จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 329

เช้าวันต่อมา จ้าวเทียนกับพวกเซียนหลิงอีกสี่คน ก็ได้ไปพบกับมหาเทพจูเซียน ก่อนที่จะออกไปทำตามแผนการที่วางเอาไว้ เนื่องจากวันนี้เป็นเวลาที่ประตูมิติสู่โลกภายนอกจะเปิดออก

ซึ่งตอนนี้พวกจ้าวเทียนก็ได้เตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว เห็นได้จากอาวุธชุดเกราะของพวกเซียนหลิงทั้งสี่ ถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่ทั้งหมด

นี่คือสิ่งที่ถูกเก็บเอาไว้ในคลังแสงของมหาเทพจูเซียน ด้วยความแข็งแกร่งของอุปกรณ์ระดับเทพชั้นยอด ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูระดับเจ้าตำหนักเทวะเพียงลำพัง ก็ยังมีพลังเพียงพอที่จะตอบโต้

“ เรื่องขอบเขตฟ้าดินแห่งกระบี่ของเจ้านั้น แม้มันจะมีอานุภาพรุนแรงเป็นอย่างมาก แต่ก็มีจุดอ่อนสำคัญอยู่เช่นกัน ”

“ เพราะเมื่อไหร่ที่เจ้าหมดสติลงในระหว่างการต่อสู้ นั่นก็หมายถึงความพ่ายแพ้และความตายอย่างแน่นอน ” มหาเทพจูเซียนพูดถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ตอนที่จ้าวเทียนเอาชนะหุ่นเชิดจิตวิญญาณระดับแดนเทพสิบคน แล้วหมดสติไปพร้อมกัน

“ เรื่องนั้นคุณไม่ต้องกังวล ฉันรู้ความสามารถของตนเองดี ก่อนหน้านี้ฉันเพียงต้องการทดสอบพลังที่แท้จริงของฟ้าดินแห่งกระบี่ดูก็เท่านั้น ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยท่าทีผ่อนคลาย

รังสีกระบี่หมื่นสาย เป็นขีดจำกัดสูงสุดที่โลกภายในของจ้าวเทียนรับไหว ก่อนที่จะสูญเสียพลังทั้งหมดไป

ดังนั้นหากเขาระวังในจุดนี้ และสร้างรังสีกระบี่ไม่เกินแปดพันสาย แม้มันอาจจะสิ้นเปลืองพลังไปมาก แต่ก็คงจะไม่มีผลกระทบอะไรเกิดขึ้น

‘ ศัตรูของฉันเป็นเพียงขอบเขตแดนเทพระดับกลางถึงสูง แตกต่างกับหุ่นเชิดของมหาเทพจูเซียนที่อยู่ในระดับแดนเทพขั้นสูงสุด ’

‘ อีกทั้งฉันยังมีเทพกระบี่ และคนอื่นๆให้ความช่วยเหลือ บางที แค่รังสีกระบี่หห้าพันสายก็เพียงพอที่จะเอาชนะพวกเขาพร้อมกันแล้ว ’

จ้าวเทียนตัดสินใจสังหารศัตรูทั้งหมดในคราวเดียว เพื่อการนี้ตัวเขาไม่อาจรีบเปิดเผยตัวตนออกไปตั้งแต่แรก

ต้องรอจนกว่า ศัตรูทุกคนจะปรากฏตัวออกมาก่อน แล้วค่อยปิดบัญชีทีเดียว ไม่ให้มีผู้ใดหนีรอดและกลายเป็นเภทภัยในอนาคต

หลังจากที่พูดกันต่อไปอีกสักพัก จ้าวเทียนก็ขอตัวจากมาพร้อมกับพวกเซียนหลิงทั้งสี่ โดยมีมหาเทพจูเซียนช่วยเคลื่อนย้ายพวกเขา ไปยังเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดให้

ในเวลาเดียวกันที่มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน

เมืองแห่งนี้อยู่ห่างจากปักกิ่งประมาณสองร้อยกิโลเมตร มีประชากรมากเป็นอันดับหกของประเทศจีน ซึ่งประกอบไปด้วยชนกลุ่มใหญ่ที่เป็นชาวฮั่นร้อยละเก้าสิบหก จัดเป็นเมืองที่มีประวัติเก่าแก่ตั้งแต่ยุคสามก๊ก

และสถานที่แห่งนี้เอง ที่มีการเชื่อมต่อกับโลกใบเล็กของสำนักโบราณ โดยในทุกๆแปดถึงสิบปีประตูมิติจะเปิดขึ้นหนึ่งครั้ง

โดยจะมีระยะเวลาประมาณหนึ่งปีก่อนที่ประตูมิติจะปิดลง ดังนั้นสำนักโบราณต่างๆจึงมีการวางกำลังส่วนตัวเอาไว้ที่มณฑลเหอเป่ย เพื่ออำนวยความสะดวกและติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ตอนนี้สามารถพบเห็น ผู้ฝึกตนมากมายเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้อย่างเนืองแน่น

บนเนินเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งห่างจากจุดที่ประตูมิติจะเปิดประมาณสิบกิโลเมตร ได้ถูกจัดตั้งเป็นเขตหวงห้ามทางการทหาร มีการสร้างฐานบัญชาการขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อจัดการเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆสำหรับใช้ในสงคราม

และด้วยความที่สถานที่แห่งนี้ มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงมากมาย รวมถึงบุคลากรชั้นยอดจากสถาบันวิจัยลับของรัฐบาล

ทำให้มันถูกป้องกันอย่างแน่นหนา ด้วยทหารแกร่งสองหมื่นนาย รถถังและเฮลิคอปเตอร์จู่โจมอีกสิบลำ แม้แต่ยุงสักตัวยังหลุดรอดเข้ามาไม่ได้เลย

ณ ห้องประชุมขนาดใหญ่ของหน่วยงานเซียนเทียน ภายในฐานบัญชาการ

บนโต๊ะประชุมพวกแกนนำระดับสูงของหน่วยเซียนเทียน และคนใกล้ชิดของจ้าวเทียนที่เข้าร่วมแผนการในวันนี้ ได้มารวมตัวอยู่กันเกือบครบ

ขาดเพียงศิษย์พี่หญิงเท่านั้น เนื่องจากต้องมียอดฝีมือระดับสูงสุดหนึ่งคนประจำการอยู่ที่คฤหาสน์ดาราสวรรค์ เพื่อปกป้องสถานที่สำคัญที่สุดและบ้านของพวกเขาเอาไว้

โดยปกติหน้าที่นี้จะเป็นของเหยียนซืออู่ แต่เพราะภารกิจคราวนี้ต้องเข้าไปในโลกหมิงหลง จึงเป็นเหตุผลที่เหยียนซืออู่ต้องการจะเข้าไปพบหน้าบุตรสาว และทุกคนในสำนักคุนหลุนที่เขาจากมาถึงแปดปี

หากไม่เข้าไปติดตั้งเข้าไปติดตั้งอุปกรณ์กำเนิดพลังงาน และเครื่องปล่อยสัญญาณสื่อสารก่อน อาวุธสงครามและเทคโนโลยีหลายอย่างของพวกเขา จะใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

เพราะถ้าไม่มีระบบสื่อสาร ทั้งรถถังและเฮลิคอปเตอร์จะไม่อาจเคลื่อนไหวตามกลยุทธ์ของกองบัญชาการได้อย่างแน่นอน

หลังจากพูดอธิบายกันจนจบแล้ว หวังซินหยางก็เปิดโอกาสให้คนอื่นๆสามารถซักถามข้อสงสัยได้เต็มที่ เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาตอนออกไปปฏิบัติภารกิจ

“ แล้วกองกำลังจากสำนักจตุเทวะที่ลงมาจากแดนสวรรคล่ะ พวกเราจะจัดการเรื่องนี้ยังไง ” โม่ซินหยานถามขึ้นด้วยความกังวล ยอดฝีมือระดับปราณทิพย์ขั้นสูงสุดหนึ่งร้อยคนนั้นน่าหวาดกลัวมาก

“ เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง ด้วยความช่วยเหลือจากพี่ลี่เหยาเหยา ทำให้รู้สถานที่กบดานของพวกเขาตั้งแต่สองวันก่อน ฉันเลยพาคนไปเจรจากับพวกเขาด้วยตัวเอง ซึ่งดูแล้วทางฝ่ายนั้นก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับพวกเราเช่นกัน ”

“ เป้าหมายของพวกเขาคือ ตำหนักเทวะและสมาพันธ์บู๊ลิ้มเท่านั้น และเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกันโดยไม่จำเป็น พวกเราจึงตกลงเป็นพันธมิตรกันชั่วคราว จนกว่าจะจัดการสมาพันธ์บู๊ลิ้มได้ ” หวังซินหยางพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

อันที่จริงเขาเองก็ดูออก ว่าฝ่ายตรงข้ามมีแผนการร้ายบางอย่างอยู่ และพร้อมจะทรยศหักหลังกันเมื่อมีโอกาส คำสัญญาปากเปล่าแบบนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากอยู่แล้ว

ประโยชน์เพียงอย่างเดียวของการเจรจาครั้งนั้นก็คือ ในช่วงต้นของสงครามทั้งสองฝ่ายจะยังสงวนท่าทีไว้ไม่แว้งกัดกันเอง เพราะไม่ต้องการให้สมาพันธ์บู๊ลิ้มได้รับประโยชน์

จนกระทั่ง

เมื่อเวลาผ่านไปสามสิบนาที การประชุมก็ถือเป็นอันยุติ ทุกคนต่างแยกกันออกไปเตรียมตัวตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย

ด้านนอกกองบัญชาการ ลี่เหยาเหยายืนมองไปยังตำแหน่งที่ประตูมิติจะเปิดออก ด้วยแววตาคาดหวังและรอคอย เพราะในที่สุดเธอก็จะได้พบกับชายคนรักอีกครั้ง

‘ จ้าวเทียน…ในที่สุดพวกเราก็จะได้เจอกันซักที ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่คิดถึงนาย ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน