จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 442

ด้านนอกศาลเจ้า อั้งฮวงหลงกับพวกอีกสี่คนกำลังยืนรอการกลับมาของจ้าวเทียนอยู่ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาถูกดูถูกเหยียดยามจากกองกำลังฝ่ายญี่ปุ่นที่เฝ้าอยู่ โดยเฉพาะอาเบะโน เซฮิเดะที่พยายามใช้คำพูดยั่วยุ กระตุ้นโทสะให้เกิดการต่อสู้อย่างชัดเจน

“ ระวังคำพูดของพวกแกไว้บ้างนะ คิดจะเป็นศัตรูกับสมาพันธ์เซียนของฉันหรืออย่างไร ”

อั้งฮวงหลงตะโกนออกมาอย่างเหลืออด พร้อมปลดปล่อยความกดดันของขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภาออกมา ทำให้ซามูไรและองเมียวจิระดับต่ำหลายคนหน้าเปลี่ยนสีในทันที

“ หืม ฉันพูดผิดตรงไหนงั้นเหรอ ป่านนี้ผู้นำของพวกคุณคงตกอยู่ในกำมือองค์เทพีผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเราเรียบร้อยแล้ว มนุษย์ก็เป็นเพียงมนุษย์ จะไปต่อกรกับเทพเจ้าได้ยังไง ”

“ เพราะต่อให้จ้าวเทียนจะแข็งแกร่งขนาดไหน ก็เป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภา ซึ่งก็เทียบไม่ได้แม้แต่ชนชั้นกลางบนแดนสวรรค์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเทพโลกาขั้นเก้าระดับสูงสุดเช่นองค์เทพี ”

“ ส่วนเรื่องสมาพันธ์เซียนนั้น หากองค์เทพีต้องการจะทำลายจริงๆ แค่วันเดียว ไม่สิ แค่เพียงพริบตาเดียว เธอก็สามารถบดขยี้พวกคุณทั้งหมดจนไม่เหลือซากได้อย่างแน่นอน ” อาเบะโน เซฮิเดะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เพียงเขาโบกพัดเบาๆ ก็สลายพลังความกดดันที่อีกฝ่ายปล่อยออกมาได้ในพริบตา

“ ใช่แล้ว องค์เทพีของพวกเราไร้เทียมทาน ”

“ ในโลกนี้ ไม่มีใครต่อกรกับเทพเจ้าที่แท้จริงได้หรอก ”

“ สมาพันธ์เซียนก็แค่พวกชั้นต่ำที่ไม่รู้จักดีชั่วเท่านั้น ”

ทั้งองเมียวจิและซามูไรทุกคนพากันตะโกนขึ้นอย่างพร้อมเพียง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าต่อเทพเจ้าของตน

“ เหอะ เทพเจ้างั้นรึ ก็แค่ผู้ฝึกตนระดับสูงจากต่างมิติเท่านั้น ต่อให้นางจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่บนโลกที่มีข้อจำกัดด้านพลังแบบนี้ จะไปต่อกรกับผู้นำสมาพันธ์ของพวกเราได้อย่างไร ” หนึ่งในเซียนผู้ติดตามของอั้งฮวงหลงพูดขึ้นด้วยความโมโห เขาเองก็ทนรับการดูถูกจากฝ่ายตรงข้ามไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

“ หึหึ จริงอยู่ที่ร่างอวตารขององค์เทพีจะถูกจำกัดพลังไว้ แต่ถ้าเพิ่มเทพเจ้าที่แข็งแกร่งเข้าไปอีกหนึ่งองค์ล่ะ จ้าวเทียนจะรับมือไหวงั้นเหรอ ” อาเบะโน เซฮิเดะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ เทพเจ้าอีกองค์? หรือว่า… ” อั้งฮวงหลงหน้าเปลี่ยนสีทันที

“ ใช่แล้ว ก็เป็นอย่างที่แกคิดนั่นแหละ เทพโอซีริสเองก็อยู่ที่ด้านในศาลเจ้าด้วยเช่นกัน ไม่แน่ว่าตอนนี้จ้าวเทียนอาจถูกจัดการจนหมดสภาพ หรือกำลังคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอชีวิตอยู่ก็ได้ ”

!!

“ บัดซบ! นี่พวกแกกล้าวางกับดักพันธมิตรตนเองรึ สารเลวเอ้ย ” อั้งฮวงหลงตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล พร้อมใช้ไม้เท้าตีสุนัขกระแทกใส่ประตูหน้าศาลเจ้าอย่างรุนแรง

ตูมมม!

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น แต่ปานประตูกลับปรากฏรอยแตกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แสดงให้เห็นว่ามันถูกปกป้องไว้ด้วยเขตอาคมอันแข็งแกร่งเพียงใด

คงเป็นเรื่องยากที่จะทำลายมันเข้าไปช่วยเหลือจ้าวเทียนออกมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงศัตรูจำนวนมากที่อยู่ตรงนี้ อีกฝ่ายคงไม่ปล่อยให้พวกเขาเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ที่ด้านในแน่นอน

ในขณะที่อั้งฮวงหลงกำลังจะหาวิธีอื่นในการเข้าไป ทันใดนั้น ม่านพลังที่ปกคลุมอาณาเขตศาลจ้าวอิเสะทั้งหมดก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และเริ่มปรากฏรอยแตกร้าวขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว

เปรี้ยงงงง ตูมมมม!

