จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 469

เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างจบลง เทพเจ้ามังกรอีกเจ็ดคนที่เหลือยกเว้นอ๋าวเฟิงกับอ๋าวเถียน ก็รีบพาผู้ถูกเลือกและขุมกำลังทั้งหมดจากไปพร้อมกับสินสงครามที่กองอยู่บนพื้น เนื่องจากไม่อาจสู้หน้าเจ้าของเกาทัณฑ์ที่กำลังจะมาถึงได้

“ เหอะ เห็นทีการอยู่อย่างสงบสุขมานานมากเกินไป จะทำให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเจ้ามอดดับลงไปหมดแล้ว ” เทพมังกรอ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด ทั้งยังรู้สึกผิดหวังกับท่าทีลังเลของพี่น้องยามเมื่อเผชิญกับคำขู่ของมหาเทพอวี่หวง

เมื่อได้ยินแบบนั้น เทพมังกรอ๋าวเถียนก็ถอนหายใจออกมา เพราะตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่รู้สึกหวาดกลัวฝ่ายตรงข้ามเช่นเดียวกัน

ถ้าให้พูดกันตามตรง หากเทพมังกรทั้งเก้าตัดสินใจร่วมมือกันโดยไม่หวั่นเกรงสิ่งใด ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะมีความกล้าขนาดไหน ก็คงไม่พร้อมที่จะแตกหักกับพวกของตน ก่อนที่สมบัติสืบทอดของมหาเทพผานกู่จะปรากฏแน่นอน

“ ผู้อาวุโสอ๋าวเถียนไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ฉันเข้าใจในสถานการณ์ของคุณดี หากเป็นตัวคุณในตอนที่ยังอยู่ในจุดสูงสุด คงไม่ปล่อยให้ถูกฝ่ายตรงข้ามชักจูงได้อยู่แล้ว ”

จ้าวเทียนไม่คิดอะไรมากสำหรับเรื่องนี้ เพราะต้นเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากท่านอาจารย์ของเขาเองที่แย่งชิงโลหิตแก่นแท้ของอีกฝ่ายมา ทำให้เทพเจ้ามังกรที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสอง ตกลงมาอันดับสุดท้ายและสูญเสียความมั่นใจของตนเองไป

“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าจะรักษาสหายของเจ้าให้ดีที่สุด ทั้งยังจะช่วยส่งเสริมให้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เพื่อเป็นการไถ่โทษสำหรับเรื่องก่อนหน้านี้ ” เทพมังกรอ๋าวเถียนยกมือคารวะไปยังทิศทางหนึ่ง ก่อนที่จะนำตัวเฉินจิ้งเคลื่อนย้ายมิติกลับไปยังที่พำนักของตน

จากนั้นไม่นาน

แควก!

ร่างของบุรุษผู้หนึ่งฉีกช่องว่างมิติออกมา ซึ่งก็คือเจ้าของเกาทัณฑ์ดอกนั้น จักรพรรดิเทพบรรพกาลโฮ่วอี้ โดยที่ในมือทั้งสองข้างของเขา ยังคว้าคอเทพเอ้อหลางกับนาจาที่หมดสภาพเอาไว้ด้วย

อันที่จริง เมื่อออกมาจากแดนสุขาวดีและสัมผัสได้ว่าเกาทัณฑ์ที่อยู่กับคังหลินถูกทำลาย โฮ่วอี้ก็รีบเร่งรุดมาช่วยเหลือทันที

แต่เพราะระยะทางที่ห่างไกลออกไปถึงหลายดาราจักร ทำให้มหาเทพอวี่หวงสามารถลงมือผนึกเขตแดนมิติของโลกมนุษย์เอาไว้ได้ก่อน โฮ่วอี้จึงไม่อาจสอดแทรกเข้ามาได้ทัน

แน่นอนว่า ท่าทีลังเลของเทพมังกรทั้งแปดเมื่อเผชิญกับคำขู่ของมหาเทพอวี่หวง กับการหลบหนีของพวกเทพเอ้อหลางนั้น โฮ่วอี้ได้รับรู้มันทั้งหมด

ดังนั้น เขาจึงได้วางแผนกับจ้าวเทียนเพื่อจัดการศัตรูพร้อมกันในทีเดียว เพราะการที่มหาเทพอวี่หวงจะปล่อยตัวเทพเอ้อหลางกับนาจาออกไป ก็จำเป็นต้องปลดข้อจำกัดเขตแดนมิติก่อน และนั่นก็จะเป็นโอกาสให้พวกเขาลงมือพลิกสถานการณ์

“ ดูเหมือนพวกข้าทั้งหมด คงจะสร้างความผิดหวังให้กับสหายโฮ่วอี้แล้ว ทั้งที่รับปากไว้ว่าจะช่วยปกป้องจ้าวเทียนในยามที่อยู่บนโลกมนุษย์แต่กลับปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ” เทพมังกรอ๋าวเฟิงพูดออกตัวขึ้นมาก่อนในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่

“ หึหึ อย่าให้มีครั้งหน้าอีกก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นเรื่องข้อตกลงทั้งหมดของพวกเรา ก็เป็นอันยกเลิกไป ” โฮ่วอี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะโยนร่างของเทพเอ้อหลางกับนาจาลงบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจนัก

วูป!

