ทางฝ่ายหุ่นเชิดจิตวิญญาณระดับแดนเทพทั้งสิบคน เมื่อปรากฏตัวขึ้นก็รีบตั้งขบวนรบปิดล้อมจ้าวเทียนเอาไว้ตรงกลาง
แวบ!
เกิดเป็นเส้นลำแสงขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน ถักทอกันเป็นแผนภูมิกระดองเต่าแปดเหลี่ยม นี่คือค่ายกลต่อสู้อันเลื่องชื่อของนิกายจูเซียน โดดเด่นทั้งรุกและรับ
ในช่วงเวลาคับขัน ยังสามารถแปรเปลี่ยนเป็นค่ายกลสังหาร เพื่อแลกชีวิตกับศัตรูได้อีกด้วย ส่วนมากค่ายกลนี้จะถูก พลทหารธรรมดาใช้รับมือกับแม่ทัพฝ่ายศัตรู
ต่อให้ไม่อาจสังหารได้ แต่การจะกักตัวอีกฝ่ายเอาไว้ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
“ หากเจ้าหลบหนีออกจากขบวนรบค่ายกลเทวะแปดทิศนี้ได้ ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป ถือว่าเจ้าชนะ และข้ายังจะมอบสร้อยเงินดารกะให้อีกด้วย ” พูดจบมหาเทพจูเซียนก็เสกธูปขนาดใหญ่ขึ้นมาหนึ่งอัน ให้ลอยอยู่เหนือพื้น
‘ จากที่ข้าประเมินดู จ้าวเทียนไม่มีทางผ่านการทดสอบแน่นอน เพราะเมื่อหุ่นเชิดทั้งสิบใช้ค่ายกลนี้ ต่อให้เป็นเทพโลกาขั้นต้นก็ยังต้องใช้เวลาเกือบสามก้านธูปถึงจะหลุดออกมาได้’
‘ แต่ที่ทำแบบนี้ ก็เพื่อให้จ้าวเทียนรู้จักขีดจำกัดของตนเอง และไม่ประมาทศัตรูจนต้องพ่ายแพ้ไป ’
มหาเทพจูเซียนครุ่นคิดขึ้นด้วยความมั่นใจ แม้จะไม่รู้อานุภาพของขอบเขตฟ้าดินแห่งกระบี่ในตำนาน แต่มันก็ไม่น่าจะเหนือไปกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้มากนัก
จากนั้น
วูป!
สร้อยคอสีเงินที่เปล่งประกายระยิบระยับ ก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของมหาเทพจูเซียน
“ นี่คือสมบัติช่วยชีวิตระดับครึ่งศักดิ์สิทธิ์ ความสามารถของมันเป็นเช่นเดียวกับสร้อยคอของหยวนไป่เฉียน หากเจ้าถูกการโจมตีถึงชีวิต สร้อยเงินดารากะจะเคลื่อนย้ายเจ้ากลับมาที่พระราชวังจักรพรรดิแห่งนี้ ”
“ แต่จงระวังเอาไว้ข้อหนึ่ง สร้อยคอนี้ไม่สามารถใช้ในมิติปิดกั้นได้ เพราะฉะนั้นหากโดนศัตรูกักขังเอาไว้ ก็จงรีบหลบหนีออกมาทันที ” มหาเทพจูเซียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
อันที่จริงต่อให้จ้าวเทียนไม่ผ่านการทดสอบ เขาก็คิดจะมอบสร้อยเส้นนี้ให้อยู่แล้ว เพื่อรับประกันชีวิตของอีกฝ่าย
โดยปกติสมบัติช่วยชีวิตแบบนี้ถือเป็นสิ่งล้ำค่าและหาได้ยากมาก แม้แต่มหาเทพจูเซียนผู้ร่ำรวยก็มีเหลือเพียงแค่สิบชิ้น ถ้าเป็นในอดีตเขาจะมอบมันให้กับศิษย์สืบทอดและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้น
“ คุณแน่ใจนะ ว่าจะใช้ธูปอันใหญ่แบบนี้ เท่าที่ฉันดูคงใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงจะเผาไหม้จนหมด ” จ้าวเทียนถามแบบไม่แน่ใจนัก ไม่ใช่ว่าเขามั่นใจในตัวเองเกินไป แต่ในการต่อสู้เสี่ยงชีวิตจริงๆ เวลาทุกนาทีมีค่าดุจทองคำ
ต่อให้มหาเทพจูเซียนตั้งข้อจำกัดเวลาไว้เพียงสิบนาที จ้าวเทียนก็คิดว่ามันไม่เกินไปเลยแม้แต่น้อย
“ หึหึ รอหลังจากที่เจ้าทะลวงค่ายกลนี้ออกมาได้ก่อนค่อยพูดเถอะ ” มหาเทพจูเซียนพูดขึ้นด้วยท่าทีขบขัน ก่อนที่จะออกคำสั่งกับหุ่นเชิดวิญญาณทันที
ครืนนน!
ร่างของหุ่นเชิดทุกตัวระเบิดพลังอันเกรี้ยวกราดออกมา แผนภูมิกระดองเต่าที่ปิดล้อมจ้าวเทียนหมุนวนอย่างรวดเร็ว ผนึกอาณาเขตด้านในเอาไว้
‘ หืม…นี่มันคล้ายกับมิติปิดกั้น พื้นที่ด้านในค่ายกลถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไปแล้ว ทำให้ฉันไม่สามารถใช้การฉีกมิติหลบหนีออกไปได้ ’
จ้าวเทียนคิดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง นอกจากจะหลบหนีไม่ได้แล้ว ยังถูกพลังของค่ายกลบีบอัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนรู้สึกเหมือนถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้
หากเป็นผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเซียนนภาคนอื่น แค่จะยืนอยู่ได้ยังเป็นปัญหาเลย ไม่ต้องพูดถึงการคิดจะต่อต้านด้วยซ้ำ
‘ ถึงแม้จะป้องกันการฝ่ามิติหลบหนีได้ แต่ถ้าขาดซึ่งความแข็งแกร่งที่แท้จริงก็ไม่มีประโยชน์ ขอฉันลองทดสอบดูหน่อยก็แล้วกัน ’
“ แก่นแท้แห่งกระบี่! ”
จ้าวเทียนฟันกระบี่ออกไปทันที เกิดเป็นภาพลวงตาของกระบี่ขนาดยักษ์เฉือนเข้าใส่ม่านพลังที่ปกคลุมอยู่ด้านบน
เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เงากระบี่ดุจพายุโหมกระหน่ำ รังสีกระบี่อันเกรี้ยวกราดดุดันนับร้อย ทะลวงเข้าใส่จุดเดียวกันอย่างถี่รัว มันรวดเร็วดุจลำแสง ทุกรังสีกระบี่ถึงเป้าหมายพร้อมกัน
นี่เป็นการหลอมรวมกันระหว่างเก้ากระบี่เดียวดาย กับเคล็ดวิชากระบี่สรรพสิ่งที่จ้าวเทียนสร้างขึ้น อานุภาพของมันรุนแรงเป็นอย่างมาก
ฉัวะ!ๆๆๆๆ ครืนนนน!
เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงต้านทานจากด้านใน แผนภูมิกระดองเต่าแปดทิศก็แยกออกเป็นสองส่วน ด้านหนึ่งสลายพลังที่โจมตีเข้ามา ส่วนอีกด้านก็แปรเปลี่ยนเป็นหอกอันแหลมคมพุ่งทะลวงเข้าใส่จ้าวเทียนในพริบตา
ฉัวะ! ตูมมม!
กระบี่ในมือของจ้าวเทียนใช้ออกไปอย่างพิษดาร ทั้งแง่มุมและท่วงท่าล้วนพอดีจนถึงขีดสุด เคล็ดวิชาวงจรกระบี่ได้หลอมรวมเข้ากับวิชากระบี่ไท่เก๊กอย่างลงตัว ต้านทานหอกพลังงานอันนั้นไว้
เปรี้ยงงง! ครืนนน!
ตรงม่านกระบี่ของจ้าวเทียน ได้ปรากฏสัญลักษณ์ไท่จี๋หยินหยางขึ้น มันสลายแรงปะทะออกไปรอบด้าน ก่อนที่จะจางหายไปในอากาศ
เปรี้ยงง!ๆๆๆๆ ตูม!ๆๆๆๆ
สิบนาทีผ่านไป จ้าวเทียนยังคงใช้แก่นแท้แห่งกระบี่เข้าโจมตีแผนภูมิกระดองเต่าอย่างดุเดือด เขาได้หลอมรวมเก้ากระบี่เดียวดายเข้ากับกระบี่ไท่เก๊ก
รังสีกระบี่นับร้อยถูกชักนำด้วยแผนภูมิไท่จี๋ พุ่งทะลวงเข้าใส่ม่านพลังด้วยกฎเกณฑ์แห่งหยินหยาง อานุภาพนี้เหนือกว่าแต่ก่อนนับสิบเท่า
แต่ทว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเปล่าประโยชน์ เมื่ออยู่ต่อหน้าค่ายกลต่อสู้อันดับหนึ่งของนิกายจูเซียน ไม่ว่าการโจมตีจะรุนแรงขนาดไหน ก็จะถูกสลายและสวนกลับไปทุกครั้ง
ด้วยการโจมตีระดับนี้ อย่าว่าแต่หุ่นเชิดแค่สิบคนเลย ต่อให้เป็นยี่สิบคนก็ไม่แน่ว่าจะต้านทานได้
“ ช้าก่อน… ”
มหาเทพจูเซียนรีบร้องห้ามออกมา แต่น่าเสียดายที่มันได้สายเกินไปแล้ว เพราะเมื่อจ้าวเทียนได้ฟันกระบี่ออกไป
รังสีกระบี่นับหมื่นก็แปรเปลี่ยนเป็นสายธารแห่งกระบี่ เข้ามาประสานรวมกันเป็นพญามังกรเขียว ขู่คำรามและกางกรงเล็บพุ่งเข้าใส่ม่านพลังแผนภูมิกระดองเต่าทันที
เปรี้ยงงง! ตูมมมมม!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เหมือนกับฟ้าถล่มดินทลาย การโจมตีของจ้าวเทียนในครั้งนี้สะท้านฟ้าสะเทือนดิน กระแสพลังจากการปะทะกวาดออกไปโดยรอบ จนมหาเทพจูเซียนต้องรีบเปิดค่ายกลป้องกันของพระราชวังจักรพรรดิอย่างร้อนรน
ฉัวะ!ๆๆๆๆๆๆๆๆ เปรี้ยงงงง!ๆๆๆๆ
พญามังกรเขียว ที่เกิดจากการรวมตัวกันของรังสีกระบี่นับหมื่น ตวัดกรงเล็บและคมเขี้ยวโจมตีเข้าใส่จุดอ่อนของค่ายกลอย่างแม่นยำ
นี่คือผลของเคล็ดวิชาบูรพาสังหาร ที่ทำให้มองเห็นจุดอ่อนและช่องโหว่ของสรรพสิ่งที่อยู่ในอาณาเขต
ตูมมมมมมม!
หลังจากค่ายกลเทวะแปดทิศแหลกกระจุย พญามังกรเขียวก็พุ่งเข้าใส่หุ่นเชิดทั้งสิบอย่างรุนแรง คลื่นพลังจากการปะทะระเบิดออกมาโดยรอบ จนแม้แต่ค่ายกลป้องกันของพระราชวังจักรพรรดิยังปรากฏรอยร้าวขึ้นเล็กน้อย
‘ พลังระดับนี้ แม้แต่เทพโลกาขั้นต้นก็ไม่อาจต้านทานได้ ข้าเข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดเต๋าแห่งสวรรค์ถึงต้องผนึกเส้นทางบรรลุขอบเขตนี้เอาไว้ ’
‘ ถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิด อานุภาพของฟ้าดินแห่งกระบี่ จะเพิ่มขึ้นตามความแข็งแกร่งของโลกภายใน นี่จึงเป็นสาเหตุที่จ้าวเทียนสามารถปลดปล่อยการโจมตีระดับนี้ออกมาได้ ’
‘ โลกภายในของจ้าวเทียนได้ประสานเข้ากับแก่นแท้ดวงตะวัน และโลกภายในของเทพโลกาขั้นเก้า ทำให้มันเหนือไปกว่าผู้อื่นนับร้อยเท่า ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ ย่อมสามารถกวาดพิชิตโลกหมิงหลงโดยไร้ผู้ต้านทานอย่างแน่นอน ’
มหาเทพจูเซียนมองดูจ้าวเทียนอย่างชื่นชม หากไม่ใช่เพราะตัวเขาเหลือเพียงเจตจำนงก็คงอยากจะผนึกพลังให้เท่าเทียม แล้วท้าประลองกับอีกฝ่ายเพื่อพิสูจน์ฝีมือเช่นกัน
“ เจ้าชนะแล้ว ข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้นี้อย่างเต็มใจ ” มหาเทพจูเซียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้สนใจหุ่นเชิดทั้งสิบคนที่ร่วงไปกองอยู่บนพื้น เพราะความเสียหายระดับนี้ยังซ่อมแซมได้
!!
มหาเทพจูเซียนเริ่มสังเกตได้ถึงความผิดปกติบางอย่างอย่าง เขาจึงใช้เจตจำนงของตนเองตรวจสอบจ้าวเทียนอย่างละเอียด
ห๊ะ!
“ นี่เจ้า…หมดสติไปแล้วงั้นเหรอ ” มหาเทพจูเซียนรู้สึกหัวเราะก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก ผู้ที่หมดสติไปทั้งยืนแบบนี้ เขาเองก็เพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรกเหมือนกัน
“ ถ้าเจ้าใช้พลังที่เทียบเท่าเทพโลกกาออกมาได้ แล้วสุดท้ายต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ข้าควรจะโล่งใจหรือหนักใจดีกันนะ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...