จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 394

เวลาประมาณสี่ทุ่ม จ้าวเทียนกำลังเดินอยู่ภายในอาคารที่เต็มไปด้วยยามรักษาการมากมาย ทั้งที่เปิดเผยให้เห็นและอำพรางตัวอยู่ในความมืด มาตรการป้องกันในระดับนี้เหนือกว่าบ้านพักของท่านประธานาธิบดีเสียอีก

“ ผู้บัญชาการจ้าว มาเยี่ยมผู้อาวุโสต้วนมู่เหรอครับ ” ชายชุดดำคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความแปลกใจ เพราะเวลานี้มันก็ดึกมากแล้ว หากเป็นในโรงพยาบาลปกติคงไม่ยอมให้คนนอกเข้ามาแน่นอน

“ นาย คือหลงซานหู่สินะ ” จ้าวเทียนอดรู้สึกตกใจไม่ได้ ที่เห็นระดับหัวหน้ากองกำลังซิงหลงมายืนเฝ้ายามด้วยตัวเอง

“ เปิดประตูให้ทีสิ ฉันธุระสำคัญต้องพูดคุยกับผู้อาวุโสต้วนมู่ ”

“ ตกลงครับ ผู้บัญชาการจ้าวโปรดรอสักครู่ ” หลงซานหู่รีบทำคำสั่ง เพราะอย่างไรในอนาคตข้างหน้าอีกฝ่ายก็จะกลายเป็นหัวหน้าสูงสุดของตน

ครืนนน!

หลังจากสแกนม่านตาและตรวจสอบลายนิ้วมือแล้ว ประตูกระจกกันกระสุนก็เลื่อนเปิดออก จ้าวเทียนที่เห็นแบบนั้นก็รีบเดินเข้าไปด้านในทันที

“ เธอมาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ ” ต้วนมู่เฉียนพูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ สีหน้าเขาดูดีกว่าที่จ้าวเทียนเห็นเมื่อตอนกลางวันมาก

และแน่นอนว่าข้างกายของต้วนมู่เฉียนก็ต้องมีเสี่ยวชิงอยู่ด้วย เธอกำลังนั่งปอกแอปเปิ้ลให้เขากินอย่างมีความสุข บางทีนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม

“ ผู้อาวุโสควรจะพักผ่อนสักหน่อยนะครับ ยังไงร่างกายของคุณก็ยังไม่หายดี ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง เขาปฏิเสธจานแอปเปิ้ลที่เสี่ยวชิงยื่นให้อย่างสุภาพ แล้วนั่งลงที่โซฟาด้านข้าง

“ ฉันนอนมาพอแล้วล่ะ…หากยังนอนมากไปกว่านี้ เดี๋ยวจะไม่ยอมตื่นเอา ” พูดจบต้วนมู่เฉียนก็หัวเราะออกมาเบาๆอย่างผ่อนคลาย แตกต่างกับจ้าวเทียนที่มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

“ ผู้อาวุโส นี่คุณรู้… ”

“ ฉันก็ต้องรู้อยู่แล้ว ต่อให้โซเฟียไม่บอก แต่เรื่องที่เกี่ยวกับร่างกายของตัวเองฉันจะไม่รู้ได้อย่างไร ” ต้วนมู่เฉียนจ้องมองไปทางจ้าวเทียนด้วยแววตาจริงจัง จากนั้นก็พูดขึ้นต่อ

.

“ เธอบอกมาตามตรงเถอะ ฉันยังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ ”

!!

ตอนนี้ไม่ใช่แค่ต้วนมู่เฉียน เสี่ยวชิงเองก็จ้องมองมาที่จ้าวเทียนเช่นกัน ทำให้ตัวเขารู้สึกอึดอัดมาก แต่สุดท้ายเขาก็เลือกบอกความจริงออกไป

“ เจ็ดวัน ครับ ”

เพล้ง!

จานผลไม้ในมือของเสี่ยวชิงแตกกระจายเป็นชิ้นๆ ร่างของเธอสั่นสะท้านอย่างรุนแรง จนต้วนมู่เฉียนที่อยู่ด้านข้างต้องกุมมือเธอเอาไว้เพื่อปลอบโยน

เวลาที่จะได้อยู่ร่วมกันเพียงแค่เจ็ดวัน…สำหรับคู่รักที่ต้องพลัดพรากจากกันถึงสามร้อยปี ถือว่าน้อยจนน่าใจหาย

“ เฉียนเกอ ให้ฉันทำพันธสัญญาชีวิตกับคุณเถอะ ” เสี่ยวชิงพูดขึ้นด้วยแววตาอ้อนวอน เธอไม่อยากแยกจากเขาอีกต่อไป หากอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ตายไปพร้อมกันเลยก็แล้วกัน

“ ทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนธรรมดาแล้ว ต่อให้ทำพันธสัญญาชีวิตกับเธอ ก็ยืดเวลาไปได้อีกเพียงไม่กี่วัน ”

“ ชิงเออร์ ถึงแม้เธอจะล้มเหลวในการกลายร่างเป็นมังกร แต่ก็ยังมีอายุขัยเหลืออีกหลายร้อยปี อย่าต้องมาสูญเสียมันไปเพราะคนใกล้ตายอย่างฉันเลย ” ต้วนมู่เฉียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาได้ทบทวนเรื่องนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนจะทลายนภาเสียอีก

“ ไม่…หากคุณตายฉันก็จะตายด้วย ถ้าไม่มีคุณ ต่อให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายร้อยปี มันก็ไม่มีความหมาย ” เสี่ยวชิงยืนกรานเสียงแข็ง

ก่อนหน้านี้เธอยอมแม้กระทั่งเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อที่จะได้ช่วยชีวิตคนรัก พอมาถึงตอนนี้จะให้เธอยอมตัดใจ แล้วปล่อยให้เขาตายได้ย่างไร

“ ชิงเออร์ ลองคิดถึงไป๋ซู่เจินและพี่น้องในสมาพันธ์ปีศาจสาวของเธอดู ทุกคนจะเศร้าใจแค่ไหนถ้าต้องเสียเธอไป เชื่อฉันเถอะ เธอจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปนะ” ต้วนมู่เฉียนพยายามใช้เหตุผลต่างๆนาๆเพื่อเปลี่ยนความตั้งใจของอีกฝ่าย

แต่ทว่า…มันกลับไม่ได้ผลแม้แต่น้อย เสี่ยวชิงไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งสิ้น เธอต้องการจะทำพันธสัญญาชีวิตกับเขาเพียงอย่างเดียว ต่อให้ต้องใช้กำลังบังคับก็ตาม

คลื่นพลังของเสี่ยวชิง ได้ถูกเคล็ดวิชากายาอมตะของจ้าวเทียนทำลายไปในพริบตา อีกทั้งเขายังใช้เขตแดนควบคุมไม่ให้เกิดผลกระทบกับสิ่งต่างๆรอบตัว

“ ปีศาจงูน้อย เจ้าต้องหัดควบคุมอารมณ์บ้างนะ ” โฮ่วอี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพียงแค่เขาสะบัดมือเบาๆ ร่างของเสี่ยวชิงก็ถูกผนึกเอาไว้ในช่องว่างมิติ โดยที่เธอไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่น้อย

“ อาจารย์ปู่ ได้โปรดยั้งมือด้วย ” จ้าวเทียนรีบพูดออกไปทันที แท้จริงแล้วเหตุผลที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อให้โฮ่วอี้มาดูอาการของต้วนมู่เฉียน แต่ก็ดันเกิดเรื่องขึ้นมาเสียก่อน

“ ข้าแค่ทำให้นางสงบลงเท่านั้น เจ้าไม่ต้องกังวล ” พูดจบโฮ่วอี้ก็เดินไปอยู่ตรงหน้าต้วนมู่เฉียน พร้อมทั้งตรวจสอบร่างกายเขาอย่างละเอียด

ส่วนทางด้านต้วนมู่เฉียนกับเสี่ยวชิงนั้น พวกเขาแทบจะหยุดหายใจไปตั้งแต่ที่ได้ยินจ้าวเทียนเรียกชายคนนี้ว่าอาจารย์ปู่แล้ว

โดยเฉพาะเสี่ยวชิง ที่ตอนนี้กำลังนึกโทษตนเองที่ลงมือย่างวู่วาม จนไปล่วงเกินอีกฝ่ายเข้า โชคดีที่จ้าวเทียนเข้ามาขวางไว้เสียก่อน สถานการณ์จึงไม่บานปลายไปมากกว่าเดิม

‘ ถ้าจำไม่ผิด…อาจารย์ของจ้าวเทียนก็คือเทพโลกาขั้นเก้า ที่เป็นหนึ่งในเจ็ดเจ้าสำนักชั้นยอดบนแดนสวรรค์ไม่ใช่เหรอ ’

‘ การที่จ้าวเทียนเรียกอีกฝ่ายว่าอาจารย์ปู่ก็แสดงว่า… ’

เสี่ยวชิงไม่กล้าคาดเดาอีกต่อไปแล้ว เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือการส่งสายตาอ้อนวอนไปทางจ้าวเทียน ให้เขาช่วยคลี่คลายสถานการณ์

ในเวลาเดียวกัน

ทางฝ่ายโฮ่วอี้ที่รับรู้ปัญหาทุกอย่างของต้วนมู่เฉียนแล้ว ตอนนี้เขากำลังตรวจสอบก้อนผลึกสีดำที่อยู่ในดวงวิญญาณอีกฝ่ายอยู่

‘ นี่คือ…เศษเสี้ยวพลังของมหาเทพผานกู่ ที่ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตล้วนแต่มีไว้ในครอบครองงั้นเหรอ ไม่นึกเลยว่าบนโลกระดับต่ำจะมีของแบบนี้อยู่ด้วย ช่างน่าตกใจจริงๆที่มนุษย์ธรรมดากลับทำให้มันยอมรับได้ ’

‘ นอกจากนี้ หลังจากที่ข้าได้ตรวจสอบความทรงจำของชายที่ชื่อต้วนมู่เฉียนดู ก็พบว่าทั้งนิสัยใจคอและความประพฤติของเขา คล้ายกับตัวข้าในสมัยก่อนเป็นอย่างมาก ทั้งยังเข้ากันได้ดีกับแก่นแท้สังหารอีกด้วย ’

ยิ่งเวลาผ่านไป รอยยิ้มของโฮ่วอี้ก็ปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกถูกชะตากับชายชราใกล้ตายคนนี้มาก ส่วนเรื่องอายุขัยของอีกฝ่ายนั้น เขาไม่เก็บมาคิดแม้แต่น้อย

‘ ข้าตัดสินใจแล้ว…ชายคนนี้นี่แหละที่เหมาะจะเป็นผู้สืบทอดของข้า ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน