จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 379

การปรากฏตัวของจ้าวเทียน ทำให้สถานการณ์ของสงครามหยุดชะงักลงไปครู่หนึ่ง แม้แต่ต้วนมู่เฉียนที่กำลังพยายามทำลายประตูเซียน ยังต้องหันมาให้ความสนใจอย่างจริงจัง เพราะศึกตัดสินระหว่างจ้าวเทียนกับธันเดอร์

อาจจะเป็น…บทสรุปสุดท้ายของสงครามในครั้งนี้

“ ผู้อาวุโสทางด้านนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง คุณรีบทำลายประตูเซียนเร็วเข้า ก่อนที่มันจะสายเกินไป ”

จ้าวเทียนรีบส่งเสียงทางลมปราณไปเตือนต้วนมู่เฉียน เพราะเขาสัมผัสได้ว่าประตูเซียนกำลังจะสลายไปแล้ว

“ ระวังตัวด้วย…ธันเดอร์ในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ” ต้วนมู่เฉียนตอบกลับไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนที่จะหันไปโจมตีใส่ประตูเซียนต่อ เขาเองก็รู้ดีว่าเวลามันกำลังจะหมดลงแล้ว

วูป!

จ้าวเทียนเคลื่อนย้ายพริบตาไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ พร้อมทั้งส่งกงเสี่ยวเหมยไปให้โม่ปิงหยูดูแลต่อ

“ เหยาเหยา เธอพอจะหยุดความเคลื่อนไหวของสามคนนั้นอีกครั้งได้หรือเปล่า ” จ้าวเทียนมองไปทางพวกผู้มีพลังพิเศษระดับเอสที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเย็นชา เขาไม่ต้องการให้มีคนฉวยโอกาสหาผลประโยชน์ในช่วงเวลานี้

“ ได้สิ เรื่องคนพวกนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันกับคนอื่นๆเอง นายวางใจได้เลย ” ลี่เหยาเหยาตอบกลับด้วยรอยยิ้มมั่นใจ หากพวกธันเดอร์ไม่สอดมือเข้ามา พวกเธอคงเอาชนะการต่อสู้ได้นานแล้ว

“ เหอะ…พวกแกสั่งเสียกันเสร็จหรือยัง รีบออกมารับความตายได้แล้ว ” ธันเดอร์พูดออกมาเสียงดัง สายตาเขาจ้องมองไปที่จ้าวเทียนอย่างดุดัน เหมือนต้องการฉีกกระชากอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ

ในอดีตตัวเขาเคยพ่ายแพ้ให้กับจ้าวเทียนในการต่อสู้ตัวต่อตัวมาก่อน ถึงแม้ตอนนั้นตนเองจะถูกจำกัดพลังเอาไว้ถึงหกส่วน แต่การพ่ายแพ้ให้ชนพื้นเมืองบนโลกที่มีขั้นพลังต่ำกว่า ก็กลายเป็นตราบาปติดตัวเขาไปตลอดชีวิต

มีเพียงเอาชนะจ้าวเทียนในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวอีกครั้ง ถึงจะล้างความอัปยศในตอนนั้นได้

“ ถึงขั้นจุติกายแท้ลงมาแบบนี้ ดูเหมือนแกคงจะอยากเอาชนะฉันมากเลยสินะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ด้วยประสบการณ์อันยาวนาน ทำให้เขาสามารถมองความลับของฝ่ายตรงข้ามออกทันที

‘ แค่ความกดดันที่เขาปลดปล่อยมาก็เหนือกว่า เจ้าตำหนักเทวะรุ่นแรกไปสองขั้นแล้ว เห็นทีศึกครั้งนี้คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน ’

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แบบนี้ ต่อให้ต้วนมู่เฉียนไม่เตือน จ้าวเทียนก็ไม่กล้าประมาทเด็ดขาด

วูป!

ถุงมือเกล็ดมังกรถูกเรียกออกมาสวมที่มือข้างซ้าย พร้อมกับกระบี่ราชันสวรรค์ในมือขวา จ้าวเทียนตอนนี้อยู่ในสภาวะพร้อมสู้เต็มอัตราศึก

“ อย่าหลงตัวเองเกินไปนัก แค่จะสังหารแกไม่จำเป็นต้องให้ฉันใช้วิธีนี้หรอก เพราะพวกแกมันก็เป็นแค่ก้อนกรวดบนทางเดินที่ฉันจะบดขยี้เมื่อไหร่ก็ได้ ”

สิ้นเสียง ร่างของธันเดอร์ก็เปลี่ยนเป็นประกายสายฟ้าพุ่งเข้าใส่จ้าวเทียนทันที ค้อนโยเนียร์ที่อยู่ในมือเขาทุบใส่กำแพงอากาศตรงหน้าอย่างรุนแรง

“ มหาอัสนีพิโรธ! ”

ตูมมม!

กำแพงมิติพังทลาย สายฟ้าหลายร้อยเส้นรวมตัวกันบิดเป็นเกลียวคล้ายอสรพิษสายฟ้าขนาดยักษ์ พุ่งทะลวงเข้าใส่จ้าวเทียนอย่างดุดัน การโจมตีนี้ได้รวมอำนาจอันน่าเกรงขามของเทพเจ้าสายฟ้าเอาไว้ทั้งหมด

“ คิดว่าถ้าปะทะกันซึ่งๆหน้า แล้วฉันจะกลัวงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นเสียงเย็นชา พุ่งเข้าใส่อสรพิษสายฟ้าพร้อมกับปล่อยหมัดออกไปสุดแรง

“ สามหมัดราชันจักรพรรดิ! ”

“ หมัดสองถล่มนภา! ”

ภาพทุกอย่างแข็งค้างเหมือนเวลาถูกหยุดเอาไว้ สามารถมองเห็นอสรพิษสายฟ้าขนาดยักษ์พยายามดิ้นรนให้ออกจากการถูกผนึก แต่ก็ไม่สามารถฝ่าฝืนอำนาจแห่งมหามรรคาจักรพรรดิอันยิ่งใหญ่ได้

เพล้ง!

ภาพลวงตาของหมัดขนาดใหญ่ที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงสีทอง ทลายท้องฟ้าลงมาจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆราวกับเศษกระจก เวลาที่ถูกหยุดไว้ก็กลับมาเดินอีกครั้ง

เปรี้ยงง! ตูมมมมม!

ลำตัวของอสรพิษสายฟ้าขนาดยักษ์ถูกบดขยี้เป็นจุล แต่ส่วนหัวของมันกลับหลุดรอดออกมาได้ และพุ่งทะลวงเข้าหาจ้าวเทียนในพริบตา

“ จงสลายไปซะ! ”

ฉัวะ!

รังสีกระบี่อันน่าเกรงขาม ฟันใส่ปากที่อ้ากว้างของอสรพิษสายฟ้าจนแยกออกเป็นสองส่วน อีกทั้งยังมีเปลวเพลิงสีทองระเบิดออกมาเผาไหม้ส่วนที่เหลือไปจนหมด

ทันใดนั้น

เปรี้ยงงง!

ร่างของจ้าวเทียนปลิวกระเด็นไปไกลหลายกิโลเมตร แขนข้างซ้ายที่ยกขึ้นมาป้องกันไว้บิดงออย่างน่ากลัว ทิศทางที่เขาพุ่งผ่านไปเกิดเป็นคลื่นโซนิคบูม จนพื้นทะเลแยกออกเป็นสองฝั่ง

“ เขตแดนเทพเจ้าสายฟ้า! ”

ธันเดอร์ได้ดึงดูดสายฟ้าจากสวรรค์ลงมา เปลี่ยนเป็นสนามพลังรอบตัวในอาณาเขตหนึ่งพันเมตร เพื่อป้องกันการฝ่ามิติของศัตรู

แวบ!

ร่างของจ้าวเทียนปรากฏขึ้นที่ด้านนอกอาณาเขตสายฟ้าของฝ่ายตรงข้าม สายตาของเขาจ้องมองไปยังชุดเกราะสีดำที่เปิดเผยออกมาเพราะการโจมตีของตนเมื่อครู่อย่างเคร่งเครียด

“ ชุดเกราะระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง งั้นเหรอ ”

ทั้งขั้นพลังและอุปกรณ์สวมใส่ ฝ่ายตรงข้ามล้วนเหนือกว่าตนทั้งสิ้น ตอนนี้สิ่งที่เขาพึ่งพาได้ก็คงมีเพียงเคล็ดวิชาระดับเทวะและโลกภายในอันแข็งแกร่งเหนือผู้อื่นเท่านั้น

‘ เสียดายที่ฉันยังไม่บรรลุขอบเขตเซียนนภา จึงไม่อาจใช้สมบัติศักดิ์สิทธิ์ของสำนักดาราสวรรค์ได้ ไม่อย่างนั้นการต่อสู้คงจะง่ายกว่าเดิมมาก ’

ในเวลาเดียวกัน

ทางด้านลี่เหยาเหยาตอนนี้สามารถคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้แล้ว ด้วยการประสานกันระหว่างเธอกับกงเสี่ยวเหมย คนหนึ่งผนึกศัตรู ส่วนอีกคนก็ลงมือสังหาร

เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ทั้งผู้มีพลังระดับเอสสามคนจากกลุ่มมหาอำนาจทั่วโลก และหุ่นรบจากอเมริกาทั้งหมดก็ถูกจัดการจนหมดสิ้น

“ เขาจะชนะหรือเปล่า ” ลี่เหยาเหยาถามขึ้นด้วยความกังวล สายตาของเธอจับจ้องไปที่ชายคนรักไม่วางตา หากไม่ใช่เพราะกลัวตัวเองจะกลายเป็นตัวถ่วง ก็คงเข้าไปช่วยเหลือนานแล้ว

“ เรื่องนี้ตอบยากมาก คู่ต่อสู้ของเขาคือร่างจุติแท้จริงของเทพโลกาขั้นห้า ถึงแม้จะถูกกฎเกณฑ์ของโลกจำกัดพลังเอาไว้เพียงหนึ่งส่วน แต่มันก็เหนือกว่าเจ้าตำหนักเทวะรุ่นแรกและคู่ต่อสู้ที่ผ่านมาของเขาอย่างเทียบกันไม่ติด ” เทพธิดาซวนเฉวียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

สถานที่นี้ไม่ใช่โลกแห่งจิตวิญญาณที่จ้าวเทียนจะสามารถใช้พลังของมหาเทพได้ เขาจึงต้องพึ่งพาเพียงพลังของตนในปัจจุบันเท่านั้น

“ ไม่ต้องเป็นห่วง หากเกิดอะไรขึ้นพี่จะใช้เคล็ดวิชาที่รุนแรงที่สุดหยุดยั้งศัตรูไว้ เพื่อเปิดโอกาสให้เธอเข้าไปช่วยเหลือเขาออกมาเอง ” กงเสี่ยวเหมยพูดขึ้นอย่างจริงจัง

เพราะฝึกฝนร่วมกันมาหลายวัน ทำให้กงเสี่ยวเหมยรู้ดีว่าวิชาของลี่เหยาเหยาไม่สามารถใช้หยุดศัตรูที่อยู่เหนือกว่าหลายขั้นได้ แต่ถ้าแค่ให้เธอคุ้มกันจ้าวเทียนออกมาเป็นเรื่องที่ง่ายมาก

ทันใดนั้น

เปรี้ยงงง! ตูมมมมม!

เกิดเสียงระเปิดดังสนั่นหวั่นไหวที่บนท้องฟ้าเหนือศีรษะของทุกคน ประตูเซียนขนาดใหญ่แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ และเริ่มสลายตัวเป็นละอองแสงสีทองอย่างรวดเร็ว

“ ในที่สุด…ผู้อาวุโสต้วนมู่เฉียนก็ทำสำเร็จแล้วสินะ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน