จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 419

ตอนนี้การถ่ายทอดสด ของจ้าวเทียนในอวกาศผ่านดาวเทียมสื่อสารได้จบลงไปแล้ว อาณาเขตหนึ่งพันกิโลเมตรรอบตัวเขา ได้ถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยม่านพลังสีทอง เพื่อตัดขาดการเชื่อมต่อทุกอย่าง ไม่ให้มีผู้ใดมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านใน

ครืนนน!

หลินซินเยว่กำลังใช้ฝ่ามือทั้งสองข้าง ถ่ายทอดพลังไปยังดวงแสงสีทองขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าอย่างเคร่งเครียด หากไม่ใช่เตรียมการป้องกันเอาไว้ก่อน แค่เพียงรังสีความร้อนที่ดวงแสงปลดปล่อยออกมา ก็สามารถเผาไหม้ชั้นบรรยากาศของโลกเป็นจุล

อุณหภูมิของมัน เทียบเท่ากับแกนกลางของดวงอาทิตย์เลยทีเดียว

“ อดทนเอาไว้ โลกภายในของเจ้าแข็งแกร่งมาก ข้าจำเป็นต้องเพิ่มพลังอีกสามส่วนเพื่อให้มันหลอมรวมกับแก่นแท้ดวงตะวันและเศษเสี้ยวพลังของผานกู่อย่างสมบูรณ์ ” หลินซินเยว่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

สายตาของเธอจับจ้องไปที่เงาร่างอันเลือนรางของจ้าวเทียน แล้วค่อยๆเพิ่มพลังเข้าไปทีละน้อยอย่างช้าๆ ขั้นตอนนี้จะผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด

กรอดด!

จ้าวเทียนกัดฟันเอาไว้แน่น พยายามไม่ให้เสียงร้องของตนเล็ดลอดออกมา แม้แต่ร่างหยางบริสุทธิ์ของเขาก็ไม่อาจต้านทานความร้อนขนาดนี้ไหว

วูป!

ตอนนี้จ้าวเทียนเข้าใจความรู้สึกของเม็ดยาโอสถที่ถูกหลอมในเตาเผาแล้ว เพราะไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ผิวหนังทั่วทั้งตัวของเขาได้มอดไหม้เป็นจุล แล้วก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในพริบตา รวมไปถึงกล้ามเนื้อ กระดูก และอวัยวะทุกส่วนในร่างกายก็เป็นเช่นเดียวกัน

ขั้นตอนนี้เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีช่องว่างให้พักหายใจ ทั้งยังไม่อาจหยุดลงกลางคันได้ เหมือนกับต้องการเคี่ยวกรำดวงวิญญาณของเขาให้ดับสูญไปไม่มีผิด

‘ ฉันจะยอมแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นความพยายามทั้งหมดของท่านอาจารย์จะต้องสูญเปล่า ’

แต่ละวินาทีที่ผ่านพ้น เหมือนยาวนานนับปีสำหรับจ้าวเทียน ขณะนั้นเอง เขาก็รู้สึกว่าผลึกสีดำที่อยู่ในจิตวิญญาณค่อยๆแตกสลายเป็นอนุภาคขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วถูกดึงดูดเข้าไปยังโลกภายใน

มันเริ่มพุ่งเข้าไปเกาะตัว อยู่ตรงพื้นผิวรอบนอกของแก่นแท้ดวงตะวัน ก่อนจะหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว

ตูมมมมม!

ดวงแสงสีทองระเบิดตัวออกมาอย่างรุนแรง คลื่นพลังทำลายล้างที่กวาดออกไปโดยรอบทำให้ม่านพลังป้องกันของหลินซินเยว่แตกร้าวเล็กน้อย ก่อนจะสมานตัวเข้าด้วยกันอีกครั้ง

‘ สมกับเป็นพลังที่มหาเทพผานกู่ทิ้งเอาไว้ ถึงแม้จ้าวเทียนจะอยู่ในระดับครึ่งก้าวเซียนนภาเหมือนเดิม แต่พลังที่เขาปะทุออกมาเมื่อครู่ เหนือยิ่งกว่าเทพโลกาขั้นแรกเสียอีก ’

หลินซินเยว่ยิ้มขึ้นด้วยความยินดี ถึงแม้บนแดนสวรรค์อันกว้างใหญ่จะมียอดอัจฉริยะที่สามารถต่อสู้ข้ามขอบเขตได้ แต่เธอก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครคนไหนต่อสู้ข้ามได้ถึงสองระดับใหญ่มาก่อน

หากให้เปรียบเทียบง่ายๆ ความแข็งแกร่งของเซียนนภานั้นจะเท่ากับขอบเขตแดนเทพ หลังจากนั้นก็จะเป็นขุนพลเทพ และแม่ทัพเทพ จนกระทั่งสามารถสร้างโลกภายใน เพื่อทลายขอบเขตกลายเป็นเทพโลกาในที่สุด

แต่ทว่า จ้าวเทียนตอนนี้ยังไม่บรรลุขอบเขตเซียนนภาเลยด้วยซ้ำ ความแข็งแกร่งของเขากลับอยู่ในระดับเดียวกับเทพโลกาขั้นสองไปเรียบร้อยแล้ว

หากเรื่องนี้เปิดเผยออกไป เชื่อเลยว่าแดนสวรรค์ทั้งหมดจะต้องสั่นสะเทือนแน่นอน ยอดอัจฉริยะแห่งขุมกำลังชั้นยอดคนอื่นๆ จะต้องเงยหน้ามองดูเขาด้วยความอิจฉาริษยา

วูป!

