จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 443

บนเศษซากเกาะแห่งหนึ่งที่กำลังจะจมลงไปในมหาสมุทร เหยียนซืออู่ได้ใช้ดาบคู่กายปักลงไปบนพื้น พยายามใช้เจตจำนงอันเด็ดเดี่ยวและพละกำลังเฮือกสุดท้ายของตน ฝืนพยุงร่างกายเอาไว้อย่างเต็มความสามารถ

ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสของเหยียนซืออู่ตอนนี้ อย่าว่าแต่คู่ต่อสู้เป็นระดับขอบเขตแดนเทพเลย แค่ระดับปรมาจารย์ธรรมดาสามัญ ก็สามารถใช้มือข้างเดียวเอาชนะเขาได้แบบไม่ยากเย็นด้วยซ้ำ

‘ นี่ก็ผ่านมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมกำลังเสริมของสมาพันธ์เซียนยังมาไม่ถึงอีก ’

ก่อนที่เหยียนซืออู่จะตามศัตรูเข้าช่องว่างมิติไป เขาได้กดเปิดเครื่องติดตามตัวเอาไว้ก่อนล่วงหน้า โดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันสังเกตเห็น

ซึ่งถ้าให้พูดกันตามตรง ต่อให้ไม่มีเครื่องติดตาม แต่เมื่อเกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรงถึงขนาดระเบิดเกาะไปหนึ่งเกาะ หรือพลิกคว่ำมหาสมุทรจนปั่นป่วนไปทั่ว

อีกทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดยังอยู่ติดกับพรมแดนประเทศจีนเพียงสามร้อยกิโลเมตร มันก็ต้องมีใครตรวจสอบพบบ้างไม่ใช่เหรอ

“ หึหึ เจ้านี่น่าสนใจจริงๆ เป็นแค่มนุษย์ต่ำต้อยกลับสามารถเผชิญหน้ากับผู้ติดตามของข้าได้นานขนาดนี้ หากเป็นคนอื่นคงถูกสังหารไปตั้งแต่สิบลมหายใจแรกแล้ว ” ชายหนุ่มผมทองพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม หากไม่ติดเรื่องภารกิจสำคัญ เขาอาจจะรับอีกฝ่ายเข้าสู่กองทัพวังสวรรค์เป็นกรณีพิเศษก็เป็นได้

และก็เหมือนจะอ่านใจเหยียนซืออู่ออก ชายหนุ่มผมทองจึงเริ่มพูดขึ้นต่อ

“ ดูเหมือนเจ้ากำลังรอให้คนมาช่วยอยู่สินะ น่าเสียดายที่ความหวังของเจ้าคงไม่มีวันเป็นจริง เพราะข้าได้วางเขตอาคมปิดกั้นขนาดใหญ่ไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

“ ต่อให้การต่อสู้ของพวกเราจะส่งผลกระทบขนาดไหน คนที่อยู่ภายนอกก็ไม่มีทางตรวจสอบเจอแน่นอน ดังนั้นเจ้าจงยอมรับชะตากรรมของตนเองไปเสียเถอะ”

“ นายท่าน ขอข้าหักขาของมันทั้งสองข้างได้ไหม ” ชายผิวดำที่กลับคืนรูปร่างมนุษย์แล้ว เดินเข้ามาเตะใส่ดาบของเหยียนซืออู่อย่างแรง แล้วใช้มือคว้าไปที่ศีรษะของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะร่วงไปกองบนพื้น

แกร่ก!

ดาบใหญ่ทลายภูผา อาวุธคู่กายของเหยียนซืออู่หักออกเป็นสองส่วน ทั้งยังถูกคลื่นพลังทำลายล้างที่แฝงไปในการโจมตี บดขยี้จนแตกกระจายเป็นชิ้นๆกลางอากาศ เหลือเพียงส่วนคมดาบที่ปักอยู่บนพื้นเท่านั้น

“ แก…ไอ้บัดซบ ” เหยียนซืออู่กัดฟันพูดขึ้นด้วยความโกรธ ดาบเล่มนี้บิดาของเขาเป็นผู้มอบให้ก่อนตาย และมันก็อยู่ร่วมกับเขามาเกือบสองร้อยปี ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาสูญเสียไปแบบนี้

“ ทำตามที่เจ้าต้องการได้เลย แค่อย่าปล่อยให้มันตายก็พอ ” ชายผมทองพูดออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย ทำให้ชายผิวดำฉีกยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว

ผลั่ก! อ้ากกก!

“ ช่างเป็นเสียงกรีดร้องที่ไพเราะยิ่งนัก อย่ารีบหมดสติไปเสียก่อนล่ะ ” ชายผิวดำปล่อยคลื่นหมัดใส่ขาทั้งสองข้างของเหยียนซืออู่อย่างรุนแรง จนเส้นชีพจรของเขาฉีกขาดจนหมดสิ้น กระดูกส่วนขาแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆเท่าเม็ดทราย คงเป็นเรื่องยากมากที่จะลุกขึ้นยืนด้วยกำลังของตนเองได้อีก

ตุบ!

ชายผิวดำโยนร่างของเหยียนซืออู่ทิ้งลงบนพื้นเหมือนดินเหลวกองหนึ่ง ถึงแม้จะรู้สึกชื่นชมในความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายอยู่บ้าง แต่ความหงุดหงิดและความโกรธกลับมีมากกว่าหลายเท่า จึงเลือกลงมืออย่างหนักหน่วง

‘ กล้ามาทำให้ข้าต้องอับอายต่อหน้านายท่าน แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ หากแกไม่ได้โอสถศักดิ์สิทธิ์ช่วยฟื้นฟู ก็อย่าหวังจะลุกขึ้นมาได้อีกเลย ’

“ ว่ายังไง ยอมรับสารภาพความผิดเรื่องที่ไปเข้าร่วมกับนิกายจูเซียนหรือยัง บางทีข้าอาจจะรักษาชีวิตให้เจ้าได้นะ ”

“ ฝันไปเถอะ ต่อให้ฉันต้องตายก็จะขอตายอย่างสมศักดิ์ศรี พวกแกอย่าหวังจะได้ในสิ่งที่ต้องการเลย ” เหยียนซืออู่รีบตะโกนออกมาเสียงดัง เขาไม่ยอมเป็นต้นเหตุให้ทุกคนในสำนักคุนหลุนเดือดร้อนเด็ดขาด

“ หึหึ งั้นเหรอ หมายความว่าต่อให้ข้าทรมานหลานสาวของเจ้าจนตายไปตรงนี้ ก็จะไม่เปลี่ยนใจสินะ ช่างใจแข็งสมกับเป็นผู้กล้าจริงๆ ”

!!

“ นี่แก ไอ้ชาติชั่วเอ้ย ”

เปรี้ยง!

ร่างของเหยียนซืออู่ปลิวกระเด็นไปเกือบสิบเมตร เขาถูกชายผิวดำเตะเข้าใส่ที่ใบหน้าจนฟันหักไปหลายซี่ ล้มลงหมดสติในทันที

“ เห่าฟ้า จงตัดแขนชายคนนี้ข้างหนึ่ง แล้วส่งไปยังฐานบัญชาการของจ้าวเทียน บอกให้พวกมันนำแผ่นหินโกลาหลมาแลกภายในสามวัน ไม่อย่างนั้นก็รอรับศพได้เลย ” ชายผมทองพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะหันกลับไปสนใจเด็กสาวที่นั่งตัวแข็งอยู่บนพื้นอีกครั้ง

แต่ทว่า

“ ……. ”

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา กลับกลายเป็นรูปปั้นดินไร้ชีวิต ที่มีลักษณะเหมือนกับจ้าวหยูเหมยเท่านั้น ส่วนตัวเธอได้หายไปจากสถานที่นี้เรียบร้อยแล้ว โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้สึกตัวแม้แต่น้อย

แวบ!

ดวงตาที่สามของชายผมทองเปิดขึ้นกลางหน้าผาก ตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบอย่างเคร่งเครียดอยู่ครู่นึ่ง จากนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว

เปรี้ยง!

กงเสียวเหมยใช้สันกระบี่ฟาดไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มแรง จากนั้นก็จ่อคมกระบี่ไปที่เดิมอีกครั้ง

“ ฉันไม่ยอม… ”

เปรี้ยง!

“ อย่าได้หวังไป ”

เปรี้ยง!

“ บัดซบ! ”

เปรี้ยง!

“ …….. ”

เปรี้ยง!

เปรี้ยง!

เปรี้ยง!

หลังถูกสันกระบี่ฟาดไปหลายครั้ง ตอนนี้สภาพของอาเบะโน เซฮิเดะก็ดูน่าอนาถเป็นอย่างมาก ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ฟกช้ำบวมปูดไม่ต่างไปจากหัวหมูที่โชกเลือด

ฮ่า ฮา ฮ่า

“ นังผู้หญิงชาติชั่ว แกอยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ แต่หลังจากที่องค์เทพีจัดการผู้นำของพวกแกเสร็จเรียบร้อย ฉันจะตอบแทนความแค้นนี้เป็นร้อยเท่าพันเท่า พวกแกทั้งหมดจะทุกข์ทรมานจนร้องขอความตาย ”

อาเบะโน เซฮิเดะหัวเราะออกมาอย่างคุ้มคลั่ง แล้วชี้หน้าด่าทอพวกกงเสี่ยวเหมยโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนเอง

ทันใดนั้น

“ หืม เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ ”

เสียงอันเย็นชา ดังออกมาจากประตูทางเข้าศาลเจ้า พร้อมกับการปรากฏตัวขึ้นของจ้าวเทียนและเทพเจ้าทั้งสองที่แสดงสีหน้าไม่สู้ดีนัก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน