จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 311

ภายในเหมืองหินวิญญาณระดับสูง ท่ามกลางเปลวเพลิงสีทองที่ลุกโชติช่วง จ้าวเทียนเหมือนกำลังนั่งอยู่ตรงใจกลางของเตาหลอมขนาดใหญ่ มาเป็นเวลาสามวันสามคืนแล้ว

ที่ด้านหน้าของจ้าวเทียนมีเม็ดโลหะรูปทรงกลมสีดำขนาดเท่าผลลำไย ลอยอยู่ห่างจากหน้าผากเขาประมาณสองคืบ มันปลดปล่อยแรงกดดันและความร้อนมหาศาลออกมาอย่างต่อเนื่อง

หากไม่ใช่เพราะการเตรียมการป้องกันของคังหลิน สถานที่แห่งนี้คงถูกเผาจนมอดไหม้กลายเป็นหินลาวาหลอมเหลวเช่นเดียวกับแมกมาในปล่องภูเขาไฟแน่นอน

ในตอนนี้เม็ดโลหะรูปทรงกลม ซึ่งก็คือโลกภายในของเทพโลกาขั้นเก้า กำลังถูกเมล็ดพันธุ์สุริยันของจ้าวเทียนหลอมรวมเข้าไปอย่างรวดเร็ว

อาจเพราะถือกำเนิดมาจากเคล็ดวิชาหมื่นตะวันเหมือนกัน ขั้นตอนส่วนใหญ่จึงราบรื่นเป็นอย่างมาก เหลือปัญหาเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือพลังงานวิญญาณทั้งหมดในเหมืองแห่งนี้มันไม่เพียงพอ

จ้าวเทียนประเมินความแข็งแกร่งของโลกภายในของเทพโลกาคนนั้นต่ำเกินไป เพียงแค่สองวันแรกเขาก็ใช้พลังงานในเหมืองที่เทียบเท่ากับหินวิญญาณระดับสูงสี่หมื่นก้อนจนหมด ทั้งที่เพิ่งจะสำเร็จไปได้ครึ่งทางเท่านั้น

ฟู่ววว!

สมุนไพรล้ำค่าจำนวนมาก และอาวุธเครื่องรวมใส่ระดับเทพที่จ้าวเทียนเก็บสะสมไว้ ได้ถูกนำออกมาใช้เรื่อยๆ

พวกมันถูกเปลวเพลิงของเขาเผาผลาญจนสลายไป เหลือเพียงพลังงานบริสุทธิ์ให้เมล็ดพันสุริยันดูดกลืนไปอย่างรวดเร็ว

‘ ถึงแม้ฉันจะใช้สมบัติที่เก็บสะสมไว้จนเกือบหมดแล้ว…แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ตอนนี้ขั้นตอนหลอมรวมเพิ่งผ่านไปเจ็ดส่วนเท่านั้น ’

‘ แถมหลังจากที่เมล็ดพันธุ์สุริยันของฉันประสานเข้ากับโลกภายในของเทพโลกาสำเร็จ มันก็ต้องการพลังงานวิญญาณอีกจำนวนหนึ่ง ในการวิวัฒนาการตัวเองอีกด้วย ’

ตอนนี้ในแหวนมิติของจ้าวเทียน นอกจากของจำเป็นเพียงไม่กี่ชิ้นที่สำคัญและถูกเขาแยกเก็บเอาไว้

ส่วนสิ่งของที่เหลือจ้าวเทียนล้วนยอมเสียสละได้ แม้กระทั่งโอสถจำนวนมากที่เขาหลอมไว้ ก็ถูกนำมาย่อยสลายเป็นพลังงานทั้งหมด

สภาพของตัวเขาในตอนนี้ดูน่าอนาถเป็นอย่างมาก จากรูปร่างที่เคยกำยำแข็งแรงเปลี่ยนไปเป็นผอบซูบเหมือนโครงกระดูก

พลังชีวิตแทบทั้งหมดในร่างของเขา ถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานถ่ายทอดเข้าไปในเมล็ดพันธุ์สุริยัน เพื่อประคับประครองให้กระบวนการทุกอย่างดำเนินต่อไปได้

ไม่อย่างนั้น ทรัพยากรทั้งหมดที่ถูกใช้ไปจะกลายเป็นไร้ค่าทันที…

‘ หรือ…ฉันต้องใช้โลหิตแก่นแท้ของเทพมังกรจริงๆ ’

ถึงแม้จะรู้ว่า ถ้าใช้ของสิ่งนี้แล้วจะต้องสำเร็จแน่นอน แต่จ้าวเทียนกลับหักใจใช้ไม่ลง เพราะเขาต้องการเก็บมันเอาไว้ใช้ตอนทะลวงขอบเขตเซียนนภาเท่านั้น

แต่ทว่า…

เมื่อเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ สีหน้าของจ้าวเทียนก็เริ่มแย่ลง เนื่องจากเขารู้สึกว่าตัวเองจะแบกรับเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป

‘ ช่างเถอะ…แบบนี้คงเหลือแค่วิธีเดียว ไว้ฉันค่อยชดเชยให้กับตระกูลฉินภายหลังก็แล้วกัน ’

ทันใดนั้น แววตาของจ้าวเทียนก็เปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยว เหมือนตัดสินใจบางสิ่งที่สำคัญได้ สัมผัสวิญญาณของเขา กวาดลงไปยังพื้นที่ใต้ดินด้านล่างของเหมืองหินวิญญาณทันที

จนกระทั่งเมื่อค้นพบเป้าหมายที่ต้องการ กระบี่ราชันสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นเจาะทะลวงพื้นหินด้านล่างเป็นหลุมลึกสร้างเส้นทางตรงไปยัง แหล่งต้นกำเนิดพลังของเหมืองหินวิญญาณ

ฉัวะ! แค่กกก!

เพียงพริบตาเดียว กระบี่ราชันสวรรค์ก็ทะลวงลึกลงไปเป็นระยะทางเกือบสองพันเมตร จนได้พบกับถ้ำขนาดใหญ่ที่มีอาณาเขตเท่ากับสิบสนามฟุตบอล ซึ่งมีผลึกคริสตัลสีม่วงจำนวนมากฝังอยู่อย่างหนาแน่น

ท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่มีแสงสว่างส่องเข้ามาถึง ผลึกคริสตัลพวกนี้ได้เปล่งประกายระยิบระยับออกมา ราวกับดวงดาวสุกสกาวบนท้องฟ้ายามราตรี

มันเป็นประกายแสงที่สว่างไสวและงดงามเป็นอย่างมาก…

ทำให้จ้าวเทียนที่เพิ่งจะมาถึง ต้องถอนหายใจด้วยความเสียดาย ที่สิ่งเหล่านี้จะต้องถูกเขาทำลายไปในไม่กี่อึดใจข้างหน้า โดยไม่มีวันฟื้นคืนกลับมาได้อีก

‘ เมล็ดพันธุ์สุริยันของฉัน จงดูดกลืนแหล่งต้นกำเนิดพลังวิญญาณพวกนี้ แล้วแปรเปลี่ยนเป็นโลกภายในซะ ’

จ้าวเทียนสื่อสารกับเมล็ดพันธุ์เซียนที่อยู่ในร่างเขา ซึ่งมันก็ตอบรับทันที เกิดเป็นคลื่นพลังกวาดออกไปยังพื้นที่รอบด้าน โดยมีจ้าวเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง

เพื่อเริ่มกระบวนการหลอมรวมกับโลกภายในของเทพโลกาขั้นเก้าอีกครั้ง

ครืนนน!

ตรงตำแหน่งด้านหน้าของจ้าวเทียน ได้ปรากฏวังวนพลังงานขนาดใหญ่ เหมือนกับหลุมดำที่ดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาในพริบตา

ผลึกคริสตัลสีม่วงจำนวนมากที่ฝังอยู่ตามผนังถ้ำ ค่อยๆสลายกลายเป็นละอองแสงลอยเข้าไปยังเมล็ดพันธุ์สุริยันอย่างรวดเร็ว

ขั้นตอนการหลอมรวมกับโลกภายในเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง…

“ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมหลังจากเกิดแผ่นดินไหว พลังปราณฟ้าดินในเมืองเหล็กดำก็ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ” กงเสี่ยวเหมยพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล ข้างกายเธอมีน้องๆของจ้าวเทียนอยู่ด้วย เด็กน้อยทั้งสองกำลังกอดแขนของเธออยู่ด้วยความหวาดกลัว

เนื่องจากเหยียนซือหนิงต้องไปที่เมืองหลวง เพื่อทำหน้าที่คุ้มครองคังหลินและคนอื่นๆ กงเสี่ยวเหมยจึงอาสาที่จะดูแลเด็กๆให้

ในขณะที่กงเสี่ยวเหมยกำลังปลอบเด็กๆอยู่นั้น ในใจของเธอก็ฉุกคิดไปถึงเรื่องราวบางอย่างที่คล้ายๆกัน ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกภายนอก

‘ ฉันจำได้ว่า…ในตอนที่จ้าวเทียนบรรลุขอบเขตเซียน มันก็ได้สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างแบบนี้เหมือนกัน ’

สายตาของกงเสี่ยวเหมยมองไปยังทิศทางของสุสานบรรพชนตระกูลฉินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดขึ้นกับตัวเอง

“ คงไม่ใช่หรอกมั้ง…. ”

ในเวลาเดียวกัน

เมืองหลวงแคว้นต้าฉินที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเหล็กดำนัก ก็ได้ผลกระทบแบบเดียวกัน เพียงแต่จะเบากว่ามาก แผ่นดินทั้งหมดสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อย จนทุกคนในเมืองแทบจะไม่รู้สึกตัว และไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับอาคารบ้านเรือนอีกด้วย

แต่สำหรับเรื่องที่พลังปราณฟ้าดินลดลงอย่างเห็นได้ชัดนั้น ผู้ฝึกตนทุกคนล้วนสัมผัสได้แน่นอน

“ ฝีมือของพวกสมาพันธ์บู๊ลิ้ม งั้นเหรอ ” คังหลินที่กำลังนั่งอ่านเอกสารสำคัญอยู่ในห้องทรงพระอักษร พูดออกมาด้วยท่าทีครุ่นคิด

จากนั้น เขาก็วาดฝ่ามือไปที่กลางอากาศเบื้องหน้า ตามรูปแบบของสัญลักษณ์โบราณ เพื่อเปิดใช้งานค่ายกลป้องกันระดับสูงที่เตรียมไว้

แวบบบ!

ม่านพลังโปร่งแสงได้กวาดออกไปทั่วเมืองโดยมีวังหลวงเป็นจุดศูนย์กลาง เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ทันใดนั้น

แววตาของคังหลินก็เปลี่ยนเป็นเฉียบคม ก่อนจะยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา

“ หืม…มีหนูสกปรกแอบลอบเข้ามาในพระราชวังของฉันหนึ่งตัว จะจัดการกับมันยังไงดีนะ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน