เหตุการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เริ่มต้นและจบลงภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ทำให้ไม่มีใครในฝ่ายจ้าวเทียนขัดขวางได้ทัน
“ ฮ่า ฮา ในที่สุดฉันก็เป็นผู้ชนะ ” หยวนเทียนหลงหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ตอนนี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย จนต้องใช้วิธีเผาผลาญพลังชีวิตของตนเองเพื่อยื้อเวลาอย่างสุดความสามารถ
โชคดีที่ความพยายามทั้งหมดไม่สูญเปล่า ต่อให้ต้องทรยศต่อวงศ์ตระกูลเขาก็ไม่สนใจ ขอแค่บรรลุเป้าหมายได้ก็พอแล้ว
“ อย่าลืมข้อตกลงของพวกเราก็แล้วกัน คงรู้ผลของการทรยศคำสาบานด้วยจิตวิญญาณของตัวเองใช่ไหม ” ทูตมังกรทองเน้นย้ำอีกครั้ง
“ แน่นอนฉันไม่ลืม แต่แกก็ต้องรับปากด้วย ว่าจะแก้ปัญหาเรื่องการตายของพวกพ้องแกให้ฉัน ” หยวนเทียนหลงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เมื่อไหร่ที่เขากลายเป็นเทพโลกาแล้ว การเก็บตัวอยู่ในโลกใบนี้ก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
ถ้าต้องการแข็งแกร่งยิ่งขึ้น การเข้าร่วมสำนักจตุเทวะก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
“ ฉันจะรายงานสำนักไปว่า พวกเขาต่อสู้กับศัตรูในโลกมนุษย์จนตัวตาย รับรองแกไม่ได้รับผลกระทบแน่นอน ” ทูตมังกรทองรับปากทันที การปกป้องอีกฝ่ายก็เหมือนปกป้องตัวเอง
ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจหักหลักพวกพ้อง ก็เหมือนขึ้นขี่หลังเสือเรียบร้อย หวังเทียนหลงเองก็คงจะมองออกเช่นกัน จึงยอมรับขอเสนอโดยดี
ตูมมมม!
ฝาโลงศพหินขนาดใหญ่พุ่งกระแทกพื้นหินจนแตกกระจาย จากนั้นร่างของบรรพชนตระกูลหยวนก็ลอยขึ้นมาช้าๆ
ครืนนนน!
พลังแห่งสายโลหิตของยอดฝีมือตระกูลหยวน และพลังชีวิตของพวกทูตเทวะได้ถูกร่างบรรพชนตระกูลหยวนดูดกลืนเข้าไปอย่างรวดเร็ว
และในไม่ช้า เขตอาคมทั้งหมดก็สลายไป ทำให้ทูตมังกรทองสามารถใช้พลังได้เหมือนเดิม เขาจึงบินขึ้นมาบนท้องฟ้า เพื่อหลบหนีจากคลื่นลาวาที่ไหลทะลักเข้ามา
บูมมม!
ร่างของบรรพชนตระกูลหยวนได้ระเบิดพลังอันมหาศาลออกมา ทำให้ขนาดตัวของเขาขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
หนึ่งร้อยเมตร!
หนึ่งพันเมตร!
หนึ่งหมื่นเมตร!
จนกระทั่ง เติบโตขึ้นจนถึงขีดจำกัดของโลกใบนี้ก็หยุดลง ตอนนี้บรรพชนตระกูลหยวนได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่สูงเทียมฟ้า มองสรรพชีวิตไม่ต่างไปจากเศษฝุ่น
อ้ากกกกก!
เสียงคำรามของเขาทำให้ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน ท้องฟ้าแทบจะพังทลาย โลกทั้งใบเหมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากการหลับใหลอันยาวนาน..
ตอนนี้…พระเจ้าที่แท้จริงของโลกหมิงหลงได้ฟื้นคืนกลับมาแล้ว
“ พลังและความแข็งแกร่งของเขา…มันกำลังจะกลายเป็นของฉัน ” หยวนเทียนหลงจ้องมองพ่อของตนเองด้วยความโลภ แต่ทันใดนั้น เขาก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติของพวกจ้าวเทียน
‘ ทำไมพวกมันถึงยืนดูเฉยๆ ไม่ยอมทำอะไรเลย ’
“ นี่คงไม่ใช่ว่า… ” ทูตมังกรทองเริ่มสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์อัปมงคลบางอย่าง เพราะเขาก็รับรู้ถึงความผิดปกตินี้ได้เช่นกัน จึงรีบตะโกนออกไปทันที
“ รีบสั่งให้พ่อแกกำจัดพวกมันเร็ว! ”
!!
แต่ยังไม่ทันที่หยวนเทียนหลงจะได้ทำอะไร คังหลินที่นิ่งเงียบมาตลอดก็พูดใส่เครื่องมือสื่อสารด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ หวังซินหยาง เริ่มปฏิบัติการสตาร์ฟอร์ได้! ”
ทันใดนั้น
แซดดดด!
ลำแสงสีแดงขนาดใหญ่ ถูกยิงอกมาจากเครื่องแยกอนุภาคนิวเคลียร์ฟิวชั่น ที่ฐานบัญชาการหลักหน้าประตูมิติ เข้าใส่บรรพชนตระกูลหยวนอย่างจัง ทำให้ร่างกายอันใหญ่โตของเขาสั่นสะท้านอย่างแรง และไม่สามารถขยับตัวได้ชั่วขณะ
หลังจากนั้น
แซดด!ๆๆๆๆๆๆๆ
ลำแสงสีแดงอีกแปดสาย ที่มีขนาดเล็กกว่าเดิมเล็กน้อย ก็ถูกยิงออกมาจากรอบๆเมืองไพลินพิสุทธิ์ ประสานกันเป็นกงขังขนาดใหญ่ และบีบอัดเข้าใส่บรรพชนตระกูลหยวนจากทุกทิศทาง
วิ้งงงง! ครืนนนน!
ร่างกายของบรรพชนตระกูลหยวน เริ่มหดเล็กลงด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า ลำแสงสีแดงจากเครื่องแยกอนุภาคนิวเคลียร์ฟิวชั่น ได้สลายพลังของเขาไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
“ ท่านพ่อ รีบทำลายมันเร็วเข้า ” หยวนเทียนหลงตะโกนสั่งออกมาอย่างร้อนรน
อ้ากกกกก!
ร่างอันใหญ่โตของบรรพชนตระกูลหยวนคำรามออกมาอย่างดุดัน เขาดูดกลืนพลังฟ้าดินทั่วโลกเข้ามาอย่างตะกละตะกลามฟื้นฟูพลังที่สูญไป แล้วพยามฉีกกระชากกรงลำแสงเพื่อรับอิสรภาพ
แต่ทว่า
“ เขตแดนโลกมายาขั้นสูงสุด! ”
ซูต๋าจีที่รอจังหวะอยู่นานแล้ว ก็ได้ใช้เคล็ดวิชาไม้ตายของตนเองออกไปทันที หางจิ้งจอกขนาดใหญ่ทั้งเก้าของเธอกางออกไปรอบด้าน
ครืนนน
คลื่นพลังงานสีชมพูได้หลอมรวมกับลำแสงสีแดง และเข้าปกคลุมร่างกายอันใหญ่โตของบรรพชนตระกูลหยวนไว้ทั้งหมด ตัดขาดการเชื่อมต่อของเขาออกจากโลกภายนอก ทำให้ไม่อาจรับเอาพลังฟ้าดินเข้ามาได้
วูป!
ร่างอันใหญ่โตของบรรพชนตระกูลหยวนบัดนี้ได้กลับมามีขนาดเท่าเดิม ทั้งยังถูกผนึกเอาไว้ในกรงลำแสงเรียบร้อย ไม่ต่างไปจากสัตว์ป่าดุร้ายที่เผชิญหน้ากับนายพรานมือฉมัง
เขาหลบซ่อนตัวเฝ้าดูการต่อสู้มาตลอด เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กงเสี่ยวเหมยแบบลับๆ แต่ไม่นึกว่าจะถูกจ้าวเทียนพบเจอเข้าจนได้
“ คุณจะไม่ไปบอกลากงเสี่ยวเหมย หน่อยเหรอ ” จ้าวเทียนรู้ดี ว่านี่คงเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของพวกเขา เพราะหลังจากนี้มหาเทพจูเซียนจะปิดผนึกพระราชวังจักรพรรดิแล้ว
คำพูดของจ้าวเทียนทำให้มหาเทพจูเซียนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา แล้วเลือกพาหยวนเทียนหลงเคลื่อนย้ายกลับไปพระราชวังทันที
จ้าวเทียนที่เห็นแบบนั้น ก็ส่ายหน้าเบาๆแล้วพูดขึ้น
“ เธอให้อภัยคุณตั้งนานแล้ว มีแต่ตัวคุณเองนั่นแหละ ที่ยังไม่ยอมยกโทษให้ตัวเอง ”
เรื่องความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนแบบนี้ จ้าวเทียนเองก็เข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้มาก ทำได้แค่คอยพูดกระตุ้นเตือนอยู่ห่างๆเท่านั้น
“ ศิษย์น้อง เราจะเอายังไงกับไอเศษสวะตัวนี้ดี ” คังหลินมองไปทางทูตมังกรทองที่ถูกเทพกระบี่และต้วนมู่เฉียนผนึกพลังเอาไว้ ด้วยสายตาเย็นชา
ชายคนนี้ทรยศพวกพ้องไปเข้าร่วมกับศัตรูเพื่อหวังผลประโยชน์ เป็นประเภทที่คังหลินนึกรังเกียจที่สุด
“ สังหารทิ้งซะ เขารู้เยอะเกินไป ไม่เป็นผลดีต่อพวกเรา ” จ้าวเทียนตัดสินโทษตายในทันที เรื่องความลับของโม่ปิงหยูจะปล่อยให้หลุดออกไปไม่ได้เด็ดขาด
“ เดี๋ยวก่อน พวกแกสังหารฉันไม่ได้ ไม่อย่างนั้นท่านเจ้าสำนักไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่ เพราะที่ตัวฉันมีตราประทับจิตวิญญาณอยู่ ”
“ ผู้ใดที่ลงมือสังหารฉัน จะได้รับตราประทับนี้ติดตัวไปทันที ไม่ว่าแกจะหลบหนีไปที่ไหนก็ไม่มีวันพ้น ต่อให้แกหลบซ่อนตัวอยู่ในโลกชั้นต่ำ เขาก็มีวิธีการมากมายที่จะสังหารแกผ่านทางตราประทับนั่น ”
ทูตมังกรทองรีบพูดขึ้นเพื่อเอาตัวรอด แต่สิ่งที่เขาบอกมานั้นก็เป็นความจริงไม่ได้โกหก ซึ่งทุกคนก็สัมผัสได้ จึงเกิดความลังเลขึ้นมา
ทันใดนั้น
“ หุบปาก แล้วลงนรกไปซะ! ”
ฉัวะ!
คังหลินชักกระบี่ฟันออกไปในพริบตา ทำให้ศีรษะของทูตมังกรทองขาดกระเด็น ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน
วูป!
ตราประทับสีดำได้พุ่งออกมาจากศพของทูตมังกรทอง พร้อมกับเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวของชายชรา
“ กล้าสังหารลูกศิษย์ฉันงั้นเหรอ อย่าคิดว่าแกจะหนีพ้น ฉันซือคงหยวนเจ้าสำนักจตุเทวะ ขอสาบานด้วยจิตวิญญาณว่าจะต้องฆ่าแกให้ได้ ”
แวบ!
ตราประทับสีดำได้จมหายไปในร่างของคังหลิน โดยที่เขาเองก็ยืนรออยู่นิ่งๆไม่คิดจะหลบหนีแม้แต่น้อย
“ เหอะ ฉันคือเทพโลกาขั้นหก ศิษย์สืบทอดอันดับสองของสำนักดาราสวรรค์ หนึ่งในเจ็ดสำนักชั้นยอดแห่งยุค ”
“ แค่เจ้าสำนักระดับกลางอย่างแก คิดจะมาท้าทายฉันงั้นเหรอ เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน ว่าใครกันแน่ที่ต้องหลบหนีอย่างหวาดกลัว ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...