เงากระบี่สีแดงฉานขนาดยักษ์พุ่งทะลวงลงมาจากบนฟ้า กระแทกเข้าใส่ใจกลางเขตอาคมป้องกันอย่างแม่นยำ ทำให้รอยแตกบนม่านพลังลุกลามออกไปอย่างต่อเนื่อง

“ การโจมนี้ หรือว่า… ” อั้งฮวงหลงเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าด้วยแววตาเคร่งเครียด จนเมื่อเห็นพวกกงเสี่ยวเหมยเป็นผู้ลงมือจริงๆ เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีคิดหนัก

‘ เห็นทีคงหลีกเลี่ยงการเกิดสงครามไม่ได้แล้วสินะ แต่ท่ามกลางวงล้อมของศัตรูแบบนี้ ฉันจะปกป้องคนอื่นๆได้อย่างไรกัน ’

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้มีพลังระดับSถึงสองคน กับซามูไรและองเมียวจินับพัน ต่อให้เป็นตัวเขาเอง แค่จะเอาชีวิตรอดยังเป็นเรื่องลำบาก อย่าว่าแต่ต้องคอยดูแลผู้อาวุโสของสมาพันธ์เซียนอีกสี่คนเลย

“ ฮ่า ฮา ในที่สุดพวกแกก็ทนไม่ไหวอย่างที่คิด การกระทำเมื่อครู่นี้ของแกถือเป็นการลบหลู่เทพเจ้าของพวกเรา ทั้งยังเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีเขตอาคมก่อนอีกด้วย ทุกอย่างที่เกิดได้ถูกกล้องสอดแนมของฉันบันทึกไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว ต่อให้สังหารพวกแกลงที่นี่ ก็จะไม่ถือว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุแน่นอน ”

อาเบะโน เซฮิเดะหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ พร้อมกับส่งสัญญาณให้องเมียวจิทุกคนปลดปล่อยพลังเสริมเขตอาคมให้แข็งแกร่งขึ้น ซ่อมแซมรอยแตกร้าวจนสมบูรณ์ในพริบตา เหมือนได้คาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้ก่อน

จากนั้น อาเบะโน เซฮิเดะ ก็เหยียบนกกระดาษบินขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมกับวาดพัดออกไปเบื้องหน้า

“ ผู้อาวุโสอั้ง พวกเราควรลงมือช่วยเหลือพวกเธอหรือไม่ ” หนึ่งในเซียนทั้งสี่ถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามดูเหมือนจะลืมการคงอยู่ของพวกเขาไปเรียบร้อย

“ ไม่จำเป็น ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเธอตอนนี้ คงรับมือฝ่ายตรงข้ามได้อีกซักพักใหญ่ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือต้องรีบทำลายเขตอาคม แล้วช่วยเหลือผู้นำสมาพันธ์ออกมาก่อนเป็นอันดับแรก ” อั้งฮวงหลงประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ พร้อมกับส่งสัญญาณให้ทุกคนเตรียมตัวโจมตีประตูศาลเจ้าพร้อมกันอีกครั้ง

แต่ทว่า

“ อย่าแม้แต่จะคิด! ”

พรึบ!

กองกำลังซามูไรห้าร้อยคนได้พุ่งทะยานออกมาจากป่ารอบๆ เข้ามาปิดล้อมพวกอั้งฮวงหลงเอาไว้ตรงกลางในพริบตา โดยมีซาคากิ เคนจิโร่ เป็นผู้นำทัพด้วยตนเอง ถึงแม้สีหน้าของเขาจะดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจนักก็ตามที

“ เคนจิโร่! ถอยไปซะ อย่าบีบให้ฉันต้องเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ขึ้นที่นี่ ” อั้งฮวงหลงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาตรวจสอบดูแล้ว พบว่าซามูไรพวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ในระดับCเท่านั้น ซึ่งเซียนขั้นสูงสุดทั้งสี่คนของตนเองสามารถจัดการได้สบายมาก

“ เหอะ ช่างเป็นคำพูดที่อวดดีจริงๆ ” ซาคากิ เคนจิโร่แค่เสียงออกมา ต่อให้เขาไม่ค่อยอยากจะลงมือเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นพวกลูกศิษย์ของตนโดนดูถูกก็ไม่สบอารมณ์เหมือนกัน

“ อวดดีงั้นรึ คิดว่ากองทัพซามูไรแค่นี้จะหยุดพวกฉันได้หรือไง ” อั้งฮวงหลงชี้ไม้เท้าตีสุนัขใส่ซาคากิ เคนจิโร่อย่างท้าทาย เพื่อยั่วยุให้อีกฝ่ายมาสู้กับตน ไม่ต้องไปสนใจคนอื่นๆ

ทันใดนั้น

“ แล้วถ้าเพิ่มพวกฉันสองคนเข้าไปด้วยล่ะ แกยังจะกล้าพูดคำเดิมอยู่อีกไหม ”

วูป

ร่างของชายสวมชุดคลุมสองคน ปรากฏขึ้นด้านข้างซาคากิ เคนจิโร่ พร้อมทั้งปลดปล่อยคลื่นพลังอันมหาศาลออกมา

ซึ่งเมื่อพวกเขาทั้งคู่ประสานพลังเข้าด้วยกัน ก็ดูแล้วจะทัดเทียมหรือเหนือกว่าอั้งฮวงหลงเสียอีก เพราะนี่คือผู้มีพลังระดับSสองคนจากประเทศอินเดีย ซึ่งมีรายชื่อติดยี่สิบอันดับแรกของโลก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน