จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 385

แน่นอนว่าเสียงพูดคุยของจ้าวเทียนถึงแม้จะใช้พลังปิดกั้นเอาไว้ แต่สำหรับเทพมังกรอ๋าวเฟิงที่สังเกตท่าทีของเขาอยู่ตลอดเวลา ย่อมพอจะคาดเดาเรื่องราวบางอย่างออกทันที เขาจึงรีบพูดเตือนขึ้น

“ เธอห้ามลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นเรื่องมันอาจจะแย่ลงกว่าเดิมนะ ”

“ ฉันรู้…แต่ถ้าพวกเราเลือกนิ่งเฉย ในอนาคตข้างหน้าอีกฝ่ายก็จะใช้วิธีนี้มาจัดการกับพวกเราอีก เพราะไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสต้วนมู่เฉียนคนเดียว ที่ต้องการจะทะลวงขอบเขตเซียนนภา พวกฉันเองก็ต้องการเช่นกัน ”

“ ฉันไม่ต้องการให้ผู้ฝึกตนบนโลกมนุษย์ ถูกจำกัดเอาไว้ด้วยกฎเกณฑ์ไร้สาระนี้อีกต่อไปแล้ว เรื่องทุกอย่างมันสมควรจบเสียที ” พูดจบจ้าวเทียนก็ฝ่ามิติออกไปโดยไม่สนใจการห้ามปรามของเทพมังกรอ๋าวเฟิง

วูป!

ร่างของเขาไปปรากฏขึ้นตรงหน้าชายผมขาวอย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัว พร้อมกับใช้สามหมัดราชันจักรพรรดิออกไปทำลายการโจมตีของอีกฝ่าย เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้ไป๋ซู่เจินกับเสี่ยวชิง

จากนั้น

“ แก่นแท้แห่งกระบี่! ”

เปรี้ยงง! ตูมมม!

ภาพลวงตาของกระบี่ขนาดยักษ์ที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงสีทอง ฟาดฟันเข้าใส่พลังแห่งกฎเกณฑ์ที่ตรึงร่างต้วนมู่เฉียนอยู่จนแหลกกระจุยทำให้เขาได้รับอิสระอีกครั้ง

การลงมือของจ้าวเทียนครั้งนี้ เกิดขึ้นต่อเนื่องกันในเวลาเพียงเสี้ยววินาที สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่ได้เห็นเป็นอันมาก

“ ผู้อาวุโสเสี่ยวชิง! ” จ้าวเทียนรีบผลักร่างของต้วนมู่เฉียนออกไปให้อีกฝ่ายรับไว้

“ นี่เธอ…ทำไมกัน ” เสี่ยวชิงที่กลับคืนร่างมนุษย์รับตัวชายคนรักเอาไว้ แล้วถามขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง เพราะไม่คาดคิดว่าจ้าวเทียนจะตัดสินใจลงมือด้วยตนเองแบบนี้

จ้าวเทียนที่ได้ยินก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาหันไปพยักหน้าให้กับไป่ซู่เจินเล็กน้อย ซึ่งเธอก็มองกลับมาด้วยแววตาขอบคุณ

เรื่องบางอย่าง การกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูด ที่ผ่านมาไป๋ซู่เจินได้คอยให้ความช่วยเหลือพวกจ้าวเทียนมากมายทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถึงแม้เธอจะไม่เคยพูดออกมา แต่จ้าวเทียนก็รับรู้ได้ด้วยตนเอง

การตัดสินใจของเขาในครั้งนี้นอกจะเพื่อช่วยต้วนมู่เฉียนแล้ว ยังถือเป็นการตอบแทนไป๋ซู่เจินอีกทางด้วย

“ หืม…ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วรึ ” ชายผมขาวยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา เหตุผลที่เขาไม่ได้ลงมือขัดขวางก็เพราะต้องการใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างอยู่แล้ว จากนั้นเขาก็กวาดมองไปทางเทพมังกรทั้งสองแล้วพูดขึ้นต่อ

“ ขอแค่ข้าไม่สังหารมัน ก็ไม่ถือว่าเป็นการผิดข้อตกลงใช่ไหม ”

!!

ประโยคนี้ทำให้เทพมังกรอ๋าวเฟิงรู้เจตนาของชายผมขาวทันที แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ลงมือขัดขวาง ดวงตาที่สามของฝ่ายตรงข้ามก็เปล่งแสงสว่างอันเจิดจ้าออกมา

วูป!

เกิดเป็นภาพดวงตาแห่งสวรรค์ พุ่งทะลวงสนามพลังคุ้มกัน แล้วประทับลงบนร่างกายของจ้าวเทียนโดยไม่ทันตั้งตัว จุดประสงค์ของมันก็คือการลบล้างต้นกำเนิดพลัง ซึ่งก็คือโลกภายในของเขา

“ คิดจะลอบโจมตีงั้นเหรอ อย่าได้หวังไป ” จ้าวเทียนยกกระบี่ขึ้นปิดกั้นไว้ได้ในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ซึ่งก็ทำให้ดวงตาแห่งสวรรค์ชะงักไปหนึ่งจังหวะ

แวบ!

สัญลักษณ์พระอาทิตย์สีทองที่กลางหน้าผากของจ้าวเทียน ลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรง ปลดปล่อยออร่าของจักรพรรดิออกมา

“ เคล็ดวิชากายาอมตะ! ”

บูมมมมม!

ภาพลวงตาของมหาเทพตี้เทียนปรากฏขึ้นในพริบตา ปลดปล่อยมหามรรคาจักรพรรดิใช้สามหมัดราชันสวรรค์ บดขยี้การโจมตีของฝ่ายตรงข้ามจนแหลกเป็นจุล

ตูมมมมม!

แต่ทว่า ผลกระทบจากคลื่นพลังทำลายล้างที่ระเบิดออกมา ก็ได้ทำให้จ้าวเทียนถูกอัดกระเด็นออกไปไกลและได้รับบาดเจ็บภายในทันที

“ วิชาของมหาเทพจูเซียนงั้นเหรอ เป็นตัวปัญหาอย่างที่ข้าคิดจริงๆสินะ ” ชายผมขาวพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา ปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างไม่ปิดบัง

แค่ขอบเขตฟ้าดินแห่งกระบี่ที่จ้าวเทียนใช้ออกมาในตอนแรก ก็ทำให้เขาคิดทำลายกฎลงมือสังหารอีกฝ่ายให้จงได้แล้ว แต่นี่ยังมีเคล็ดวิชากายาอมตะอีก

‘ ชายหนุ่มคนนี้ มีศักยภาพที่จะบรรลุขอบเขตผู้ปกครองเอกภพได้อย่างแน่นอน จะปล่อยให้เติบโตไปมากกว่านี้ไม่ได้เป็นอันขาด ’

วูป!

“ จงอย่าลืมข้อตกลงของพวกเรา ไม่อย่างนั้น ฉันจะต่อสู้กับแกด้วยพลังที่แท้จริงโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น ” เทพมังกรอ๋าวเฟิงปรากฏกายขึ้นขวางหน้าฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ แล้วพูดข่มขู่ออกมาเสียงดัง

“ เหอะ! ฝ่ายพวกเจ้าต่างหากที่ผิดข้อตกลงก่อน คิดจะทดสอบความอดทนของข้างั้นรึ ” ชายผมขาวก็ไม่ยอมถอยเช่นกัน เขาตั้งใจแล้วว่าจะต้องสังหารจ้าวเทียนให้ได้

ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสภาวะพร้อมเปิดศึก ทางด้านจ้าวเทียนก็อาศัยจังหวะนั้นรีบเปิดถุงผ้าไหมสีแดงออกดู

ก่อนหน้านี้เขาคิดจะทำมันตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่มีโอกาส เพราะถูกฝ่ายตรงข้ามลอบโจมตีเข้ามาก่อน

หากไม่มีเคล็ดวิชากายาอมตะ ที่สามารถปกป้องผู้ใช้จากพลังทุกรูปแบบที่โจมตีเข้ามาได้ จ้าวเทียนคงพลาดท่าเสียทีไปแล้ว

‘ หืม…นี่ท่านอาจารย์ล้อฉันเล่นหรือเปล่า ’

ไม่ว่าจ้าวเทียนจะมองมุมไหน ด้านในของถุงผ้าก็มีเพียงนกกระดาษหนึ่งตัวเท่านั้น ซึ่งมันแตกต่างจากความคาดหวังของเขาอย่างสิ้นเชิง

‘ ไม่ใช่สมบัติล้ำค่าปกป้องชีวิต ไม่ใช่อาวุธระดับพระเจ้า หรือแผ่นค่ายกลสังหาร แต่เป็นนกกระดาษธรรมดางั้นเหรอ ’

มือขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยขนสีทองเหมือนกับมือวานร ยื่นออกมาจากประตูข้ามภพตรงหน้าชายผมขาว และพยายามคว้าจับนกกระดาษเอาไว้

เปรี้ยงงง! ฉัวะ!

เสียดายที่มันช้าไปก้าวหนึ่ง นกกระดาษที่กลายเป็นลำแสงสีเงินนั้น ได้เฉือนฝ่ามือนั้นจะเป็นแผล แล้วพุ่งทะลวงศีรษะของชายผมขาวไปอย่างไร้ปราณี

ครืนนน!

ร่างของชายผมขาวแตกสลายไปเหมือนเม็ดทราย ก่อนที่ดวงวิญญาณของเขาจะถูกลบหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนไม่เคยมีตัวตนมาก่อน

“ บัดซบ กล้าสังหารร่างอวตารของข้า ครั้งหน้าพวกเจ้าจะต้องชดใช้อย่างสาสม ” เสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดดังขึ้น

ก่อนที่มือขนาดใหญ่และประตูข้ามภพจะหายไป และกาลเวลาที่ถูกหยุดเอาไว้ ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

วูป!

หลังจากนั้น ภาพชายสวมหน้ากากชุดเขียว ก็เปลี่ยนเป็นคลื่นพลังงานกลับคืนสู่ร่างกายเจ้าเทียน พร้อมกับนกกระดาษที่มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน เนื่องจากมันได้ทำหน้าที่ของตนเองเรียบร้อยแล้ว

“ นี่ฉัน…ก่อนหน้านี้ได้ถูกเจตจำนง ที่แฝงมากับนกกระดาษควบคุมเอาไว้สินะ ” จ้าวเทียนพูดกับตัวเองเบาๆ เขาสามารถมองสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ผ่านทางดวงตาของตนเองได้อย่างชัดเจน

“ จ้าวเทียน…เมื่อครู่นี้คือ ” เทพมังกรอ๋าวเฟิงถามออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงแม้ร่างกายจะขยับไม่ได้แต่สติของเขาก็ยังอยู่ครบ ทำให้ได้เห็นร่างอวตารของเต๋าแห่งสวรรค์ถูกสังหารไปอย่างง่ายดาย

ซึ่งเรื่องนี้…มันก็ได้สร้างความตกตะลึงให้เขาเป็นอย่างมาก

“ เรียนผู้อาวุโสตามตรง นี่เป็นสิ่งที่ท่านอาจารย์มอบให้ ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ข้อมูลของมันเหมือนกัน ” จ้าวเทียนไม่ได้คิดจะบิดบังอีกฝ่ายอยู่แล้ว จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ

“ ว่าแต่…ราชันสวรรค์เก้าภพงั้นเหรอ นับตั้งแต่จักรวาลถือกำเนิดขึ้นมา ฉันก็ยังไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ” เทพมังกรอ๋าวเฟิงมีท่าทีครุ่นคิดอย่างจริงจัง อีกฝ่ายเป็นถึงตัวตนที่อยู่ในระดับเดียวกับผู้ปกครองเอกภพ ถ้าเคยได้ยินชื่อมาก่อนเขาย่อมไม่มีทางลืมแน่นอน

“ ผู้อาวุโส…บางทีราชันสวรรค์เก้าภพอาจจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในจักรวาลอื่นหรือเปล่า ” จ้าวเทียนคิดว่าสมมติฐานนี้เป็นไปได้ที่สุด

เพราะเต๋าแห่งสวรรค์สามารถจดจำรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายได้ทันที ย่อมมีความเป็นไปได้ว่าทั้งสองอาจจะมีต้นกำเนิดมาจากจักรวาลแห่งเดียวกัน

“ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันคงมีเรื่องต้องพูดคุยกับอาจารย์ของเธอเยอะแยะเลยล่ะ ”

จ้าวเทียนที่ได้ยินก็ได้แต่ฝืนยิ้มออกมา อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ตัวเขาก็อยากจะกลับไปถามเอาความจริงจากท่านอาจารย์เหมือนกัน

‘ ฉันเข้าใจเหตุผลที่ท่านอาจารย์เตือนแล้ว เรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับจักรวาลอื่น มันก็เป็นเรื่องร้ายแรงจริงๆนั่นแหละ ’

‘ หากจัดการได้ไม่ดี แล้วข่าวลือมันแพร่กระจายออกไปแบบผิดๆ ก็เตรียมตัวกลายเป็นศัตรูกับทุกขุมกำลังบนแดนสวรรค์ได้เลย ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน