คำพูดของฝ่ายตรงข้ามทำให้คังหลินและโซเฟียหน้าเปลี่ยนสีในทันที แค่มองดูเพียงอย่างเดียว ก็สามารถบ่งบอกที่มาของพวกเขาได้ชัดเจน สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายแตกต่างจากศัตรูก่อนหน้านี้
“ คุณเป็นใคร ” คังหลินถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาลอบส่งสัญญาณบางอย่างให้พวกเฉินจิ้งเตรียมตัวใช้ชุดรบล่องหนเมื่อเกิดการต่อสู้ขึ้น
“ ฉัน งั้นเหรอ ” หยวนเทียนหลงยิ้มเล็กน้อย แล้วจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“ ชื่อของฉันคือ…หยวนเทียนหลง ผู้ก่อตั้งตำหนักเทวะและเป็นเจ้าของที่แท้จริงของโลกใบนี้ยังไงล่ะ ”
!!
“ ผู้ก่อตั้ง… ” คังหลินหันไปสบตากับโซเฟียด้วยความหนักใจ พวกเขาเข้าใจความหมายของฝ่ายตรงข้ามดี
เพราะตำหนักเทวะถูกก่อตั้งมาตั้งแต่หนึ่งหมื่นปีก่อน โดยทายาทของเทพโลกาซึ่งเป็นเจ้าของโลกใบนี้ นั่นก็หมายความว่า ศัตรูในคราวนี้ถึงกับเป็นคนที่เคยอยู่ในยุคสมัยรุ่งเรืองของนิกายจูเซียนอย่างแท้จริง
“ คุณมองเห็นขอบเขตฝึกตนของเขาไหม ” คังหลินถามเสียงเบา
“ ไม่ได้…พลังมันแตกต่างกันเกินไป แต่คงยังไม่ถึงขอบเขตเทพโลกกาแน่นอน ” โซเฟียตอบอย่างมั่นใจ ถ้าอีกฝ่ายเป็นเทพโลกาจริงๆคงขึ้นไปยังโลกที่อยู่สูงกว่าแล้ว ไม่น่าจะมาเสียเวลายุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้
“ นี่พวกแกปรึกษากันพอหรือยัง ฉันจะให้ทางเลือกแค่เพียงสองทาง หนึ่งส่งตัวลูกหลานทั้งสี่คนของฉัน พร้อมกับชายที่ชื่อว่าจ้าวเทียนมาซะ จากนั้นก็สาบานด้วยจิตวิญญาณว่าจะจงรักภักดีต่อฉัน ”
“ ส่วนอีกทางหนึ่งก็คือ…พวกแกทั้งหมดตายอยู่ที่นี่ ” หยวนเทียนหลงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา
มีโอกาสน้อยมากที่จะค้นพบผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกล และเผ่าพันธุ์แห่งแสงสว่างในโลกระดับต่ำแบบนี้ ทำให้เขาเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา
“ ห๊ะ…จะให้ฉันเป็นลูกน้องของแกงั้นเหรอ ” คังหลินรู้สึกหัวเราะก็ไม่ได้ ร้องไห้ก็ไม่ออก เจ้าเด็กน้อยนี่ ต้องการให้เทพโลกาหกชั้นฟ้าอย่างเขาเป็นลูกน้องเนี่ยนะ
‘ ถ้าแกได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของฉัน อยากรู้นักว่ายังจะปากดีแบบนี้ได้อีกหรือเปล่า ’
“ ใช่แล้ว…จงภูมิใจเสียเถอะ ที่ผู้ฝึกตนระดับต่ำแบบเจ้าจะได้เข้าร่วมกับตำหนักเทวะ แม้แต่ห้ายอดฝีมือแห่งยุคยังไม่มีโอกาสนี้เลย ” หยวนเทียนหลงพูดความจริง มีคนมากมายต้องการเข้าร่วมเป็นผู้ติดตามของเขา แต่ก็ถูกปฏิเสธจนหมด
เพราะ…ตำหนักเทวะจะรับเฉพาะคนในตระกูลหยวนเท่านั้น
ตอนนี้ทุกคนได้เตรียมตัวที่จะต่อสู้แล้ว รอเพียงสัญญาณจากคังหลินเท่านั้น เพราะพวกเขาไม่มีทางส่งตัวจ้าวเทียนออกไปแน่นอน
โดยเฉพาะลี่เหยาเหยา เธอถึงกับถอดชุดรบล่องหนมาสวมให้กับจ้าวเทียนแทน และกำชับให้เฉินจิ้งเป็นคนพาหนี เพราะเขาบินได้เร็วที่สุด
ทันใดนั้นเอง
“ ถ้าอยากให้เราเป็นผู้ติดตามก็ไม่มีปัญหา แต่คุณก็ต้องพิสูจน์ให้เราเห็นก่อนว่าคุณแข็งแกร่งขนาดไหน ” โซเฟียพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้คนอื่นๆหันมามองกันด้วยความตกใจ
“ ท่านอาจารย์…เรื่องนี้ ” ออโรร่าพยายามจะพูดบางอย่าง แต่ก็ถูกโซเฟียห้ามเอาไว้
‘ โซเฟีย จะต้องมีแผนการบางอย่างแน่นอน ด้วยนิสัยของเธอไม่ใช่เป็นคนที่ยอมใครง่ายๆแบบนี้ ’
ต้วนมู่เฉียนคิดกับตัวเองเงียบๆ พร้อมกับปรายตาบอกคนอื่น ให้รอดูสถานการณ์ไปก่อน อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม
“ เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจดีนี่…ให้ฉันแสดงความแข็งแกร่งออกมาก่อนงั้นเหรอ ” หยวนเทียนหลงจ้องมองโซเฟียและออโรร่าด้วยแววตาเป็นประกาย ผมสีทองตาสีฟ้าแบบนี้เขาไม่พบเห็นมาเป็นหมื่นปีแล้ว
สมัยก่อนตอนที่เขายังอยู่บนแดนสวรรค์ เขาเคยได้ยินพวกศิษย์พี่ในนิกายจูเซียนบอกว่า รสชาติของสาวงามเผ่าแห่งแสงสว่างนั้นจัดเป็นอันดับต้นๆในเก้าท้องฟ้าสิบแผ่นดิน
หากได้หลับนอนกับพวกเธอด้วยความเต็มใจ นอกจะช่วยชะล้างจิตวิญญาณให้ฝึกฝนวิชาได้อย่างรวดเร็วแล้ว ออร่าศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเธอปลดปล่อยออกมา ยังช่วยเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้ร่างกายอีกด้วย
หากไม่ใช่เพราะโลกทิพย์แห่งแสงนั้น มีขุมกำลังชั้นยอดแห่งแดนสวรรค์คอยปกป้องอยู่ ผู้หญิงในเผ่าพันธุ์นี้ คงถูกกวาดต้อนมาเป็นทาสบำเรอกามนานแล้ว
วูป!
กระบี่มังกรสวรรค์เมฆาปรากฏขึ้นในมือของหยวนเทียนหลง จากนั้นเขาก็ฟันเข้าใส่ค่ายกลและม่านพลังที่ขวางกั้นอยู่ในพริบตา
“ ฉันเห็นถึงพลังของคุณแล้ว…แต่ทางด้านความแข็งแกร่งของร่างกายล่ะ คุณกล้ายืนรับการโจมตีของฉันกับลูกศิษย์ แบบไม่ตอบโต้ไหม ” โซเฟียเจตนาพูดท้าทายฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจน
“ พวกเธอสองคน งั้นรึ ” หยวนเทียนหลงอดแสดงแววตาดูถูกออกมาไม่ได้
เผ่าแห่งแสงสว่างโดดเด่นในด้านการป้องกันและสนับสนุนการต่อสู้ ส่วนในด้านการโจมตีนั้น ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญของพวกเธอเลยทีเดียว
หากโซเฟียเสนอให้เขารับการโจมตีของต้วนมู่เฉียนและเทพกระบี่ เขาคงปฏิเสธแน่นอน ในทางกลับกันข้อเสนอของโซเฟียในตอนนี้ ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกดดันแม้แต่น้อย
“ ตกลง…แต่ถ้าทำได้ พวกเธอทั้งสองคนจะต้องยอมมาเป็นผู้หญิงของฉันด้วยความเต็มใจนะ ” หยวนเทียนหลงเปิดเผยความต้องการออกมาในที่สุด
ถ้าเทียบกันแล้ว เขาอยากให้พวกเธอยินยอมพร้อมใจเอง มากกว่าที่ใช้กำลังบังคับ เพราะนั่นจะทำให้ตัวเขาได้รับผลประโยชน์จากพวกเธอมากที่สุด
วูป!
โซเฟียได้หยิบปืนลำแสงรุ่นใหม่ออกมาจากแหวนมิติ จากนั้นเธอก็ยิงมันใส่หินก้อนใหญ่ข้างๆ
ตูมมม!
ที่ก้อนหินมีรอยถูกเผาไหม้ จนเกิดเป็นหลุมลึกขนาดประมาณหนึ่งกำมือ ซึ่งถ้าเทียบกับเคล็ดวิชาของผู้ฝึกตน ที่สามารถทำลายภูเขาได้ทั้งลูกนั้น มันแทบจะเทียบกันไม่ได้เลย
แต่ต้องไม่ลืมว่า ปืนสำแสงนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจัดการกับผู้ฝึกตนไม่ใช่ก้อนหิน ดังนั้นมันจะให้ผลลัพธ์แบบนี้ก็ไม่แปลก
“ หืม…อย่าบอกนะว่า เธอคิดจะใช้เศษเหล็กอันนี้มาโจมตีใส่ฉัน ” หยวนเทียนหลงพูดออกมาด้วยสีหน้าแปลกใจ เขาใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบอาวุธของโซเฟียดูแล้ว ซึ่งก็พบว่า มันเป็นเพียงอาวุธธรรมดาเท่านั้น
“ ใช่แล้ว…ของสิ่งนี้คืออาวุธของฉัน เพียงแต่ฉันกับลูกศิษย์จะใช้มันคนละสิบกระบอกโจมตีเข้าใส่คุณพร้อมกัน ขอเตือนไว้ก่อนว่าอานุภาพของมันรุนแรงมาก ถ้าคุณคิดจะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังไม่สาย ” พูดจบโซเฟียก็แกล้งทำสีหน้าเหมือนกำลังลำบากใจ
“ ไม่จำเป็น…อาวุธแบบนี้ต่อให้มีเป็นร้อยก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ฉันพร้อมแล้ว เชิญโจมตีเข้ามาได้ตามสบาย ” หยวนเทียนหลงพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ เขายืนเหยียบอากาศพร้อมกับเอามือไพล่หลังไว้ในท่วงท่าที่ดูสง่างาม
ภายในชุดคลุมของหยวนเทียนหลง สวมเกราะอ่อนไหมฟ้า ที่เป็นเครื่องป้องกันระดับศักดิ์สิทธิ์เอาไว้อยู่ แม้แต่อาวุธระดับเทพก็ยังไม่ระคายผิวหนัง อย่าว่าแต่เศษเหล็กพวกนี้เลย
“ ร้อยกระบอกก็ได้เหรอ…งั้นฉันไม่เกรงใจละนะ ” โซเฟียพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับหันไปมองคนอื่นๆ ที่กำลังมองมาด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ อย่ามัวแต่นิ่งเฉยกันสิ…มีปืนนี่เท่าไหร่ ก็เอาออกมาให้หมด ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...