จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 391

หลังจบสิ้นมหาสงครามที่ทำให้แดนสวรรค์บรรพกาลล่มสลายจนถึงยุคปัจจุบัน มันก็ได้ผ่านมาเกือบหนึ่งล้านปีแล้ว

ในขณะที่จักรพรรดิเทพในยุคนี้มีอายุขัยเพียงแค่หนึ่งแสนปี ดังนั้น มันจึงทำให้จ้าวเทียนเกิดความลังเลขึ้นมา ว่าอีกฝ่ายจะใช่คนที่เขาคิดหรือเปล่า

ส่วนเหตุผลที่จ้าวเทียนคาดเดาว่าชายคนนี้เป็นโฮ่วอี้ มันก็มาจากอวตารของคันศรระดับพระเจ้าที่อยู่ในมือ และกลิ่นอายอันเก่าแก่โบราณที่แผ่ออกมาจากจิตวิญญาณอีกฝ่าย

ที่สำคัญที่สุด…มีเพียงผู้ที่ได้สมญานามว่าเทพเจ้าแห่งเกาทัณฑ์เท่านั้น ถึงสามารถใช้แค่ท่วงท่าง้างคันศร ก็กดดันศิษย์พี่หญิงจนเข้าสู่เสี้ยววินาทีเป็นตายได้

‘ ทั้งที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงร่างอวตาร ซึ่งมีความแข็งแกร่งไม่ต่างไปจากฉันเท่าไหร่ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนฉันกำลังเผชิญหน้า กับภูเขาสูงใหญ่ที่ไม่อาจก้าวข้าม ’

ตั้งแต่ย้อนเวลากลับมา ขอแค่ศัตรูมีระดับพลังไม่แตกต่างกันมากนัก จ้าวเทียนย่อมมั่นใจว่าตนสามารถเอาชนะได้แน่นอน แม้แต่ตอนที่เผชิญหน้ากับมหาเทพจูเซียน เขาก็ยังคงมีความมั่นใจแบบนี้เช่นเดียวกัน

เพียงแต่ว่า ครั้งนี้มันแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด ถึงขนาดที่ศัตรูอยู่ตรงหน้าแท้ๆ เขาก็ยังไม่สามารถหาช่องโหว่ หรือจุดอ่อนเพื่อโจมตีได้เลยแม้แต่น้อย

‘ สมกับเป็นจักรพรรดิเทพยุคบรรพกาล การที่ตัวตนในตำนานแบบนี้บุกเข้ามาทดสอบพวกเราถึงที่ คงต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงแน่นอน มีแต่ต้องรับเกาทัณฑ์สามดอกนี้ให้ได้ ฉันถึงจะมีอากาศได้รับรู้ความจริง ’

วูป!

จ้าวเทียนปลดปล่อยขอบเขตฟ้าดินแห่งกระบี่ออกมา รังสีกระบี่แปดพันสายถักทอกันเป็นกำแพงหนาปกป้องด้านหน้าของเขาเอาไว้

“ เชิญผู้อาวุโสลงมือได้เลย ฉันพร้อมแล้ว ”

“ อืมม์ ความแข็งแกร่งของเจ้าไม่เลวเลย นับว่ามีคุณสมบัติให้ข้าเอาจริง ” โฮ่วอี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะหยิบเกาทัณฑ์พาดสาย แล้วง้างคันศรจนโค้งงอ

วูป!

เสี้ยววินาทีนี้เอง ที่ทำให้จ้าวเทียนเข้าใจถึงความรู้สึกหวาดกลัวของศิษย์พี่หญิง เวลาโดนเกาทัณฑ์นี้เล็งใส่

จิตสังหารแหลมคมสุดใดเปรียบ ไม่อาจหลบหนี ไม่อาจต้านทาน…

ความรู้สึกนี้ เหมือนกับว่าร่างกายถูกตรึงเอาไว้ตรงใจกลางหุบเหวลึกอันดำมืด ที่ทำได้เพียงแค่รอคอยความตายเพียงอย่างเดียว

“ เก้าศรดับสุริยัน! ”

ฟ้าว! ตูมมม!

สิ้นเสียง ลูกเกาทัณฑ์ก็ทะลุมิติหายไป แล้วเจาะทะลวงกำแพงรังสีกระบี่ของจ้าวเทียนอย่างดุดัน จนมันสั่นสะเทียนและฉีกขาดออกเป็นช่องว่าง

แต่ทว่า นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของจ้าวเทียนแล้ว เขาจึงรับมืออย่างใจเย็น โดยใช้แก่นแท้แห่งกระบี่แทงสวนออกไป ทั้งจังหวะ ทั้งเวลาล้วนพอดีจนถึงขีดสุด

กิ้งง!

หัวลูกเกาทัณฑ์และคมกระบี่ปะทะเข้าใส่กัน โดยไม่คลาดเคลื่อนไปแม้แต่นิ้วเดียว ซึ่งคลื่นพลังทำลายล้างที่ระเบิดออกมา ก็ทำให้ข้อมือของจ้าวเทียนเจ็บแปลบเล็กน้อย

‘ แค่เพียงเกาทัณฑ์ดอกแรก ก็เทียบเท่าการโจมตีสุดแรงของขอบเขตแดนเทพขั้นสูงสุดแล้วเหรอ ’

จ้าวเทียนคิดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่กล้าผ่อนคลายความระวังแม้แต่น้อย

“ รับได้อย่างสบายเลยรึ น่าสนใจ ” ถึงโฮ่วอี้จะพูดขึ้นอย่างชื่นชม แต่มือของเขากลับไม่หยุดนิ่ง พาดสายเกาทัณฑ์ยิงดอกที่สองออกไปทันที

ฟ้าววว!

ในครั้งนี้ จ้าวเทียนตัดสินใจควบคุมรังสีกระบี่แปดพันสาย รวมตัวเป็นคมหอกพุ่งเข้าไปปะทะตรงๆอย่างซึ่งๆหน้า

เปรี้ยงงง ฉัวะ!

ลูกเกาทัณฑ์ทะลวงใส่คมหอก เหมือนดาวหางเปล่งประกายเจิดจ้าฉีกกระชากความมืดของท้องฟ้ายามราตรี เพียงพริบตาเดียวรังสีกระบี่ก็ถูกทำลายไปกว่าครึ่ง

‘ บัดซบ! ลูกเกาทัณฑ์ดอกที่สองนี้ ถึงกับทรงอานุภาพมากกว่าเดิมสองเท่า ทั้งยังแฝงมหามรรคาจักรพรรดิอันสมบูรณ์แบบ แค่เพียงรังสีกระบี่ของฉันคงต้านไว้ไม่ไหวแน่ คงมีแต่ต้องใช้วิธีนั้นสินะ ’

“ ฟ้าดินแห่งกระบี่ ทำลาย! ”

ตูมมมม!

รังสีกระบี่ทั้งหมดระเบิดขึ้นพร้อมกัน คลื่นพลังอันมหาศาลที่ปะทุออกมาได้บดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างจนแหลกเป็นจุล นี่คือแรงระเบิดจากรังสีกระบี่สี่พันสายที่เหลืออยู่ ซึ่งก็เทียบเท่ากับการระเบิดตัวเองของเซียนขั้นสูงสุดสี่พันคน

เกาทัณฑ์ดอกนี้ดูไปเรียบง่าย แต่มันกลับรวดเร็วยิ่งกว่าแสง ทั้งยังไร้เสียงไร้เงา แม้แต่ภาพลวงตามหาเทพตี้เทียนและเคล็ดกายาอมตะก็ถูกทำลายไปในเสี้ยววินาที

อั่ก!

จ้าวเทียนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง ก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดออกไป แล้วเงยหน้ามองฝ่ายตรงข้ามด้วยความหวั่นเกรง

โชคดีที่ตอนนี้ เขาได้ป้องกันเกาทัณฑ์สามดอกครบตามข้อตกลงแล้ว ไม่อย่างนั้นหากยังมีดอกที่สี่อีก คงรับไว้ไม่ไหวแน่นอน

“ รับเกาทัณฑ์ดอกที่สามของข้าได้ในระดับพลังเท่ากัน โดยไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือพิการ เจ้านับว่าเป็นคนแรกในรอบหนึ่งล้านปีที่ผ่านมา ” โฮ่วอี้พยักหน้าอย่างชื่นชม ก่อนที่จะพูดขึ้นต่อ

“ งั้นข้าจะกำนัลให้เจ้าอีกซักหนึ่งเกาทัณฑ์แล้วกัน หากเจ้ารับมันได้ นอกจากข้าจะบอกชื่อแล้ว ยังจะมอบสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ให้ด้วยอีกหนึ่งชิ้น ”

!!

สิ้นเสียง โฮ่วอี้ก็พาดเกาทัณฑ์ขึ้นสายทันที โดยไม่สนใจใบหน้าอันซีดขาวของจ้าวเทียนแม้แต่น้อย

“ ช้าก่อน! ผู้อาวุโส ” จ้าวเทียนรีบตะโกนห้ามออกมาเสียงดัง พร้อมกับเตรียมตัวผ่ามิติหลบหนีออกไป เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้

ทันใดนั้น

“ พอแค่นี้เถอะ ท่านเล่นสนุกมากเกินไปแล้วนะ ”

วูป!

หลินซินเยว่ปรากฏกายขึ้นด้านหน้าจ้าวเทียน ขวางเส้นทางเกาทัณฑ์ดอกที่สี่เอาไว้ แต่นี่เป็นเพียงภาพลวงตาของเธอเท่านั้น ส่วนตัวจริงยังคงอยู่ในช่องว่างมิติ

“ ท่านอาจารย์ ”

จ้าวเทียนรู้สึกผ่อนคลายลงทันทีที่เห็นอาจารย์ของตนมาช่วย ตรงข้ามกับโฮ่วอี้ที่มีท่าทีขัดใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ยอมเชื่อฟังและเก็บคันศรกลับไปแต่โดยดี

“ ไม่ได้เจอกันนานมากแล้วนะ…ซินเยว่ ” โฮ่วอี้พูดขึ้นด้วยสีหน้าอ่อนโยน ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน

“ ใช่…มันนานมากจริงๆ ทั้งแต่ที่ท่านนำข้าไปฝากไว้ที่สำนักดาราสวรรค์เมื่อเจ็ดหมื่นปีก่อน ท่านก็หายตัวไปเลย ” หลินซินเยว่ตอบออกมาด้วยแววตาสั่นไหว ก่อนที่เธอจะหันบอกกับจ้าวเทียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ ผู้อาวุโสท่านนี้ มีนามว่าโฮ่วอี้ เป็นบิดาบุญธรรมของอาจารย์เอง ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน