้าวเทียนล้วนยอมเสียสละได้ แม้กระทั่งโอสถจำนวนมากที่เขาหลอมไว้ ก็ถูกนำมาย่อยสลายเป็นพลังงานทั้งหมด
สภาพของตัวเขาในตอนนี้ดูน่าอนาถเป็นอย่างมาก จากรูปร่างที่เคยกำยำแข็งแรงเปลี่ยนไปเป็นผอบซูบเหมือนโครงกระดูก
พลังชีวิตแทบทั้งหมดในร่างของเขา ถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานถ่ายทอดเข้าไปในเมล็ดพันธุ์สุริยัน เพื่อประคับประครองให้กระบวนการทุกอย่างดำเนินต่อไปได้
ไม่อย่างนั้น ทรัพยากรทั้งหมดที่ถูกใช้ไปจะกลายเป็นไร้ค่าทันที…
‘ หรือ…ฉันต้องใช้โลหิตแก่นแท้ของเทพมังกรจริงๆ ’
ถึงแม้จะรู้ว่า ถ้าใช้ของสิ่งนี้แล้วจะต้องสำเร็จแน่นอน แต่จ้าวเทียนกลับหักใจใช้ไม่ลง เพราะเขาต้องการเก็บมันเอาไว้ใช้ตอนทะลวงขอบเขตเซียนนภาเท่านั้น
แต่ทว่า…
เมื่อเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ สีหน้าของจ้าวเทียนก็เริ่มแย่ลง เนื่องจากเขารู้สึกว่าตัวเองจะแบกรับเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
‘ ช่างเถอะ…แบบนี้คงเหลือแค่วิธีเดียว ไว้ฉันค่อยชดเชยให้กับตระกูลฉินภายหลังก็แล้วกัน ’
ทันใดนั้น แววตาของจ้าวเทียนก็เปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยว เหมือนตัดสินใจบางสิ่งที่สำคัญได้ สัมผัสวิญญาณของเขา กวาดลงไปยังพื้นที่ใต้ดินด้านล่างของเหมืองหินวิญญาณทันที
จนกระทั่งเมื่อค้นพบเป้าหมายที่ต้องการ กระบี่ราชันสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นเจาะทะลวงพื้นหินด้านล่างเป็นหลุมลึกสร้างเส้นทางตรงไปยัง แหล่งต้นกำเนิดพลังของเหมืองหินวิญญาณ
ฉัวะ! แค่กกก!
เพียงพริบตาเดียว กระบี่ราชันสวรรค์ก็ทะลวงลึกลงไปเป็นระยะทางเกือบสองพันเมตร จนได้พบกับถ้ำขนาดใหญ่ที่มีอาณาเขตเท่ากับสิบสนามฟุตบอล ซึ่งมีผลึกคริสตัลสีม่วงจำนวนมากฝังอยู่อย่างหนาแน่น
ท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่มีแสงสว่างส่องเข้ามาถึง ผลึกคริสตัลพวกนี้ได้เปล่งประกายระยิบระยับออกมา ราวกับดวงดาวสุกสกาวบนท้องฟ้ายามราตรี
มันเป็นประกายแสงที่สว่างไสวและงดงามเป็นอย่างมาก…
ทำให้จ้าวเทียนที่เพิ่งจะมาถึง ต้องถอนหายใจด้วยความเสียดาย ที่สิ่งเหล่านี้จะต้องถูกเขาทำลายไปในไม่กี่อึดใจข้างหน้า โดยไม่มีวันฟื้นคืนกลับมาได้อีก
‘ เมล็ดพันธุ์สุริยันของฉัน จงดูดกลืนแหล่งต้นกำเนิดพลังวิญญาณพวกนี้ แล้วแปรเปลี่ยนเป็นโลกภายในซะ ’
จ้าวเทียนสื่อสารกับเมล็ดพันธุ์เซียนที่อยู่ในร่างเขา ซึ่งมันก็ตอบรับทันที เกิดเป็นคลื่นพลังกวาดออกไปยังพื้นที่รอบด้าน โดยมีจ้าวเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง
เพื่อเริ่มกระบวนการหลอมรวมกับโลกภายในของเทพโลกาขั้นเก้าอีกครั้ง
ครืนนน!
ตรงตำแหน่งด้านหน้าของจ้าวเทียน ได้ปรากฏวังวนพลังงานขนาดใหญ่ เหมือนกับหลุมดำที่ดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาในพริบตา
ผลึกคริสตัลสีม่วงจำนวนมากที่ฝังอยู่ตามผนังถ้ำ ค่อยๆสลายกลายเป็นละอองแสงลอยเข้าไปยังเมล็ดพันธุ์สุริยันอย่างรวดเร็ว
ขั้นตอนการหลอมรวมกับโลกภายในเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง…
“ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมหลังจากเกิดแผ่นดินไหว พลังปราณฟ้าดินในเมืองเหล็กดำก็ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ” กงเสี่ยวเหมยพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล ข้างกายเธอมีน้องๆของจ้าวเทียนอยู่ด้วย เด็กน้อยทั้งสองกำลังกอดแขนของเธออยู่ด้วยความหวาดกลัว
เนื่องจากเหยียนซือหนิงต้องไปที่เมืองหลวง เพื่อทำหน้าที่คุ้มครองคังหลินและคนอื่นๆ กงเสี่ยวเหมยจึงอาสาที่จะดูแลเด็กๆให้
ในขณะที่กงเสี่ยวเหมยกำลังปลอบเด็กๆอยู่นั้น ในใจของเธอก็ฉุกคิดไปถึงเรื่องราวบางอย่างที่คล้ายๆกัน ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกภายนอก
‘ ฉันจำได้ว่า…ในตอนที่จ้าวเทียนบรรลุขอบเขตเซียน มันก็ได้สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างแบบนี้เหมือนกัน ’
สายตาของกงเสี่ยวเหมยมองไปยังทิศทางของสุสานบรรพชนตระกูลฉินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดขึ้นกับตัวเอง
“ คงไม่ใช่หรอกมั้ง…. ”
ในเวลาเดียวกัน
เมืองหลวงแคว้นต้าฉินที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเหล็กดำนัก ก็ได้ผลกระทบแบบเดียวกัน เพียงแต่จะเบากว่ามาก แผ่นดินทั้งหมดสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อย จนทุกคนในเมืองแทบจะไม่รู้สึกตัว และไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับอาคารบ้านเรือนอีกด้วย
แต่สำหรับเรื่องที่พลังปราณฟ้าดินลดลงอย่างเห็นได้ชัดนั้น ผู้ฝึกตนทุกคนล้วนสัมผัสได้แน่นอน
“ ฝีมือของพวกสมาพันธ์บู๊ลิ้ม งั้นเหรอ ” คังหลินที่กำลังนั่งอ่านเอกสารสำคัญอยู่ในห้องทรงพระอักษร พูดออกมาด้วยท่าทีครุ่นคิด
จากนั้น เขาก็วาดฝ่ามือไปที่กลางอากาศเบื้องหน้า ตามรูปแบบของสัญลักษณ์โบราณ เพื่อเปิดใช้งานค่ายกลป้องกันระดับสูงที่เตรียมไว้
แวบบบ!
ม่านพลังโปร่งแสงได้กวาดออกไปทั่วเมืองโดยมีวังหลวงเป็นจุดศูนย์กลาง เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ทันใดนั้น
แววตาของคังหลินก็เปลี่ยนเป็นเฉียบคม ก่อนจะยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา
“ หืม…มีหนูสกปรกแอบลอบเข้ามาในพระราชวังของฉันหนึ่งตัว จะจัดการกับมันยังไงดีนะ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...