“ นี่คือผลึกวิญญาณโกลาหลที่พวกเจ้าต้องการ ” โฮ่วอี้ได้หยิบคริสตัลสีดำสี่ก้อนออกมาจากแหวนมิติ มันได้ปลดปล่อยคลื่นพลังอันเกรี้ยวกราดที่สามารถบิดเบือนมิติโดยรอบคล้ายกับหลุมดำออกมา

ครืนนน!

เมื่อเทพมังกรอ๋าวเฟิงได้สัมผัสผลึกวิญญาณโกลาหล เขาก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ในจิตวิญญาณต้นกำเนิดพลังของร่างที่แท้จริง ราวกับว่าตนเองกำลังจะทลายขอบเขตขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียว

‘ หากมีของสิ่งนี้อีกยี่สิบสามก้อน การที่พวกเราทั้งเก้าจะบรรลุความแข็งแกร่งในอดีต แล้วกลายเป็นมังกรบรรพกาลมิติโกลาหลก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ’

นอกจากจะช่วยฟื้นฟูแล้ว ยังส่งเสริมให้จิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอีกสองเท่า ถือเป็นของล้ำค่าที่ไม่อาจพบเห็นได้บ่อยนัก แม้แต่บนแดนสวรรค์ก็ตามที

“ อาจารย์ปู่ ท่านคิดจะทำอย่างไรกับสองคนนี้งั้นเหรอ ” จ้าวเทียนจ้องมองไปที่เทพเอ้อหลางกับนาจาที่นอนกองอยู่บนพื้นด้วยแววตาเย็นชา

“ ทำตามที่เจ้าต้องการได้เลย ข้าได้ผนึกต้นกำเนิดพลังของพวกมันเอาไว้แล้ว ” โฮ่วอี้พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ยิ่งมองดูศิษย์หลานคนนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกชื่นชม เสียดายที่อีกฝ่ายไม่ได้เป็นผู้สืบทอดของเขา ไม่อย่างนั้นคงจะเป็นเรื่องที่ดียิ่งกว่านี้

เมื่อได้รับอนุญาตจ้าวเทียนก็ลงมือทันที เปลวเพลิงสีทองได้เข้าปกคลุมร่างกายของเทพเอ้อหลางและนาจาอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายของพวกเขาสั่นกระตุกอย่างรุนแรง

นี่คือการเผาผลาญดวงวิญญาณ ให้ต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสเหมือนตกนรกทั้งเป็น ซึ่งมันจะส่งผลกระทบต่อร่างแท้จริงบนแดนสวรรค์ด้วย ในเมื่อคิดจะเป็นศัตรูกันแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าอีกต่อไป

“ อ้ากกก! บัดซบ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ” นาจาตะโกนออกมาสุดเสียง ก่อนที่ดวงวิญญาณของเขาจะสูญสลายไป เหลือเพียงร่างกายอันว่างเปล่าเหมือนหุ่นเชิดที่ไร้ชีวิต

ส่วนเทพเอ้อหลางนั้น ยังฝืนทนไปได้อีกสามลมหายใจก่อนจะมีจุดจบเดียวกับนาจา โดยที่ไม่ได้เปล่งเสียงร้องออกมาแม้แต่คำเดียว แม้จะรู้สึกทุกข์ทรมานแค่ไหน แต่สายตาของเขาก็ยังจับจ้องไปที่จ้าวเทียนด้วยความคลั่งแค้นเท่านั้น

“ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น สักวันหนึ่งฉันจะขึ้นไปสังหารร่างจริงของพวกแกบนแดนด้วยสวรรค์แน่นอน จงจดจำความทุกข์ทรมานนี้เอาไว้ให้ดีเถอะ ”

จ้าวเทียนคว้าแหวนมิติสองวงที่ยึดมาจากศัตรูเอาไว้ ส่วนร่างกายของอีกฝ่าย เขาคิดจะให้คังหลินหลอมพวกมันให้เป็นหุ่นเชิด ไว้ใช้งานปกป้องครอบครัวในภายหลัง

“ เอาล่ะ ที่นี้พวกเราก็รีบกลับไปยังคฤหาสน์ดาราสวรรค์เถอะ ไม่รู้ทางนั้นจะเป็นยังไงบ้าง ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน