จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 455

หลังลำแสงสีทองจากท้องฟ้าจางหายไป เมื่อฝุ่นควันที่บดบังสายตาร่วงหล่นลงบนพื้น ร่างของผู้มาเยือนนับสิบก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับชุดเกราะหรูหราที่เปล่งประระยิบระยับ

“ นี่มัน! เจ้านั่น มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ”

“ และที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาคือ เก้าขุนพลเทพแห่งวังสวรรค์ใช่ไหม นี่มันเป็นไปไม่ได้ องค์รักษ์ส่วนตัวของมหาเทพอวี่หวง จะจุติลงมาบนโลกมนุษย์กันทั้งหมดได้อย่างไร ”

เด็กหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้า เก้าขุนพลเทพเกราะเงินอย่างองอาจ เขาสวมชุดแม่ทัพสีแดงฉาน มือขวาถือทวนมังกร มือซ้ายถือห่วงจักรวาล

เท้าทั้งสองข้างเหยียบอยู่บนกงล้ออัคคีไร้พ่าย สามอาวุธระดับพระเจ้าถูกใช้งานโดยเขาเพียงผู้เดียว ซึ่งคนที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นเช่นนี้คงมีเพียง

นาจา…หนึ่งในห้าแม่ทัพใหญ่แห่งวังสวรรค์เท่านั้น

“ วังสวรรค์ถึงกับส่งนาจากับเก้าขุนพลเทพลงมาเพิ่มงั้นเหรอ ดูเหมือนเหตุการณ์จะเลวร้ายยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้แล้วสินะ ” จ้าวเทียนกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว เดิมทีเขาวางแผนเตรียมจัดการพวกเทพเอ้อหลางลงที่นี่ ไม่คิดเลยว่า มหาเทพอวี่หวงจะมองออกเลยส่งกำลังเสริมลงมา

“ นาจา! เจ้าพาคนบุกรุกเข้ามาในดินแดนข้าแบบนี้ หมายความว่าไง หรือวังสวรรค์คิดละเมิดสัญญาสงบศึกสามปีของจักรพรรดินีเทพหลินซินเยว่ ” เทพโอดินพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา

“ เหอะ! สัญญานั่นจำกัดเพียงบนแดนสวรรค์เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์ ในเมื่อพวกเจ้าผู้นำสามขุมกำลังชั้นยอดยังลงมาได้ วังสวรรค์ของพวกเราเองก็ทำได้เหมือนกัน ”

“ และที่สำคัญ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พวกเจ้าคงรู้เรื่องราวแท้จริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้วสินะ งั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังอีก วังสวรรค์เองก็จะเข้าร่วมการแย่งชิงสิ่งสืบทอดมหาเทพผานกู่เช่นเดียวกัน ” นาจาประกาศออกมาเสียงดัง

ตั้งแต่เทพเอ้อหลางรายงานขึ้นไปว่า ถูกเห้งเจียบุกเข้ามาช่วยเหลือตัวประกัน อีกทั้งยังสืบพบการติดต่อระหว่างจ้าวเทียนกับพวกเทพีอามาเทราสุ มหาเทพอวี่หวงจึงตัดสินใจดำเนินการอย่างเปิดเผยแทน ไม่จำเป็นต้องลอบโจมตีแบบลับๆอีก

“ แผ่นหินโกลาหลอยู่ตรงนี้ รีบปล่อยตัวประกันซะ! ”

จ้าวเทียนตะโกนออกมาด้วยความโกรธ เมื่อเห็นเหยียนซืออู่ตกอยู่สภาพเลือดโทรมกาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสิ้นสติ ทั้งยังถูกขุนพลเทพคนหนึ่งคว้าคอเอาไว้ไม่ต่างจากสิ่งของ

“ หืม เจ้างั้นรึ ศิษย์รักของนางผู้หญิงคนนั้น ” นัยน์ตาอันดุดันของนาจา จับจ้องไปที่จ้าวเทียน ราวกับมีเพลิงแค้นอันลึกล้ำสุมลึกอยู่ด้านใน

“ .ถ้าหมายถึงจักรพรรดินีเทพหลินซินเยว่ล่ะก็ใช่ ว่าแต่มีความแค้นอะไรกับฉันงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนตอบกลับอย่างเย็นชา เขาจำได้ว่าไม่เคยพบหน้าอีกฝ่ายมาก่อน

“ งั้นก็ดี หนี้แค้นของผู้อาวุโส ก็ให้ผู้เยาว์รับแทน ในเมื่อโฮ่วอี้สังหารบิดาข้าเพื่ออาจารย์ของเจ้า วันนี้ข้าก็จะทำให้นางรับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดแบบนั้นเช่นเดียวกัน ”

สิ้นเสียง ทวนมังกรในมือนาจาก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วดุจประกายแสง เกินกว่าที่ใครหลายคนจะตั้งตัวได้ทัน

“ มังกรอัคคีวิบัติ! ”

ฮูมมม!

เงาทวนสีเงินทะลวงกำแพงมิติหายไป เปลี่ยนเป็นมังกรเพลิงดุร้ายเผยคมเขี้ยวแหลมคม หวังกลืนกินจ้าวเทียนให้มอดไหม้เป็นเก้าธุลี

นี่คือการโจมตีเต็มกำลังของขอบเขตปราณทิพย์ขั้นสูงสุด ทั้งยังแฝงไปด้วยสี่แก่นแท้ระดับกลางหลอมรวมกัน อานุภาพของมันเกินกว่าศัตรูคนใดที่จ้าวเทียนพบเจอบนโลกมนุษย์

ทันใดนั้น

“ บังอาจ! กล้าโจมตีคนอื่นในดินแดนของข้างั้นรึ ” เทพโอดินตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล หอกกุงนีร์ในมือแทงออกไปด้วยการผสานสี่แก่นแท้เช่นเดียวกัน

แต่เพราะมีแก่นแท้แห่งเวลาอยู่ด้วย ถึงแม้จะโจมตีออกไปทีหลัง ก็ยังถึงเป้าหมายก่อน สามารถสกัดมังกรอัคคีอันน่าสะพรึงกลัวได้ทันท่วงที

เปรี้ยงง!

อวตารของอาวุธระดับพระเจ้าทั้งสอง ปะทะกันอย่างรุนแรงด้านหน้าจ้าวเทียน เกิดเป็นคลื่นพลังทำลายล้างกวาดออกไปโดยรอบ

ทันใดนั้น

แวบ! ครืนนนน!

เทพีอามาเทราสุสะบัดมือ ปลดปล่อยกระจกยาตะที่ขยายขนาดออกไปหลายสิบเมตร ดูดซับพลังงานทำลายล้างทั้งหมดเข้าไปในโลกมายา ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่บริเวณรอบๆ

ถ้าวันนี้เทพโอดินไม่ได้พบโม่ปิงหยู เขาคงจะยอมเสียหน้าเพื่อรับเงื่อนไขของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน

เพราะยังไงซะ กว่าสิ่งสืบทอดมหาเทพผานกู่จะปรากฏ ก็ยังมีเวลาอีกตั้งสี่ปี จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปะทะกับวังสวรรค์ในตอนนี้

‘ แต่หากข้าปล่อยให้จ้าวเทียนถูกนาจาสังหาร ไม่แน่ว่า โม่ปิงหยูก็อาจจะยอมสู้ตายตามอาจารย์ของนางไปด้วย หรือต่อให้นางไม่ตาย ก็ไม่มีทางยินยอมเข้าร่วมกับข้าด้วยความเต็มใจ ’

การที่เทพโอดินจะดูดซับดวงวิญญาณของโม่ปิงหยูได้นั้น จำเป็นต้องให้เธอฝึกฝนเคล็ดวิชาลับอย่างหนึ่ง ทั้งยังต้องให้เธอยินยอมมอบดวงวิญญาณให้โดยไม่ขัดขืน ด้วยข้อจำกัดนี้เอง การรักษาความสัมพันธ์เป็นมิตรไว้คือสิ่งจำเป็น

ขอเพียงโม่ปิงหยูยอมเปิดใจ เทพโอดินก็มีเคล็ดวิชาร้อยแปดพันเก้า ที่จะครอบงำความคิดของเธอทีละน้อยโดยไม่ผิดสังเกต ซึ่งสุดท้าย เธอก็มีแต่ต้องยอมจำนนต่อเขาอย่างสมบูรณ์ในที่สุด

“ หุบปากของเจ้าไปซะ นาจา คิดว่าข้าจะหลงอุบายยุยงให้แตกแยกชั้นต่ำแบบนี้รึ ” เทพโอดินพูดตอบกลับไปด้วยท่าทีเย็นชา เหมือนไม่ใส่ใจข้อเสนอของฝ่ายตรงข้าม

!!

“ ห๊ะ! นี่เจ้าพูดจริงเหรอ ”

คราวนี้ไม่เพียงแต่นาจาที่ตกใจ แม้แต่สิบสามวัลคีรี่และพวกเทพีอามาเทราสุ ที่รู้จักนิสัยเทพโอดินดี ยังต้องใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบดูอีกครั้งให้แน่ใจ ว่าที่ยืนอยู่ตรงนี้ใช่ตัวจริงหรือเปล่า

“ พวกข้าได้ทำข้อตกลงกับจักรพรรดินีหลินซินเยว่ไว้แล้ว ว่าจะเป็นพันธมิตรกับสำนักดาราสวรรค์ของนางเป็นระยะเวลาสามปี ดังนั้น อย่าได้หวังจะทำร้ายศิษย์หลักของนางต่อหน้าข้าได้ ” เทพโอดินพูดขึ้นด้วยความเที่ยงธรรม จนทำให้ทุกคนที่ไม่รู้ความจริงอดเกิดความรู้สึกยอมรับนับถือเขาไม่ได้

‘ ไอเฒ่านี่ ยังเสแสร้งเก่งเหมือนเดิม ถ้าฉันไม่ได้รู้เรื่องเลวร้ายที่แกทำในชีวิตก่อน ก็คงเผลอหลงเชื่อไปเล็กน้อยเหมือนกัน ’

จ้าวเทียนคิดขึ้น พร้อมทั้งหยิบแผ่นป้ายดาราสวรรค์ออกมา กำลังคิดว่าจะติดต่อหาคังหลินดีหรือเปล่า

เพราะการที่เทพเอ้อหลางและเห่าฟ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ทำให้เขารู้สึกกังวลความปลอดภัยของครอบครัวคนอื่นๆเป็นอย่างมาก

‘ หวังว่า มันคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆนะ… ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน