ในช่วงเวลาที่ผ่านมา วิหารบูชาเทพเจ้าโอดินได้ถูกจัดให้เป็นเขตหวงห้าม และยังได้รับการคุ้มกันจากรัฐบาลประเทศไอซ์แลนด์อย่างเต็มกำลัง หากไม่มีคำอนุญาตจากเบื้องบน ย่อมไม่มีผู้ใดกล้ามายุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ถึงแม้จะเกิดปรากฏการณ์ลำแสงทะลวงลงมาจากบนฟ้า เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว หรือกลิ่นอายจากราชันมังกรบรรพกาลที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่และประชาชนคนใดเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่ทว่า
ความเคารพยำเกรงนี้จำกัดอยู่เพียงเหล่าปุถุชนคนธรรมดาเท่านั้น มันใช้ไม่ได้กับเทพสวรรค์จากขุมกำลังอื่นๆที่จุติลงมาบนโลกมนุษย์
นับตั้งแต่ที่พวกเขาจับสัมผัสถึงความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติได้ ก็พากันละทิ้งสิ่งที่ทำอยู่แล้วเคลื่อนย้ายมิติไปยังจุดหมายทันที
ครืนน!ๆๆๆๆๆ
ช่องว่างมิติจำนวนมากได้ถูกฉีกเปิดออก ก่อนที่เงาร่างนับร้อยจะก้าวเดินออกมา เหนือน่านฟ้าด้านบนเขตแดนของวิหารบูชาเทพโอดิน
“ นี่มัน ข้าคาดเดาไม่ผิดจริงๆ ในที่สุดวังสวรรค์ก็เคลื่อนไหวอย่างเปิดเผย ทั้งยังส่งห้าเสาหลักอย่างท่านนาจาลงมาอีกด้วย ” ชายผมเขียวในชุดคลุมขนสัตว์พูดขึ้นด้วยสีหน้ายินดี
เขามีนามว่าไต้ม่อฮวง เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายภูติศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในขุมกำลังชั้นสูงผู้ภักดีที่อยู่ภายใต้วังสวรรค์
“ เหอะ มาเคลื่อนไหวเอาตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ประเทศต่างๆในโลกมนุษย์ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ได้ถูกพวกเราควบคุมเอาไว้เกือบหมดแล้ว ”
“ ภายใต้บัญชาของราชันเทพโอดินผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นผู้นำพันธมิตรสามขุมกำลังชั้นยอดแห่งแดนสวรรค์ ยังไงซะ เมื่อของสิ่งนั้นปรากฏขึ้นก็ต้องตกเป็นของพวกเราอย่างแน่นอน ”
ชายชราชุดขาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เขามีผมสีทองดวงตาสีฟ้า สวมชุดเกราะหนักที่สร้างจากโลหะล้ำค่าคล้ายอัศวินในยุคกลาง
ชื่อของเขาก็คือ เซอร์ไมครอฟ ผู้นำแห่งภาคีเทพนักรบ หนึ่งในขุมกำลังชั้นสูงซึ่งอยู่ภายใต้อาณาจักรเทวะของเทพโอดิน
“ เจ้า! กล้าดูหมิ่นวังสวรรค์งั้นเหรอ ” ผู้นำขุมกำลังชั้นสูงภายใต้วังสวรรค์หลายคน ต่างพากันตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล
“ แล้วจะทำไม ที่ข้าพูดมันผิดงั้นรึ ใครๆต่างก็รู้ดีว่ามหาเทพอวี่หวงเหลืออายุขัยเพียงหนึ่งหมื่นห้าพันปีเท่านั้น และผู้ที่มีโอกาสขึ้นแย่งชิงตำแหน่งที่สุดก็คือราชันเทพโอดินของพวกข้า ”
เซอร์ไมครอฟยังคงพูดเยาะเย้ยฝ่ายตรงข้ามต่อไป โดยมีตัวแทนสำนักนิกายหลายสิบคน ที่อยู่ภายใต้พันธมิตรสามขุมกำลังชั้นยอดช่วยประสานเสริมอีกแรง
สถานการณ์ในตอนนี้ เหล่าผู้ที่เปิดช่องว่างมิติออกมา ได้แบ่งแยกออกเป็นสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างชัดเจน สืบเนื่องจากการแย่งชิงอำนาจบนแดนสวรรค์ในปัจจุบัน
ซึ่งต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดก็เกิดจากตัวมหาเทพในยุคสมัยนี้เอง เพราะอาการบาดเจ็บอันลึกล้ำของจิตวิญญาณในสงครามครั้งใหญ่เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ทำให้อายุขัยของมหาเทพอวี่หวงสั้นลงเป็นอย่างมาก
จากเดิมที่ผู้บรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพจะได้รับอายุขัยเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแสนปี กลับกลายเป็นว่าด้วยอาการบาดเจ็บ อายุขัยของมหาเทพอวี่หวงจึงเหลือเพียงสองหมื่นห้าพันปีเท่านั้น
ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในประวัติศาสตร์หนึ่งล้านปีที่ผ่านมา ก็มีมหาเทพหลายองค์ที่ต้องดับสูญไปก่อนครบกำหนดหนึ่งแสนปี สืบเนื่องจากการยอมเสียพลังชีวิตเพื่อใช้ในการต่อสู้ช่วงชิงตำแหน่ง รวมไปถึงการถูกโค่นบัลลังก์โดยจักรพรรดิเทพองค์ใหม่
ยิ่งเมื่อศึกตัดสินชะตาในอีกสามปีข้างหน้าระหว่างมหาเทพอวี่หวงกับจักรพรรดินีเทพหลินซินเยว่ถูกประกาศออกไป
เหล่าขุมกำลังมากมายที่ยังไม่เลือกข้าง ก็พากันแสดงตัวออกมาทันที เพราะรับรู้ได้ถึงช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว
“ กล้ากล่าววาจาโอหังเช่นนี้ออกมา ไม่กลัวองค์มหาเทพจะกวาดล้างสำนักของพวกเจ้าจนหมดสิ้นอย่างงั้นรึ ” ไต้ม่อฮวงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทั้งยังพยายามควบคุมแนวร่วมฝั่งตนเอาไว้ไม่ให้เกิดการต่อสู้ขึ้น เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนมากกว่าเกือบสองเท่า
“ หึหึ พวกเจ้าคิดว่ามหาเทพอวี่หวงจะยังมีเวลาว่างมาสนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หรือ จงอย่าลืมว่าพระองค์กำลังจะต้องต่อสู้ตัดสินกับจักรพรรดินีเทพหลินซินเยว่ในอีกสามปี ซึ่งต่อให้สามารถเอาชนะได้ อายุขัยก็ต้องหดสั้นลงมากกว่าครึ่งอย่างแน่นอน ”
“ และพอถึงช่วงเวลานั้น ยังจะมีผู้ใดเหมาะสมยิ่งกว่าราชันเทพโอดินอีกงั้นรึ ด้วยการเตรียมการนับหมื่นปีของอาณาจักรเทวะและอีกสองขุมกำลังชั้นยอด เมื่อใดที่บังลังก์มหาเทพว่างลง แทบไม่ต้องคิดสักนิดว่าผู้ใดจะได้ขึ้นไปนั่งเป็นคนต่อไป ”
คำพูดของเซอร์ไมครอฟ เหมือนเป็นตะปูที่ตอกลึกเข้าไปในใจของฝ่ายตรงข้าม อันที่จริงไม่มีผู้ใดในแดนสวรรค์คิดว่ามหาเทพอวี่หวงจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้ เพราะพระองค์ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนเองมาแล้วในสงครามครั้งก่อน
“ เข้าใจแล้วค่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหนูเอง ” โม่ปิงหยูตอบรับคำจ้าวเทียน พร้อมทั้งรีบใช้พลังแห่งชีวิตอันบริสุทธิ์โอบอุ้มร่างกายของเหยียนซืออู่เอาไว้
เมื่ออีกฝ่ายส่งตัวประกันมาให้เรียบร้อย จ้าวเทียนก็คว้าจับไปที่แผ่นหินโกลาหล แล้วผลักให้มันลอยไปทางฝ่ายตรงข้ามเพื่อทำตามข้อตกลง
วิ้งงงงง ครืนนนนน!
พริบตาที่แผ่นหินสีดำหลุดออกไปด้านนอกเขตอาคมปกปิด ออร่าอันแข็งแกร่งของมันก็ระเบิดออกมาทันที ไม่ว่าใครก็ตามที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมัน ล้วนรู้สึกสมองปลอดโปร่ง ระดับความตระหนักรู้เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว
“ สมแล้วที่เป็นสมบัติลับในตำนาน แม้แต่เทพโลกาขั้นเก้าเองก็ยังได้รับประโยชน์เช่นเดียวกัน แม้จะเป็นเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม ” เทพีอามาเทราสุพูดขึ้นด้วยแววตาเปล่งประกาย
อานุภาพของสมบัติลับในตำนานได้ดึงดูดความสนใจของทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เหล่าเทพที่กำลังจับตาดูสถานการณ์อยู่บนท้องฟ้า ทุกสายที่จับจ้องลงมาเต็มเปี่ยมไปด้วยความโลภ
แวบ!
นาจารีบเก็บแผ่นหินโกลาหลไว้ในแหวนมิติที่เตรียมไว้ ถึงจะปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมาเรียบร้อย แต่ตัวเขาก็รู้ดีว่าเรื่องราวในครั้งนี้ยังไม่จบ
“ เอาล่ะ ตอนนี้ข้อตกลงของพวกเราก็เสร็จสิ้นแล้ว ” เทพโอดินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพียงแค่เขาวาดฝ่ามือไปในอากาศเบาๆ วิหารบูชาเทพก็สาดลำแสงสีทองพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า
ครืนนนน!
อาณาเขตหนึ่งหมื่นเมตรบริเวณยอดเขา กลายเป็นค่ายกลผนึกดาวห้าแฉกสิบชั้นซ้อนทับกัน โซ่ตรวนจองจำเทพเก้าสิบเก้าเส้นระเบิดออกมา เปลี่ยนเป็นกรงขนาดใหญ่ กักขังนาจาและเก้าขุนพลเทพเอาไว้ตรงกลาง
“ นาจา! จงมอบแผ่นหินโกลาหลคืนมาซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิต ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...