ณ ประตูสวรรค์ทิศประจิม
สถานที่แห่งนี้เป็นเขตแดนรอยต่อระหว่างวังสวรรค์กับเก้าท้องฟ้าสิบแผ่นดิน ถูกคุ้มกันด้วยกองทัพนับล้าน มีกำแพงศักดิ์สิทธิ์เป็นปราการชั้นแรก ประตูเชื่อมมิติเป็นปราการชั้นรอง ทำให้สามารถต้านทานการโจมตี จากกองกำลังที่เหนือกว่าสิบเท่าได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่า ในยุคสมัยที่จักรพรรดิเทพอวี่หวงยังคงปกครองแดนสวรรค์อยู่ ย่อมไม่มีผู้ใดสิ้นคิดถึงขนาดกล้าประกาศตัวเป็นศัตรูกับวังสวรรค์อย่างเปิดเผย นี่จึงเป็นเหตุผลที่สถานที่แห่งนี้ ห่างหายจากสงครามมาเกือบหมื่นปีแล้ว
จนกระทั่งปัจจุบัน ได้มีผู้มาเยือนที่มีความเป็นมาไม่ธรรมดาปรากฏขึ้น ทั้งยังเกิดการต่อสู้กับแม่ทัพเทพนาจาอย่างดุเดือด ท่ามกลางวงล้อมของกองทัพเทพนับล้าน ที่กำลังจ้องมองดูด้วยสายตาวิตกกังวล
“ ไปเรียกไอ้สามตาออกมา เด็กน้อยเช่นเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติกล่าววาจากับข้า ”
“ พลองทลายนภา! ”
เปรี้ยง! ตูมมม!
สิ้นเสียง กระบองสีทองขนาดยักษ์ก็ฟาดเข้าใส่หอกมังกรเพลิงของนาจาอย่างรุนแรง พริบตาที่อาวุธระดับเทพเจ้าทั้งสองปะทะกัน ก็ได้เกิดแรงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัว ที่สามารถทลายกำแพงมิติออกเป็นช่องว่างขนาดใหญ่
บูมมม!
เพียงกระบวนท่าเดียว คลื่นพลังทำลายล้างที่กวาดออกไป ได้ทำลายวงล้อมของกองทัพสวรรค์จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง
“ เห้งเจีย! ไสหัวกลับไปซะ เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับวังสวรรค์หรืออย่างไร ” นาจาตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล แม้จะรับมืออย่างฉุกละหุก แต่ก็สามารถต้านทานการโจมตีครั้งแรกของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ได้ด้วยความรัดกุม
เรื่องมันเริ่มต้นมาจาก เห้งเจียต้องการกลับไปหุบเขาฮัวกั่วซานที่อยู่ในแดนสวรรค์ แต่นาจาไม่ยินยอม เนื่องจากเขาได้รับคำสั่งมาจากมหาเทพอวี่หวงโดยตรง ว่าห้ามลิงตัวนี้ก้าวเท้าเข้ามาในแดนสวรรค์แม้แต่ก้าวเดียว
อาจเป็นเพราะ ในอดีตทั้งคู่เคยมีเรื่องผิดใจกันมาก่อน รวมไปถึงจิตใจอันบอบช้ำของนาจาที่เพิ่งจะสูญเสียบิดาไป ทำให้พูดไม่เข้าหูกันจนเกิดการต่อสู้ขึ้นอย่างที่เห็น
“ เหอะ พวกเจ้านั่นแหละที่ต้องถอย ” เห้งเจียแค่นเสียง ใช้อาวุธคู่กายรุกไล่อีกฝ่ายจนมือไม้ปั่นป่วน ไม่เปิดโอกาสให้พักหายใจแม้แต่น้อย
‘ แปลกมาก ข้าแสดงตัวอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ เอ้อหลางเสินกลับยังไม่ยอมโผล่หัวออกมาอีก ฝ่ายตรงข้ามกำลังวางแผนอะไรอยู่งั้นรึ ’
ตัวเขาคือพญาวานรผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ ซึ่งเคยประกาศตนเป็นผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า แล้วเข้าไปอาละวาดในแดนสวรรค์จนถล่มทลายมาแล้ว
ด้วยร่างกายอมตะ ไม่เกรงกลัวเปลวเพลิงและอัสนี พร้อมทั้งอาวุธระดับพระเจ้าที่เป็นเสาค้ำยันมหาสมุทรของราชันมังกรตงไห่ ที่มีความแข็งแกร่งสุดเปรียบปานจนไม่อาจทำลายได้
กระบองอันนี้สามารถยืดยาวจนสูงเสียดฟ้าหรือหดเล็กเท่าไม้จิ้มฟัน ฟาดออกไปเพียงครั้งเดียวก็สามารถบดขยี้อาวุธระดับต่ำกว่าได้สบาย ทำให้เผชิญหน้ากับกองทัพนับล้านพิชิตทุกการต่อสู้โดยไร้คู่มือเปรียบติด
บอกได้เลยว่า ภายในจักรวาลแห่งนี้นอกจากจักรพรรดิเทพและเหล่าพระโพธิสัตว์ไม่กี่องค์ มีเพียงแม่ทัพอันดับหนึ่งของวังสวรรค์ เอ้อหลางเสินผู้เดียวเท่านั้นที่ต่อกรกับเขาได้อย่างสูสี
ตูมม!ๆๆๆ
ทุกครั้งที่ถูกกระบองทองคำของเห้งเจียฟาดใส่ ร่างของนาจาก็โดนผลักดันจนเข้าไปใกล้กับกำแพงสวรรค์เรื่อยๆ แสดงให้เห็นถึงพละกำลังอันเหนือล้ำในสามภูมิของพญาวานรได้เป็นอย่างดี
“ ลิงชั่ว อย่าบีบให้ข้าต้องแลกชีวิตกับเจ้า! ”
นาจาตะโกนออกมาเสียงดัง จริงอยู่ที่ในอดีตเขาเคยพ่ายแพ้ให้อีกฝ่ายมาก่อน แต่ในช่วงเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา พลังของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นมากจึงไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะกังวลเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสรรพสิ่งโดยรอบ เขาคงต่อสู้ด้วยพลังที่แท้จริงไปแล้ว
“ ฮ่า ฮา เด็กน้อย ไหนลองแสดงให้ข้าเห็นสิ ว่าเจ้าพัฒนาขึ้นขนาดไหน หรือเจ้าจะร้องเรียกหาบิดาให้ออกมาช่วย ข้าก็ไม่เกี่ยงหรอกนะ ”
สิ้นเสียง บรรยากาศรอบตัวนาจาก็เปลี่ยนไปทันที คำพูดประโยคนี้ของเห้งเจียเหมือนไปกระตุ้นความบ้าคลั่งที่เขาพยายามสะกดเอาไว้ตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อน ในตอนที่บิดาของเขาถูกโฮ่วอี้สังหารไปต่อหน้าต่อตา
“ อ้ากกกก! ไอ้ลิงชั่ว ข้าจะสังหารเจ้า! ”
วูป! บูมมมมม!
นาจาได้ระเบิดพลังทั้งหมดออกมา เปลี่ยนเป็นร่างทิพย์เก้าตะวัน มีสามเศียรหกกรถืออาวุธหกชนิดที่แตกต่างกัน แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นเจดีย์ทองแปดชั้น อาวุธคู่กายของแม่ทัพเทพหลี่จิ้งอีกด้วย
“ หืม นี่เจ้าขโมยอาวุธของบิดามาใช้หรือ” แม้เห้งเจียจะพูดจาเยาะเย้ยออกไป แต่สายตาเขากลับจริงจังขึ้นหลายส่วน ไม่ได้ดูผ่อนคลายเช่นเดิม เพราะเคยมีความทรงจำอันเลวร้ายกับเจดีย์อันนี้มาก่อน
แวบ!
จากนั้น แสงสีทองก็ได้ปกคลุมร่างกายของเห้งเจีย เคลื่อนย้ายเขากลับไปยังแดนสุขาวดีท่ามกลางสายตาของทุกคน ทำให้ทหารเทพส่วนใหญ่พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ ไอลิงชั่ว ความอับอายในวันนี้ ข้าจะต้องตอบแทนเจ้าเป็นร้อยเท่า คอยดูไปเถอะ ” นาจาประกาศออกมาเสียงดัง ก่อนจะพาทหารทั้งหมดกลับเข้าไปด้านในกำแพงสวรรค์ดังเดิม
ผ่านไปไม่นาน สถานที่แห่งนี้ก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ เหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
โดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเลยว่า มีขนสีทองเส้นเล็กๆติดไปกับทหารนายหนึ่งด้วย มันสามารถเล็ดลอดจากการตรวจจับทุกประการ และผ่านเข้าไปในประตูแดนสวรรค์อย่างง่ายดาย
แวบ!
เมื่อทหารนายนั้นเดินผ่านไปยังที่ลับตาคน เส้นขนที่ติดอยู่บนตัวเขาก็หลุดออก เปลี่ยนเป็นแมลงตัวเล็กที่มองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น บินหายเข้าไปยังเงามืด
‘ หึหึ พวกเจ้าคิดเหรอว่าแค่นี้จะหยุดข้าได้ ’
เห้งเจียหัวเราะออกมาในใจ เขาดาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าผ่ายตรงข้ามจะต้องเชิญอาจารย์ของตนออกมาแน่นอน จึงวางแผนทิ้งร่างอวตารเอาไว้แฝงตัวอยู่ในหมู่ทหารศัตรูตั้งแต่ก่อนเริ่มการต่อสู้
‘ อืม จากที่พวกทหารพูดคุยกัน ดูเหมือนช่วงที่ข้าเก็บตัวจะมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ทั้งการถือกำเนิดของจักรพรรดิเทพองค์ใหม่ การตายของหลี่จิ้ง การปรากฏตัวของโฮ่วอี้ หรือศึกชิงตำแหน่งมหาเทพในอีกสามปีข้างหน้า ’
‘ และที่สำคัญที่สุด ก็คือเรื่องที่ขุมกำลังมากมายบนแดนสวรรค์ส่งตัวแทนลงไปยังโลกมนุษย์ เพื่อหวังครอบครองพลังของมหาเทพบรรพกาลผานกู่ ไม่แน่ว่าสาเหตุที่เอ้อหลางเสินหายตัวไป คงเป็นเพราะเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ’
หลังจากหลบเข้ามายังแดนสวรรค์ได้สำเร็จ ร่างของเห้งเจียก็เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง กลายเป็นชายชราเครายาว สวมใส่เครื่องแบบของหนึ่งในกองกำลังระดับกลาง ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คน
‘ โลกมนุษย์งั้นเหรอ ช่างน่าสนใจจริงๆ จากที่ข้าได้ยินมา ต้นเหตุของเรื่องราวทุกอย่างจะเชื่อมโยงไปยังชายที่ชื่อว่า จ้าวเทียนสินะ’
‘ ลองไปพบเขาดูหน่อยก็แล้วกัน เผื่อจะมีเรื่องอะไรสนุกๆให้ข้าทำบ้าง ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...