ประโยคนั้นของจ้าวเทียนทำให้เหรินฟางเซียนนิ่งไปครู่หนึ่ง แววตาของเธอเหม่อลอยเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ถึงแม้เธอจะพยายามกระตุ้นเคล็ดวิชาเพื่อสงบใจตัวเองสักเท่าไหร่แต่มันกลับไม่ได้ผลแม้แต่น้อย
“ ข้า…ไม่ใช่กงเสี่ยวเหมย ” เหรินฟางเซียนพยายามเค้นคำพูดออกมาทีละคำ อย่างยากลำบาก
“ ทำไมถึงไม่ใช่ล่ะ…นอกจากความทรงจำที่ถูกเพิ่มเข้ามาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างของเธอล้วนแต่เป็นของกงเสี่ยวเหมย ทั้งดวงวิญญาณ กายเนื้อ หรือแม้กระทั่งนิสัยใจคอ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แวบ!
ใบหน้าขนาดยักษ์ของจ้าวเทียนได้ระเบิดออกเป็นละอองแสงสีทอง จากนั้นก็มารวมตัวกันเป็นร่างกายของเขาขนาดเท่าคนปกติ
“ เธอ อยากให้ฉันช่วยฟื้นความทรงจำให้ไหม ”
!!
เมื่อได้ยินแบบนี้แววตาของเหรินฟางเซียนก็เปลี่ยนไปทันที มันเต็มไปด้วยความเย็นชา แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด
“ สุดท้าย…เจ้าก็แค่อยากได้กงเสี่ยวเหมยกลับมาเท่านั้นสินะ โดยการลบตัวตนและความทรงจำของข้าออกไปจากนาง ”
“ เจ้ารู้หรือไม่ เหตุใดข้าถึงได้ฟื้นคืนกลับมาอยู่ในร่างนี้ นั่นก็เพราะกงเสี่ยวเหมยได้เลือกแล้ว นางได้ยอมแพ้ต่อความอ่อนแอของตัวเองและต้องการได้รับความแข็งแกร่งเพื่อที่จะปกป้องคนที่ตนรัก ”
“ หากตัวข้าในตอนนี้หายไป ความปรารถนาของกงเสี่ยวเหมยก็จะสลายไปด้วย นางจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์เหมือนเดิม เจ้าคิดว่าสิ่งนี้มันดีแล้วอย่างงั้นรึ ” เหรินฟางเซียนพูดขึ้นด้วยท่าทีไม่ยอมแพ้
เธอรู้ตัวดีว่าไม่อาจหลบหนีไปจากจิตวิญญาณของจ้าวเทียนได้ แต่เธอก็ไม่ต้องการถูกลบหายไปเช่นกัน ความเป็นจริงข้อนี้คงยากนักที่จะยอมรับได้
ทางฝ่ายจ้าวเทียนที่ฟังอีกฝ่ายพูดจนจบก็ยิ้มแห้งๆออกมา ดูเหมือนเขาจะรีบพูดเข้าประเด็นเกินไป จนทำให้เหรินฟางเซียนเข้าใจผิดไปเสียแล้ว
“ ฉันไม่เคยบอกเลยนะ ว่าจะลบตัวตนของเธอออกไป ”
“ งั้น…สิ่งที่เจ้าต้องการคืออะไร ” เหรินฟางเซียนถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เธอตัดสินใจแล้วว่าหากจ้าวเทียนคิดจะลบตัวตนของเธอจริงๆ เธอจะต่อต้านจนถึงที่สุด
“ สิ่งที่ฉันต้องการนั้นง่ายมาก ในเมื่อกงเสี่ยวเหมยตัดสินใจเปิดรับความทรงจำของเธอเข้ามาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ”
“ แล้วทำไมเธอถึงไม่ทำแบบเดียวกันล่ะ…นั่นก็คือการยอมรับตัวตนและความทรงจำของกงเสี่ยวเช่นเดียวกัน เมื่อทำแบบนี้แล้วพวกเธอก็จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ”
“ ครอบครัวและมิตรสหายของกงเสี่ยวเหมย ก็จะเป็นครอบครัวและมิตรสหายของเธอ ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกอีกต่อไป ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ เรื่องนี้…เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางที่ความทรงจำตลอดสองพันปีของเทพโลกาอย่างข้า จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความทรงจำของหญิงสาวธรรมดาได้หรอก ” เหรินฟางเซียนยืนกรานเสียงแข็ง
“ งั้นเหรอ…ใครเป็นคนบอกล่ะ ”
!!
เหรินฟางเซียนเงียบไปทันที เพราะเรื่องนี้มหาเทพจูเซียนเป็นคนบอกเธอเอง ถึงแม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่เธอก็เลือกที่จะเชื่อใจบิดาของตัวเอง
“ จริงอยู่ที่หากเป็นคนอื่นคงไม่สามารถทำได้ เพราะการฝืนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความทรงจำของอดีตชาติ และดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตนั้นถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เนื่องจากมันจะทำให้จิตวิญญาณเสียหายได้ ”
“ แต่สำหรับตัวตนระดับจักรพรรดิเทพ ผู้ที่บรรลุมหามรรคาแล้ว กลับไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอีกต่อไป ในเมื่อตัวฉันสามารถทำได้ ”
“ แน่นอนว่า…มหาเทพจูเซียนก็ทำได้เช่นกัน ”
เมื่อพูดจบ
บูมมมมมม!
จ้าวเทียนก็ระเบิดพลังอันมหาศาลออกมา ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นในพริบตาเปลี่ยนเป็นร่างทิพย์สิบตะวัน
ปลดปล่อย มหามรรคาจักรพรรดิปกคลุมทั่วโลกา กลับคืนสู่รูปลักษณ์ของมหาเทพตี้เทียนผู้ยิ่งใหญ่
“ ท่าน…ท่านคือจักรพรรดิเทพ ” เหรินฟางเซียนใบหน้าแข็งค้างด้วยความตกใจ ตัวตนนี้ของจ้าวเทียนเธอไม่เคยรู้มาก่อน แม้แต่ความทรงจำที่มหาเทพจูเซียนมอบให้ก็ไม่มีเรื่องนี้เช่นกัน
“ ฉันรู้ดีว่าเหตุผลที่มหาเทพจูเซียนทำไปทั้งหมดก็เพื่อปกป้องเธอ แต่ตัวเธอล่ะต้องการแบบนั้นจริงๆหรือเปล่า ”
“ เธอ…ต้องการจะลืมความทรงจำทั้งหมดในชาตินี้ไปจริงๆเหรอ ”
วิ้งงง!
คำพูดประโยคนี้ของจ้าวเทียน ได้สะท้านเข้าไปถึงจิตวิญญาณของเหรินฟางเซียน จนแม้ร่างจริงที่อยู่ในโลกภายนอกของเธอยังได้รับผลกระทบไปด้วย
เงาร่างของมหาเทพจูเซียนได้ปรากฏกายขึ้นในโลกแห่งจิตวิญญาณ และพริบตาเดียวก็ขยายขนาดขึ้นเป็นร่างทิพย์สิบตะวัน ยืนเผชิญหน้ากับจ้าวเทียนด้วยใบหน้าดุดัน
“ นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ” มหาเทพจูเซียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ และ…ไม่ใช่เรื่องของคุณเช่นกัน ” จ้าวเทียนตอบกลับไปสั้นๆ ไร้ซึ่งความหวาดกลัว
“ นางเป็นบุตรสาวของข้า ” มหาเทพจูเซียนพูดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับมองไปทางเหรินฟางเซียน ทำให้เธอตัวสั่นสะท้านเล็กน้อยแต่ก็ไม่ยอมหลบสายตา เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่แสดงออกทางสีหน้า
เพราะในอดีตตัวเขาเลี้ยงดูบุตรหลานด้วยความเข้มงวดมาตลอด โดยเฉพาะบุตรสาวของเขา หายากมากที่เธอจะแสดงท่าทีต่อต้านแบบนี้
“เหรินฟางเซียนเป็นบุตรสาวคุณจริงๆ แต่กงเสี่ยวเหมยไม่ใช่ คุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสิน เลือกให้ใครต้องหายไป ” จ้าวเทียนเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เช่นกัน
“ เจ้าจะมาเข้าใจอะไร ที่ข้าทำไปทุกอย่างก็เพื่อปกป้องนาง ยิ่งนางใกล้ชิดกับพวกเจ้ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องถูกดึงเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้อย่างไม่จบไม่สิ้น ”
“ ในฐานะบิดา เจ้าจะให้ข้าต้องทนเห็นบุตรสาวของตนเอง ต้องเข้าไปเสี่ยงชีวิตด้วยเรื่องพวกนั้นได้อย่างไร ” มหาเทพจูเซียนพูดขึ้นด้วยความโกรธ ออร่าจักรพรรดิของเขาระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
“ เหอะ…ปกป้องงั้นเหรอ เธอไม่ใช่เด็กเล็กๆที่จะต้องอยู่ภายใต้เงาของคุณอีกแล้ว เธอโตมากพอที่จะตัดสินใจเลือกเส้นทางของตนเองได้ ”
“ หยุดเอาความคิดของคุณมาตีกรอบลูกตัวเองเสียที คิดเหรอว่าถ้าคุณลบความทรงจำของเธอแล้ว จะไม่มีอันตรายเกิดขึ้น ต่อให้คุณส่งเธอหลบหนีไปไกลจากสงครามแค่ไหน แต่เมื่อถึงเวลาที่ตัวคุณมีอันตราย คิดหรือว่าเธอจะไม่กลับมาช่วยเหลือคุณ ”
“ อย่าลืมว่า เต๋าสวรรค์เองก็เป็นศัตรูของคุณเช่นกัน ทั้ฉันและคุณก็ไม่อาจหนีจากชะตากรรมที่ต้องเข้าร่วมสงครามครั้งสุดท้ายไปได้ ”
“ แทนที่จะกีดกันเธอออกไปให้ไกล คุณควรที่จะเตรียมความพร้อมและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเธอมากกว่า ”
“ เพราะสุดท้ายแล้ว…ผู้ที่จะปกป้องชีวิตของเธอได้ ก็ไม่ใช่ทั้งคุณและฉัน แต่เป็นตัวของเธอเอง ” จ้าวเทียนพูดออกมาเสียงดัง ด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง
คำพูดนี้ของเขาทำให้เหรินฟางเซียนที่ยืนฟังอยู่กำหมัดแน่น เธอเงยหน้าจ้องมองไปยังมหาเทพจูเซียนอย่างเด็ดเดี่ยว เหมือนเป็นการบ่งบอกว่าตัวเธอเองก็ไม่ต้องการทอดทิ้งมหาเทพจูเซียนเพื่อหลบหนีเช่นเดียวกัน
“ ไม่…เรื่องนี้เท่านั้น ที่ข้าไม่มีทางยอมเด็ดขาด ” มหาเทพจูเซียนยังคงยืนยันเสียงแข็ง เขาต้องการปกป้องครอบครัวคนสุดท้ายเอาไว้ให้ได้ ต่อให้ต้องใช้กำลังบังคับก็ตามที
จ้าวเทียนที่เห็นแบบนั้นก็จ้องมองอีกฝ่ายกลับไปด้วยสายตาเย็นชา พร้อมกับพูดขึ้น
“ รู้ไหม! คุณอาจจะเป็นผู้นำที่ดี แต่เป็นพ่อที่แย่มาก… ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...