จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 390

หลังจากพิธีกรรมจุติเทพเจ้าของประเทศญี่ปุ่นและอียิปต์จบลง ก็ได้สร้างความแตกตื่นวุ่นวายไปทั่วทั้งโลก เพราะสื่อแทบทุกช่องทางล้วนแต่นำเสนอเรื่องราวอันน่าตกใจนี้แทบทั้งสิ้น

แม้แต่ในอินเตอร์เน็ตยังมีการพูดคุยถกเถียงกันเป็นอันมาก บ้างก็ว่าเป็นการสร้างภาพของสองประเทศ หรือไม่ก็เป็นการโปรโมทภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าฉาย มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เชื่อว่าเป็นความจริง

จนกระทั่ง เมื่อถึงคราวที่พิธีกรรมจุติเทพของประเทศไอซ์แลนด์เริ่มต้นขึ้น การถกเถียงทั้งหมดก็หยุดลง ประชาชนทั่วทุกมุมโลกไม่ว่าจะอยู่สถานที่แห่งใด ต่างพากันออกมาจากสถานที่อยู่อาศัยแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า

แวบ!

เสี้ยววินาทีนั้น เงาสีดำได้กลืนกินดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ทำให้โลกทั้งใบได้ตกอยู่ในความมืดมิด นี่คือการเกิดปรากฎการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคาขึ้นพร้อมกัน อย่างไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

“ จำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ด้วยเหรอ ” เฉินจิ้นบ่นกับตัวเองเบาๆ ทำให้หลายคนพยักหน้าตามโดยไม่รู้ตัว

“ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่จุติลงมาไม่ใช่เทพธรรมดายังไงล่ะ พวกนายลองดูเครื่องเซ่นสังเวยพวกนั้นสิ มีทั้งสิ่งมีชีวิตนับพันและแร่โลหะล้ำค่าจำนวนมหาศาล มูลค่าของมันไม่อาจตีค่าเป็นเงินได้เลย ” คำพูดของคังหลินทำให้ทุกคนหันกลับมาสนใจที่จอภาพอีกครั้ง

“ กำลังจะมาแล้วล่ะ ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเรา ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด จ้องมองไปที่จอภาพตาไม่กระพริบ

ในเวลาเดียวกัน ณ ประเทศไอซ์แลนด์

หลังจากที่เครื่องเซ่นสังเวยสลายไป วิหารบูชาเทพบนยอดเขาสูงเสียดฟ้า ก็ได้เปล่งแสงสว่างอันเจิดจ้าออกมา ทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันคุกเข่ากราบกรานด้วยความเคารพ

บูมม!

วิหารบูชาเทพระเบิดคลื่นพลังอันมหาศาลออกมา เกิดเป็นเสาลำแสงสีทองขนาดใหญ่พุ่งทะลวงท้องฟ้าขับไล่ความมืดทั้งปวง ทำให้แสงสว่างกลับคืนสู่โลกอีกครั้ง

หลังจากนั้นประตูแดนสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าไกล พร้อมกับเสียงแตรเขาสัตว์ที่ถูกใช้ในสงครามดังสะท้อนไปทั่ว

ปู้นนนนน!

เมื่อเสียงแตรหยุดลง หญิงสาวสิบสามคน สวมหมวกมีปีกและชุดเกราะสีทองสง่างามควบม้าเพกาซัสพุ่งทะยานออกมาจากประตูสวรรค์อย่างดุดัน

ครืนนน!

ความกดดันที่พวกเธอแต่ละคนปลดปล่อยออกมา ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง สิ่งมีชีวิตจำนวนมากตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว นี่คือแสนยานุภาพของกองกำลังวัลคีรี่ผู้รับใช้มหาเทพ

จนกระทั่ง เมื่อวัลคีรี่ทั้งสิบสามคนบินกลับมาที่ด้านหน้าประตูสวรรค์ แล้วตั้งขบวนต้อนรับอย่างเป็นระเบียบ

ชายชราตาเดียวผมขาวก็ก้าวเท้าออกมาอย่างช้าๆ เขาสวมชุดเกราะสงครามสีทอง พร้อมกับคาดผ้าคลุมสีแดงที่ปลิวไสวไปตามแรงลมดูสง่างาม

จอมราชันแห่งทวยเทพโอดิน ผู้ปกครองอาณาจักรเทวะตำนาน ขุมกำลังอันดับสองแห่งศิลาเกียรติยศ พร้อมสิบสามวัลคีรี่คู่ใจ

ศัตรูที่แข่งแกร่งที่สุดของจ้าวเทียน ได้จุติลงมายังโลกมนุษย์เรียบร้อยแล้ว…

ทางด้านจ้าวเทียนที่กำลังดูการถ่ายทอดสดอยู่กับทุกคน เสี้ยววินาทีที่เขาเห็นหน้าชายชราผมขาวคนนี้ นัยน์ตาของเขาก็หดเล็กลงทันที

‘ ตอนที่ได้ยินจากท่านอาจารย์ ฉันก็ยังไม่แน่ใจนัก ว่าแกจะยอมเสียเวลาจุติร่างแยกลงมาในโลกมนุษย์จริงๆหรือเปล่า แต่ตอนนี้… ’

ในอนาคตที่จ้าวเทียนจากมา ราชันเทพโอดินก็คืออาจารย์ของโม่ปิงหยู และเป็นผู้ที่หลอมกลั่นดวงวิญญาณของเธอเพื่อสร้างเป็นเม็ดยาโอสถจักรพรรดิ จนทำให้เขาได้ขึ้นเป็นมหาเทพในที่สุด

เพราะความแค้นในเรื่องนี้ จึงเป็นแรงผลักดันให้จ้าวเทียนสามารถยกระดับตนเองจนโค่นล้มราชันเทพโอดินและขึ้นแทนที่ได้ในเวลาต่อมา แต่นั่นก็เป็นเรื่องอีกสองหมื่นปีให้หลัง

ส่วนตอนนี้…ในเมื่อมีโอกาสได้พบกับศัตรูเก่าทั้งที เขาก็จะขอจัดการอีกฝ่ายให้สิ้นซากไปเลยก็แล้วกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมในอนาคต

‘ คราวนี้แหละ…ฉันจะต้องปกป้องปิงหยูเอาไว้ให้ได้ ’

ในขณะที่จ้าวเทียนกำลังดูการถ่ายทอดสดพิธีจุติเทพ พร้อมกับวางแผนจัดการศัตรูในใจ ทันใดนั้นหลินซูซินในร่างตุ๊กตาหมีก็สลัดหลุดออกไปจากมือจ้าวเทียน แล้วพุ่งทะยานออกไปด้านนอก

ฮูมมม!

เปลวไฟสีฟ้าได้หมุนวนอย่างรุนแรง เกิดเป็นพายุเปลวเพลิงแล้วระเบิดออก ปรากฏเป็นตุ๊กตาหมียักษ์สูงเกือบร้อยเมตร มันมีกรงเล็บอันแหลมคมและดวงตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าลุกโชติช่วง

“ ชื่อของข้างั้นรึ…เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา ขอเพียงในบรรดาพวกเจ้าทุกคน มีใครรับเกาทัณฑ์ของข้าได้สามดอก ข้าก็จะบอกชื่อให้ได้รู้เอง ”

!!

“ ผู้อาวุโส…นี่คุณ ” หลินซูซินเริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว อุตส่าห์ยอมถอยให้ก้าวหนึ่ง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ไว้หน้าเธอเลย

“ หากต้องการทราบนามของข้า พวกเจ้าก็ต้องพิสูจน์ตนเองด้วย ว่ามีคุณสมบัติพอหรือเปล่า ” ชายคนนั้นพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา มือที่กำคันศรยกขึ้นมาควงเล่น เหมือนต้องการหยอกล้อฝ่ายตรงข้าม

“ น่าสนใจดีนี่…ถ้าอย่างนั้นก็ให้ฉันทดสอบดูหน่อยก็แล้วกัน ” จ้าวเทียนปรากฏตัวขึ้นขวางหน้าหลินซูซินไว้

เขารู้ดีว่าจุดอ่อนของศิษย์พี่หญิงอยู่ที่การป้องกัน เพราะเธอเป็นร่างวิญญาณไม่มีกายเนื้อ ย่อมไม่อาจต่อกรกับการโจมตีที่รุนแรงจนถึงขีดสุดได้

“ เจ้างั้นรึ… ” ชายคนนั้นมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย เพราะตอนแรกที่เขาเล็งเกาทัณฑ์ใส่หลินซูซิน ก็เพราะประเมินแล้วว่าเธอเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด

‘ หืม…ป้ายนั่น หรือชายคนนี้จะเป็นศิษย์หลักของซินเยว่อีกคน ’

เมื่อเห็นแผ่นป้ายดาราสวรรค์ที่ห้อยอยู่ข้างเอวของจ้าวเทียน เขาก็พยักหน้าเบาๆแล้วส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายตามขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อเปลี่ยนสถานที่ต่อสู้

“ ศิษย์น้องระวังตัวด้วย ชายคนนี้น่ากลัวมาก ตอนที่ถูกเขาเล็งเกาทัณฑ์ใส่ ฉันก็สัมผัสได้ถึงห้วงเวลาแห่งความเป็นความตายทันที เหมือนตอนเผชิญหน้ากับเต๋าแห่งสวรรค์ไม่มีผิด ”

“ ขอบคุณที่ศิษย์พี่เป็นห่วง ฉันจะระวังตัว ” พูดจบจ้าวเทียนก็ฝ่ามิติขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที ในใจเขาพอจะคาดเดาตัวตนของฝ่ายตรงข้ามออกแล้ว

เพียงแต่ยังไม่มั่นใจเท่านั้น ว่าจะใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า เพราะการที่คนผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่มันจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นตระหนกเกินไปแล้ว

“ เทพเกาทัณฑ์ดับเก้าสุริยัน โฮ่วอี้…หนึ่งในเก้าจักรพรรดิเทพแห่งแดนสวรรค์บรรพกาล ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน