จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 346

ณ ตำหนักเทวะผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลกหมิงหลง

ตำหนักสีขาวขนาดใหญ่ที่มีความสูงประมาณห้าสิบเมตร ตั้งอยู่บนยอดเขาที่เป็นจุดศูนย์กลางของโลกใบนี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งยุทธภพ ที่ผู้ฝึกตนทุกคนต่างให้ความเคารพบูชา

สถานที่แห่งนี้จะมีการแบ่งชนชั้นกันอย่างชัดเจน ผู้ที่มีสายเลือดเข้มข้นที่สุดอันได้แต่ตระกูลหลัก จะได้พักอาศัยบนชั้นที่สูงที่สุด ได้แก่ชั้นที่เจ็ดถึงเก้า ส่วนตระกูลรองและเหล่าผู้รับใช้จะได้อาศัยอยู่ในชั้นที่หกลงมา

แต่แท้จริงแล้ว ชั้นที่เก้าซึ่งเป็นของเจ้าตำหนักรุ่นปัจจุบัน ยังไม่ใช่ชั้นที่สูงที่สุด เพราะยังมีชั้นที่สิบซึ่งเป็นพระราชวังลอยฟ้า เขตหวงห้ามที่พำนักกายของบรรพชนรุ่นแรกแห่งตระกูลหยวนอยู่เหนือขึ้นไปอีก

ซึ่งหลังจากที่ร่างกายของหยวนอวี้ถงได้ถูกเคลื่อนย้ายหายไป มันก็ได้มาปรากฏในห้องหินสีขาวที่เต็มไปด้วยโรงศพมากมาย สถานที่สำหรับให้เจ้าตำหนักรุ่นก่อนปิดผนึกขั้นพลังของตนเองและหลับใหลจำศีล

“ หืม…อวี้ถงถูกสังหารแล้วงั้นรึ ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ดูมีอายุประมาณยี่สิบปลายๆ พูดขึ้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ เขาสวมชุดสีน้ำเงินเข้มหรูหรา แตกต่างจากชุดเครื่องแบบของเจ้าตำหนักเทวะที่เป็นสีขาวบริสุทธิ์

ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ด้านข้างโรงศพสีทองซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด โดยร่างนอนสงบอยู่ภายในโรงศพนี้ ก็คือบรรพชนตระกูลหยวนเทพโลกาผู้สร้างโลกหมิงหลงแห่งนี้

ครืนนนน!

ซากศพของหยวนอวี้ถงได้ถูกดึงดูดให้ลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มคนนี้อย่างช้าๆ เขาใช้สายตาอันเฉียบคมตรวจสอบร่างไร้วิญญาณตรงหน้าอย่างละเอียด

“ หึ…เพียงแค่ดวงวิญญาณถูกทำลาย แต่ไม่กระทบกับขั้นพลังฝึกตน แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ไม่ต้องลงมือเอง ”

ชายหนุ่มคนนี้ก็คือหยวนเทียนหลง เจ้าตำหนักเทวะรุ่นแรก บุตรชายเพียงคนเดียวของบรรพชนตระกูลหยวน ผู้ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในตำหนักเทวะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

วิ้งง!

กระบี่มังกรสวรรค์เมฆา ได้บินออกมาจากมือของหยวนอวี้ถงด้วยตัวของมันเอง แล้วสลายตัวเป็นละอองแสง เข้าไปในร่างหยวนเทียนหลงซึ่งเป็นเจ้าของที่แท้จริง

“ เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์หลอมกลั่นโลหิต! ”

วูป! ครืนนนน!

ร่างของหยวนอวี้ถงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และเริ่มถูกคลื่นพลังอันมหาศาลบดขยี้จากภายใน ทั้งกระดูกและเลือดเนื้อทั้งหมดของเขาถูกย่อยสลายและบีบอัดให้มีขนาดเล็กลงอย่างรวดเร็ว

จนผ่านไปไม่นาน ก็กลายเป็นหยดเลือดสีทองสามหยดลอยอยู่กลางอากาศ

ถือเป็นโชคดี ที่หยวนอวี้ถงได้ถูกสังหารไปแล้ว จึงไม่ต้องรับรู้ถึงความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสของขั้นตอนนี้

“ สมกับเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในรอบหมื่นปีของตระกูล ช่างเป็นพลังชีวิตที่บริสุทธิ์และแข็งแกร่งจริงๆ ”

“ ไม่เสียที ที่ฉันทุ่มเททรัพยากรฝึกตน พร้อมทั้งสอนเคล็ดวิชาระดับสูงให้มากมาย ” หยวนเทียนหลงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

หลังจากนั้น

วูป!

หยดเลือดสีทองทั้งสามหยดก็ถูกเขาดูดกลืนเข้าไปในร่างกาย พริบตาเดียวขั้นพลังฝีกตนของเขาก็เพิ่มสูงขึ้น จนทะลวงขีดจำกัดที่ติดขัดมานานนับหมื่นปี

ขอบเขตแม่ทัพเทพขั้นสูง!

ขอบเขตขุนพลเทพขั้นต่ำ!

ขอบเขตขุนพลเทพขั้นกลาง!

ขั้นพลังของหยวนเทียนหลงทะลวงถึงสามขอบเขตในคราวเดียว ซึ่งมันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมาก เพราะก่อนหน้านี้เขาได้ติดอยู่ที่ขอบเขตแม่ทัพเทพขั้นกลางมานานแล้ว ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถบรรลุขั้นต่อไปได้สักที

จนต้องเลือกผนึกตนเองเอาไว้ถึงเก้าพันเก้าร้อยปี

เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะหยวนเทียนหลงนั้นไม่ใช่คนที่โดดเด่น ตัวเขามีพรสวรรค์ที่ธรรมดาสามัญมากบนแดนสวรรค์

ซึ่งนั่นก็ไม่แปลก เพราะพ่อของเขาก็เป็นเพียงผู้อาวุโสฝ่ายนอกธรรมดาของนิกายจูเซียน แล้วจะให้กำเนิดบุตรชายที่เป็นยอดอัจฉริยะได้อย่างไร

ถึงแม้ว่า หยวนเทียนหลงจะมีพรสวรรค์ที่ธรรมดา แต่สวรรค์ก็ได้ประทานสมองอันชาญฉลาดมาให้เขาเป็นการทดแทน ทำให้เขาสามารถคิดค้นเคล็ดวิชาชั่วร้ายบทหนึ่งขึ้นมาได้

นั่นก็คือเคล็ดวิชาหลอมกลั่นโลหิต ซึ่งสามารถดูดกลืนทั้งพลังฝึกตนและความแข็งแกร่งของบุตรหลานผู้สืบสายเลือดตนเองได้

นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เขาทิ้งคำสั่งเสียให้กับเจ้าตำนักเทวะแต่ละรุ่น ที่มีความสามารถโดดเด่นผนึกตัวเองไว้ในโลงศพ และให้คลายผนึกออกมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่หยวนเทียนหลง ต้องการจะใช้พวกเขาเป็นสารอาหารเพื่อให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น ชีวิตของพวกเขามีไว้เพื่อจุดประสงค์นี้เท่านั้น

ส่วนแผนการทั้งหมดของตำหนักเทวะในช่วงนี้ ตัวของหยวนเทียนหลงไม่ได้คาดการณ์เอาไว้แม้แต่น้อย นี่เป็นสิ่งที่ลูกหลานของเขาคิดกันขึ้นมาเอง

“ ตอนแรก ฉันก็จะรอให้พวกเขาทำตามแผนการให้สำเร็จ เพื่อให้โลกใบนี้ยกระดับขึ้น แล้วค่อยดูดกลืนชีวิตของพวกเขาภายหลัง ”

“ ฉันหยวนเทียนหลง…คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ”

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง

ทางด้านพวกคังหลินที่กำลังเก็บกวาดสนามรบ และจัดการกับพวกเชลยที่เขาจับตัวเอาไว้ได้ ส่วนจ้าวเทียนตอนนี้ ก็กำลังนอนหลับอย่างเป็นสุขอยู่บนตักของลี่เหยาเหยา และกลุ่มสาวงามมากมายที่รายล้อม

“ อาจิ้ง! นี่สายตาของนายกำลังมองเพ้อไปทางไหนกัน ” เจนนี่พูดขึ้นอย่างเหลืออด เธอกระทืบเท้าใส่อีกฝ่ายอย่างรุนแรง ถึงแม้จะรู้ว่าคงทำอะไรเขาไม่ได้ก็เถอะ

“ เอ่อ…ป่าวนะ ฉันก็แค่มองบอสด้วยความเป็นห่วงเท่านั้นเอง อยู่ดีๆเขาก็สลบไปเฉยๆนี่นา ” เฉินจิ้งรีบพูดเอาตัวรอดทันที

“ เหอะ…ไม่ใช่ว่านายกำลังอิจฉาอยู่งั้นเหรอ บอกไว้ก่อนนะ ในเมื่อมีฉันแล้ว นายห้ามไปมองผู้หญิงคนอื่นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันเฆี่ยนนายด้วยแส้เหมือนอสูรรับใช้เลย ” เจนนี่พูดข่มขู่ออกมาอย่างเย็นชา

“ แส้…งั้นเหรอ ” เฉินจิ้งหน้าซีดในทันที แค่เขาลองนึกภาพตามก็ต้องสยิวกายด้วยความหนาวเหน็บ ช่วงนี้มักมีข่าวลือแปลกๆว่าเขาเป็นพวกชอบความเจ็บปวดอยู่ด้วย

ถ้าต้องถูกเจนนี่ทำแบบนั้นจริงๆ แล้วทุกคนได้รู้เข้า หลังจากต่อไปคงใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากแน่นอน

“ ฉัน…ฉันไม่มีทางนอกใจเธออยู่แล้ว เธอต้องเชื่อฉันนะ ” เฉินจิ้งปั้นหน้ายิ้ม แล้วพูดออกมาอย่างจริงจัง

“ หึหึ…ถ้านายคิดแบบนั้นก็ดีแล้ว ” เจนนี่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ

ทันใดนั้นเอง

ความกดดันมหาศาลก็ถาโถมลงมาจากบนท้องฟ้า ทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีในทันที เพราะพลังนี้มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกศัตรูก่อนหน้านี้มากนัก

ซึ่งผู้ที่ตอบสนองได้เร็วที่สุด ไม่ใช่เทพกระบี่หรือต้วนมู่เฉียนที่มีพลังสูงที่สุด แต่กลับเป็นคังหลินกับโซเฟียที่รีบปกป้องคนอื่นๆเอาไว้อย่างรวดเร็ว

“ ค่ายกลเทวะกระดองเต่าแปดทิศ! ”

“ เขตแดนป้องกันแสงศักดิ์สิทธิ์! ”

ค่ายกลอาณาเขตหนึ่งพันเมตรเมตรรูปทรงแปดเหลี่ยมได้ปกคลุมทุกคนเอาไว้ พร้อมทั้งมีม่านพลังสีขาวแห่งแสงสว่างต้านทานไว้ด้านนอกอีกชั้น

“ หึหึ…มีค่ายกลเทวะของแดนสวรรค์ กับเขตแดนศักดิ์สิทธิ์จากเผ่าพันธุ์แห่งแสงสว่างด้วยงั้นรึ พวกแกนี่มันน่าสนใจจริงๆ ”

หยวนเทียนหลงยืนอยู่บนท้องฟ้า ก้มหน้ามองทุกคนที่อยู่ด้านล่างด้วยสายตาเย็นชาและเหยียดหยาม แต่อีกใจหนึ่งก็อดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมากเล็กน้อย

เพราะนี่จะเป็นการต่อสู้ครั้งแรกในรอบหมื่นปีของเขา…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน