ในขณะที่ทั่วทั้งแคว้นต้าฉิน เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างที่ไม่มีผู้ใดตั้งตัวทัน แผ่นดินทั้งหมดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง อีกทั้งปราณฟ้าดินในอาณาเขตโดยรอบก็ลดลงไปถึงสี่ส่วน
เรื่องนี้ได้สร้างความแตกตื่นให้กับสำนักโบราณทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะมันจะทำให้พวกเขาฝึกฝนได้ช้ากว่าสำนักอื่นๆที่ตั้งอยู่ในอีกสี่แคว้นที่เหลือ
ถือเป็นโชคดี ที่ค่ายกลป้องกันของคังหลินได้ช่วยปกปิดและอำพรางร่องรอยของตำแหน่งที่เป็นต้นเหตุอย่างสุสานบรรพชนตระกูลฉินเอาไว้
ทำให้ไม่มีผู้ใดสืบหาเบาะแสและสาวมาถึงตัวของจ้าวเทียนได้…
ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่ค่ายกลป้องกันเมืองหลวงได้เปิดใช้งาน
ทูตมังกรที่กำลังลอบเร้นเข้ามาในพระราชวังแคว้นต้าฉิน ก็กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ บัดซบ! นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ” ทูตมังกรบ่นกับตัวเองเบาๆด้วยความหงุดหงิด
ก่อนหน้านี้เขาได้ใช้เคล็ดวิชาลบตัวตนของสำนักจตุเทวะ บุกเข้ามาจนเกือบจะถึงห้องทรงพระอักษรที่ฮ่องเต้องค์ใหม่อยู่แล้ว
ไม่นึกเลยว่า จู่ๆแผ่นดินทั้งหมดก็สั่นสะเทือน จากนั้นค่ายกลป้องกันเมืองหลวงก็ถูกเปิดใช้งาน ทำให้ความพยายามที่แล้วมาของเขาสูญเปล่าทันที
‘ ไม่ได้การแล้ว ก่อนที่พวกผู้คุ้มกันจะรู้ตัว ฉันต้องรีบไปจับตัวฮ่องเต้เอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้น หากพวกตัวแทนสมาพันธ์บู๊ลิ้มตามมาสมทบคงยุ่งยากแน่นอน ’
ทูตมังกรคิดขึ้นอย่างร้อนรน แล้วรีบพุ่งทะลวงเข้าไปทางประตูห้องทรงพระอักษรทันที ขอเพียงจับตัวประกันเอาไว้ ก็ยังพอพลิกสถานการณ์ได้
ทันใดนั้น
วูปป!
สัมผัสวิญญาณอันแข็งแกร่งได้กวาดลงมา พร้อมกับความกดดันมหาศาลของเคล็ดวิชาระดับเทวะ
ก๊าซซซซ!
เสียงพญาหงส์เพลิงกู่ร้อง คลื่นเปลวเพลิงสีแดงฉานได้ระเบิดออกมาขวางหน้าทูตมังกรเอาไว้
เปรี้ยงง! ตูมมม!
เงาร่างสองสายได้ปะทะกันและถูกกระแทกถอยออกไปรวดเร็ว แม้จะถูกลอบโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ด้วยขั้นพลังที่สูงกว่า ทำให้ทูตมังกรอาศัยกระบี่ในมือปัดป้องการโจมตีออกไปได้อย่างไม่ยากเย็น
แต่มันก็ทำให้เขาหมดโอกาสที่จะทำตามแผนการที่คิดไว้ เพราะเสียงจากการปะทะเมื่อครู่ได้ระเบิดออกไปรอบด้าน เปิดเผยร่องรอยของเขาออกไปทันที
ครืนนน!
คลื่นเปลวเพลิงสีแดงที่กระจายออกไปรอบด้าน ได้กลับมารวมตัวกันเป็นหญิงชุดดำ สวมหน้ากากปกปิดตัวตนเอาไว้ จากนั้นเธอก็ตะโกนสั่งการออกมา
“ อารักขาฮ่องเต้! ”
สิ้นเสียง เงาร่างมากมายก็ปรากฏตัวขึ้นปิดล้อมทูตมังกรเอาไว้ในพริบตา พวกเขาคือองครักษ์ระดับปรมาจารย์ยี่สิบคน และยอดฝีมือระดับเซียนห้าคนจากสำนักหัวซานที่เข้ามาเป็นแขกในวังหลวง
“ เหอะ…รู้ทั้งรู้ว่ายอดฝีมือทุกคนได้มารวมตัวกันอยู่ที่เมืองหลวง กลับกล้าบุกรุกเข้ามาในพระราชวังแบบนี้ แกประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า ” หยางถิงเฟิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ครั้งนี้เขาเป็นตัวแทนของสำนักหัวซาน มาเข้าร่วมงานพิธีสำคัญที่เมืองหลวง หลังจากผ่านการต่อสู้ที่สำนักสุสานโบราณก็ได้ทำให้เขาทะลวงขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดได้สำเร็จ อีกทั้งยังได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาเก้ากระบี่เดียวดายมาเรียบร้อย
ทำให้ตอนนี้ เขารู้สึกมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองมาก
“ ศิษย์พี่ใหญ่…อย่าเสียเวลาไปพูดคุยกับมันเลย ลักลอบเข้ามาในยามวิกาลแบบนี้ ดูก็รู้ว่าไม่ได้มาดีแน่นอน ” เซียนขั้นกลางคนหนึ่งพูดขึ้น ซึ่งก็ได้รับเสียงสนับสนุนจากพวกพ้องอีกสามคนที่เหลือทันที
พวกเขาทั้งสี่คือชายหนุ่มเลือดร้อนจากสำนักหัวซาน ที่ได้ออกไปทำภารกิจพร้อมกับหยางถิงเฟิงและได้ปกป้องศิษย์จากสำนักสุสานโบราณเอาไว้
นอกจากจะได้รับผลตอบแทนมหาศาลจากสำนักของตนแล้ว ยังได้สร้างสายสัมพันธ์กับสาวงามอีกด้วย ทำให้ในใจของพวกเขาตอนนี้กระเหี้ยนกระหือรือที่จะต่อสู้มาก
เพราะถ้าหากจัดการศัตรูที่บุกรุกพระราชวังได้ ในวันพรุ่งนี้ชื่อเสียงของพวกเขาจะต้องโด่งดังแน่นอน
ขณะนั้นเอง
แอ้ดด!
ประตูห้องทรงพระอักษรก็เปิดออก คังหลินพร้อมกับองครักษ์อีกสองคนก็เดินออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลายไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆทั้งสิ้น
“ เอาล่ะ…เชิญตามฉันมาทางนี้ ”
ผ่านไปครู่หนึ่ง
ในท้องพระโรงซึ่งเป็นสถานที่สำคัญ สำหรับการจัดพิธีขึ้นครองราชย์และอภิเษกสมรสในวันรุ่งขึ้น คังหลินได้เดินมานั่งลงบนบัลลังก์ฮ่องเต้ โดยมีเหยียนซือหนิงยืนทำหน้าที่ให้การคุ้มกันอยู่ด้านข้าง
ส่วนทูตมังกรนั้น ถูกจัดให้ยืนอยู่ด้านล่างตรงกลางท้องพระโรงเพียงผู้เดียว
“ เอาล่ะ…ทีนี้ลองบอกรายละเอียดข้อตกลงมาให้ฉันฟังสิ ”
“ ตกลง เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ฮ่องเต้อีกสี่แคว้นลงมติเห็นชอบแล้ว… ” ทูตมังกรเริ่มบอกแผนการทั้งหมดออกมา เกี่ยวกับการทำสงครามขับไล่สมาพันธ์บู๊ลิ้ม รวมไปถึงผลตอบแทนที่พวกเขาจะมอบให้ เช่นโอสถยืดอายุขัยและเคล็ดวิชาระดับสูงต่างๆ
แม้ในตอนแรกเขาจะรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่ ที่ฮ่องเต้ของชาวพื้นเมืองกลับวางตนสูงส่งกว่าตัวเขา แต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น เขาเลยยอมอดทนเอาไว้และบอกทุกสิ่งทุกอย่างออกไปจนหมด
“ ฉันมีคำถามหนึ่งข้อ…กองกำลังเสริมจากโลกภายนอกที่พวกคุณพูดถึง แท้จริงแล้วมีความแข็งแกร่งและจำนวนมากน้อยแค่ไหน ” คังหลินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ ต้องขออภัยด้วย…เรื่องนี้ไม่สามารถบอกได้ พระองค์รู้เพียงว่าพวกเขาสามารถต่อกรกับแกนนำของสมาพันธ์บู๊ลิ้มได้อย่างง่ายดายก็พอแล้ว ” ทูตมังกรพูดขึ้นด้วยสีหน้ามั่นใจ
“ งั้นเหรอ…ดูเหมือนว่า ถ้าไม่เปลี่ยนวิธีการ ฉันคงจะไม่ได้ข้อมูลอะไรมากไปกว่านี้แล้วสินะ” คังหลินพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
!!
คำพูดของคังหลิน ทำให้ทูตมังกรฉุกคิดได้ถึงความผิดปกติทันที แต่มันก็ไม่ทันแล้ว เพราะตอนนี้เขาสัมผัสพลังในร่างกายของตัวเองไม่ได้เลย
ทันใดนั้น
วูป!
ม่านพลังโปร่งใสก็ปกคลุมท้องพระโรงแห่งนี้ไว้ จากนั้นตรงจุดที่ทูตมังกรยืนอยู่ก็ปรากฏเขตอาคมที่ถูกจารึกด้วยอักขระเทพโบราณซ้อนทับกันหลายชั้น
“ เป็นไปไม่ได้!...นี่มันเขตอาคมสลายพลัง ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...