พลังงานที่ปะทุออกมา ได้ถูกจ้าวเทียนดูดกลืนกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมันได้เติมเต็มโลกภายในของเขาในที่สุด

ขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภาขั้นสมบูรณ์!

ขอเพียงให้เวลาจ้าวเทียนได้เตรียมตัวสักเล็กน้อย ก็ย่อมสามารถทลายขอบเขตเซียนนภาได้ทุกเมื่อ เช่นเดียวกับที่หลินซูซินกับต้วนมู่เฉียนเคยทำในอดีต

‘ ทั้งศิษย์พี่หญิงและผู้อาวุโสต้วนมู่ ต้องใช้เวลาเกือบสามร้อยปีจึงจะมาถึงจุดนี้ แต่ตัวฉันเพิ่งเริ่มต้นฝึกฝนใหม่ได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น ’

ต้องขอบคุณเคล็ดวิชาหมื่นตะวันที่ทำให้เขาสร้างรากฐานได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงโชคชะตาที่นำพาให้เขาไปพบกับลี่เหยาเหยา

เพราะในวันนั้น ถ้าเขาไม่ได้ไปส่งน้องสาวที่โรงเรียน ก็คงไม่ได้ช่วยเหลือลี่เหยาเหยาและสานสัมพันธ์กับเธอ และคงไม่มีโอกาสได้รับแก่นแท้ดวงตะวันมาจากเทพธิดาซวนเฉวียน

เมื่อคิดไปถึงเรื่องในอดีต จ้าวเทียนก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา จนกระทั่งหลินซินเยว่ได้กระแอมออกมาเบาๆ เขาถึงได้สติ

หลังจากที่ลองใช้ศาสตร์พยากรณ์ทำนายให้จ้าวเทียนดูหลายครั้ง แต่ก็ไม่อาจหาผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้ หลินซินเยว่ก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น

“ ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว หากเจ้ามีเรื่องเร่งด่วนอะไร ก็จงติดต่อข้าผ่านร่างอวตารของคังหลิน จำไว้ว่าต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นอันดับแรก ห้ามประมาทเด็ดขาด ”

“ โดยเฉพาะกับพวกโอดิน อามาเทราสุ และโอซิริส ถึงแม้พวกเราจะทำพันธสัญญาเป็นพันธมิตรต่อต้านวังสวรรค์กันแล้ว แต่มันก็มีวิธีลับมากมายที่อีกฝ่ายจะหันกลับมาแว้งกัดเอาได้ ”

จ้าวเทียนได้ยินก็พยักหน้าตามเบาๆ เขารู้ดีว่าอาจารย์เองก็รู้สึกกดดันมากเช่นเดียวกัน มหาเทพอวี่หวงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะต่อกรได้ด้วยโดยง่าย เวลาเพียงแค่สามปีนั้นมันน้อยจนเกินไป

ถ้าท่านอาจารย์สามารถเอาชนะได้ ก็จะมีศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอย่างเต๋าสวรรค์รออยู่ ในทางกลับกันหากท่านอาจารย์พ่ายแพ้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมด ก็จะสลายเป็นหมอกควัน ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีก

“ อาจารย์ ท่านจะต้องชนะอย่างแน่นอน! ”

จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความเชื่อมั่น เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขาลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง เหมือนต้องการส่งต่อความมั่นใจนี้ไปให้อาจารย์ของตน

ทำให้หลินซินเยว่หลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่ร่างของเธอจะสลายเป็นละอองแสงสีทองจางหายไป

“ ไม่ตามนางกลับไปด้วยจะดีรึ ข้ามองออกว่าจิตใจของนางไม่มั่นคงอย่างมาก อีกทั้งยังต้องมากังวลเรื่องของพวกเจ้าที่อยู่บนโลกอีก ถ้ายังเป็นอยู่แบบนี้ อย่าว่าแต่สามปีเลย ต่อให้สามสิบปีก็ไม่อาจเอาชนะมหาเทพอวี่หวงได้หรอก”

“ หากมีเจ้าอยู่ด้วยคงทำให้นางรู้สึกดีขึ้น ขอเพียงไม่ทลายขอบเขตเซียนนภา ครบสามปีเจ้าย่อมสามารถกลับมาเข้าร่วมการทดสอบได้อยู่แล้ว ”

เทพมังกรอ๋าวเฟิงปรากฏกายขึ้นด้านข้างจ้าวเทียนอย่างเงียบงัน เขาเฝ้าดูทั้งสองอยู่นานแล้ว เพียงแต่ไม่อยากขัดจังหวะการร่ำลาของศิษย์และอาจารย์คู่นี้

“ ผู้อาวุโสคิดผิดแล้ว อาจารย์ของฉันไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดที่ต้องการแรงผลักดันจากคนอื่นหรอก ” จ้าวเทียนยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ

“ ที่สำคัญ ฉันคงทิ้งโลกมนุษย์ไปตอนนี้ไม่ได้หรอก ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน