จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 393

มูลค่าของผลไม้แห่งเต๋านั้นทุกคนต่างรู้ซึ้งดี แม้แต่พวกลี่เหยาเหยาที่เพิ่งเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกตน ก็ยังสามารถจดจำรายชื่อสิบสุดยอดสมบัติล้ำค่าแห่งจักรวาลได้อย่างแม่นยำ เพราะนี่ถือเป็นเป้าหมายของผู้ฝึกตนทุกคน

“ ท่านพ่อ…ของล้ำค่าขนาดนี้มอบให้ข้าจะดีหรือ ” หลินซินเยว่มองผลไม้สีทองตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก ทั้งตื่นเต้นดีใจและสับสน

ขอบเขตจักรพรรดิเทพ เป็นความใฝ่ฝันของเธอตั้งแต่เข้าสู่เส้นทางของการบ่มเพาะ แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ ก็ไม่อาจก้าวผ่านกำแพงอันสูงชันนั้นไปได้ จนผ่านไปแล้วเจ็ดหมื่นปี เธอก็ยังติดอยู่ที่เทพโลกาขั้นเก้าเหมือนเดิม

สุดท้ายเธอจึงเลือกที่จะยอมแพ้ แล้วฝากความหวังเอาไว้ที่ศิษย์รักทั้งสี่คนแทน อย่างน้อยถ้ามีหนึ่งในพวกเขา สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดนี้ไปได้ ต่อให้เธอต้องตายเพื่อพวกเขา ก็จะตายอย่างยินยอมพร้อมใจ

แต่ทว่า

ในตอนนี้…เมื่อหลินซินเยว่จ้องมองไปยังผลไม้สีทองที่อยู่ตรงหน้า มันก็ทำให้เปลวเพลิงแห่งความหวังของเธอที่เคยมอดดับไปแล้วลุกโชนขึ้นอีกครั้ง

“ จงรับมันไปเถอะ…แท้จริงแล้วพรสวรรค์ของเจ้านั้นเหนือกว่ายอดอัจฉริยะคนอื่นในรุ่นเดียวกันมาก มันเป็นความผิดของข้าเอง ที่นำเจ้าไปฝากฝังไว้กับสำนักดาราสวรรค์ เพราะเห็นเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ”

“ ด้วยความสามารถของเจ้า หากไปอยู่ในสำนักชั้นยอดอื่นๆ คงบรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพไปนานแล้ว ” โฮ่วอี้พูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิด

ในตอนนั้นเขาเห็นว่าสำนักดาราสวรรค์มีค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดป้องกันอยู่ จึงคิดจะนำหลินซินเยว่ไปฝากไว้ชั่วคราว หลังจากจัดการศัตรูเรียบร้อย ค่อยกลับไปรับเธอภายหลัง

นึกไม่ถึง ว่าตนเองจะถูกผนึกไว้ในมิติโกลาหลถึงเจ็ดหมื่นปี ทำให้หลินซินเยว่ต้องต่อสู้ดิ้นรนอยู่ในสำนักดาราสวรรค์ด้วยตนเอง

ถ้าให้พูดกันตามตรง การที่หลินซินเยว่อาศัยทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด ผลักดันตนเองขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ ก็นับว่าเหนือความคาดหมายของโฮ่วอี้มากแล้ว

ในขณะที่หลินซินเยว่กำลังจะเอื้อมมือไปคว้าผลไม้สีทองที่อยู่ตรงหน้า ภาพของจ้าวเทียนก็ผุดขึ้นมาในความคิด เขาเป็นศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเธอ หากมอบผลไม้แห่งเต๋าให้เขา มันจะคุ้มค่ากว่าให้เธอใช้เองแน่นอน

ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรืออนาคต หลินซินเยว่ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เธอจะมอบสิ่งดีๆให้ลูกศิษย์ก่อนเสมอ บางทีนี่อาจเป็นปมหลังฝังใจในอดีต ที่ตัวเธอถูกทอดทิ้งไว้ในสำนักเพียงลำพัง ขาดความรักจากบิดามารดา

จึงเป็นเหตุผลที่ ตัวเธอให้ความรักกับศิษย์หลักทั้งสี่เสมือนเป็นบุตรแท้ๆของเธอเอง

“ ท่านพ่อ…ผลไม้แห่งเต๋าลูกนี้มอบให้จ้าวเทียนเถอะ ”

!!

“ ซินเยว่…นี่เจ้า ” โฮ่วอี้ยอมรับว่าในบรรดาทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ พรสวรรค์ของจ้าวเทียนนั้นสูงที่สุด ดูจากความเร็วในการฝึกฝนของเขาแล้ว หากได้รับผลไม้แห่งเต๋าไป ไม่เกินร้อยปีคงสามารถใช้มัน บรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพได้แน่นอน

แต่ทว่า ความตั้งใจเดิมของเขาก็คือการมอบมันให้กับบุตรสาว ไม่ใช้ศิษย์ของเธอ ทำให้เกิดความคิดขัดแย้งกันเอง

‘ ซินเยว่เป็นคนที่เมื่อตัดสินใจไปแล้ว ก็จะไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ ต่อให้ข้าใช้กำลังบังคับเธอ สุดท้ายก็คงแอบมอบผลไม้แห่งเต๋าให้จ้าวเทียนอยู่ดี ’

ในขณะที่โฮ่วอี้ไม่รู้จะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร จ้าวเทียนก็ได้โค้งคำนับไปที่หลินซินเยว่แล้วพูดขึ้น

“ ขุมกำลังในปัจจุบันของพวกเราเพียงอย่างเดียวยังไม่พอ ต่อให้รวมโลกทิพย์แห่งแสงไปด้วย ก็คงไม่อาจต่อกรกับสามสำนักชั้นยอดและสำนักระดับสูงอื่นๆพร้อมกัน ”

“ ฉันรู้ว่าท่านอาจารย์มีความปรารถนาดีต่อตัวฉัน แต่ด้วยสถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้ คงมัวรอช้าไม่ได้แล้ว มีเพียงต้องให้ท่านอาจารย์บรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพ ถึงจะสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ ”

“ ใช่แล้วซินเยว่…หากขาดซึ่งความแข็งแกร่งที่แท้จริง ต่อให้พวกเจ้าเตรียมการไว้ดีแค่ไหน สุดท้ายเมื่อศัตรูลงมือโดยไม่สนกฎเกณฑ์ใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่รอพวกเจ้าอยู่ก็มีเพียงความตายเท่านั้น ”

“ จงอย่าลืม ว่าตัวข้าในตอนนี้เป็นเพียงร่างอวตารที่มีพลังอยู่ในขอบเขตเทพโลกาขั้นต้น ทั้งยังต้องผนึกพลังตัวเองไว้เก้าส่วนให้อยู่ในข้อจำกัดของโลกใบนี้ ขอเพียงวานรเทพสามตาส่งร่างแยกที่แข็งแกร่งลงมา ข้าก็ไม่อาจปกป้องพวกเจ้าได้แล้ว ” โฮ่วอี้พูดเสริมขึ้นด้วยเหตุผล

ซึ่งเมื่อหลินซินเยว่ลองคิดทบทวนดู ก็เห็นเป็นจริงตามที่อีกฝ่ายว่ามา เธอจึงยอมรับเอาผลไม้แห่งเต๋าไว้ แล้วพูดขึ้นทันที

“ จ้าวเทียน เรื่องเจรจากับพวกเทพมังกรพรุ่งนี้คงต้องพึ่งเธอแล้ว อาจารย์จะกลับสำนักตอนนี้เลย เพื่อเตรียมตัวใช้ผลไม้แห่งเต๋าให้เร็วที่สุด ”

จ้าวเทียนที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ารับอย่างจริงจัง เพราะรู้ดีว่าต่อให้มีตัวช่วยอย่างผลไม้แห่งเต๋า แต่การจะบรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในยามที่มหาเทพองค์ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่

การคัดเลือกผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ จึงมีข้อจำกัดมากมายและไม่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงเป็นอย่างยิ่ง นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่ได้ถ่ายทอดมันให้กับหลินซินเยว่

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง

หลังจากลองให้ทุกคนได้เข้ามาแนะนำตัวและพูดคุยกับโฮ่วอี้แล้ว จ้าวเทียนก็พบว่าอีกฝ่ายเป็นคนอัธยาศัยดีกว่าที่คิด ถึงแม้จะดูเงียบขรึมเย็นชาอยู่บ้าง แต่ท่าทีและการแสดงออกล้วนเต็มไปด้วยความจริงใจ

แม้แต่ในตอนที่โม่ปิงหยู หลุดปากถามเรื่องส่วนตัวออกไปโดยไม่ตั้งใจเขาก็ไม่ได้โกรธ เพียงแค่หัวเราะกลบเกลื่อนแล้วลูบหัวเธออย่างเอ็นดูเท่านั้น

“ หลังจากนี้ อาจารย์ปู่จะอยู่บนโลกมนุษย์กับพวกเราอีกนานแค่ไหนเหรอคะ ” ลี่เหยาเหยาถามขึ้นด้วยความคาดหวัง

จากสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเธอ ตัวตนของโฮ่วอี้เป็นสิ่งจำเป็นมาก ศัตรูที่จุติลงมาจากแดนสวรรค์มีผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกับเจ้าตำหนักเทวะรุ่นแรกมากมาย จ้าวเทียนกับกงเสี่ยวเหมย และศิษย์พี่หญิงแค่สามคน รับมือไม่ไหวแน่นอน

“ นานแค่ไหนงั้นรึ ก็คงจนกว่าข้าจะหาวิธีทำลายผนึกเขตแดนที่มิติโกลาหลได้นั่นแหละ ” โฮ่วอี้ตอบออกมา พร้อมกับยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นทุกคนพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังกังวลเรื่องใดอยู่ เอาแบบนี้แล้วกัน ในเมื่อพวกเราเองก็กลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ข้าจะมอบหนทางที่จะแข็งแกร่งขึ้นให้กับพวกเจ้าเอง ”

แวบ!

ผลึกทรงกลมสีดำขนาดเท่าผลลำไยสามลูก ปรากฏขึ้นตรงหน้าลี่เหยาเหยา โม่ซินหนานและโม่ปิงหยู

“ ในตอนที่หลบหนีออกมา ข้าได้เผชิญหน้ากับเทพโลกาขั้นเก้าสามคนที่มีหน้าที่เฝ้าเขตแดนผนึก ซึ่งหลังจากที่สังหารศัตรูแล้ว ข้าก็ได้ใช้เคล็ดวิชาลับช่วงชิงโลกภายในของพวกมันมาด้วย ” โฮ่วอี้พูดขึ้นด้วยท่าทางไม่ใส่ใจนัก

เหมือนกับการสังหารเทพโลกาขั้นเก้าสามคนพร้อมกัน ด้วยร่างอวตารที่มีพลังเพียงเทพโลกาขั้นต้นถือเป็นเรื่องปกติ

“ จงรับไปเถอะ…แล้วใช้มันสร้างโลกภายในของพวกเจ้าเอง ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน