จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 470

ณ แดนสวรรค์ผู้ปกครองแห่งเก้าท้องฟ้าสิบแผ่นดิน บนพระที่นั่งบัลลังก์จักรพรรดิสูงสุดมหาเทพอวี่หวงได้ลืมตาตื่นขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด

บูมมมม!

แค่เพียงจิตสังหารที่ปล่อยออกมาโดยไม่ตั้งใจของพระองค์ ก็ทำให้อาณาเขตพระราชวังทั้งหมดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เหล่าข้าราชบริพารที่ได้พบเห็นต่างพากันก้มหัวลงกราบกรานด้วยความหวาดกลัว ด้วยไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน

“ ไสหัวออกไปให้หมด! ”

บัญชาแห่งองค์มหาเทพ ดุจอสนีบาตยามแล้ง ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใดสงสัยหรือซักถามทั้งสิ้น ทั้งหมดล้วนรีบจากไปแต่โดยดี ราวกลับกลัวว่าตนเองจะตกเป็นที่ระบายโทสะของมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่

“ แม้แต่เอ้อหลางกับนาจาเอง ก็ยังถูกจับตัวกลับไปงั้นรึ มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร แค่พริบตาเดียวเท่านั้นแผนการทุกอย่างของข้าก็ถูกทำลายจนหมดสิ้นไม่มีเหลือ ”

อย่าให้พูดถึงการสังหารจ้าวเทียนกับหลินซูซินซึ่งเป็นเป้าหมายหลักเลย แค่จะนำแผ่นหินโกลาหลกลับมาก็ยังพบกับความล้มเหลวอีก โดยเฉพาะการที่ต้องมาสูญเสียโลหิตแก่นแท้มังกรบรรพการให้ศัตรูนั้นจะสร้างปัญหาในอนาคตมากที่สุด

แวบ!

มหาเทพอวี่หวงได้วาดฝ่ามือไปทางซ้าย ปรากฏเป็นม่านพลังโปร่งใสคล้ายกับกระจกคริสตัล มันได้ฉายภาพพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง นั่งสมาธิอยู่ภายในดวงประทีปขนาดใหญ่เปล่งกายแสงเจ็ดสีออกมา

“ พระหรานเติง(พระทีปังกรพุทธเจ้า)เหตุใดท่านจึงปล่อยให้โฮ่วอี้ออกมาจากแดนสุขาวดี ก่อนถึงกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ คิดจะล้มเลิกความร่วมมือกับวังสวรรค์ของข้างั้นรึ ” มหาเทพอวี่หวงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา หากไม่ใช่เพราะการสอดแทรกของโฮ่วอี้แผนการทุกอย่างก็คงสำเร็จไปแล้ว

“ โปรดระงับโทสะลงก่อนเถิดมหาเทพ อาตมามิได้ตั้งใจละเมิดข้อตกลงใดๆทั้งสิ้น ช่วงเวลาที่ประสกโฮ่วอี้อยู่ในแดนสุขาวดี เขตแดนบิดเบือนมิติกาลเวลาก็ถูกเปิดใช้งานตลอด หนึ่งวันในนั้นจะเท่ากับหนึ่งร้อยวันบนโลกมนุษย์ นี่เป็นเรื่องจริงแท้อย่างแน่นอน ” พระหรานเติงพูดขึ้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

“ นี่ท่านจะบอกว่า โฮ่วอี้ใช้เวลาอยู่ในแดนสุขาวดีแค่เพียงสิบลมหายใจงั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ” มหาเทพอวี่หวงรู้ดีว่าพระโพธิสัตว์ไม่พูดปด แต่เรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อจนเกินไป

“ มันเป็นความจริง ในตอนที่อาตมากำลังนำประสกโฮ่วอี้เข้าไปยังเขตหวงห้าม พระโพธิสัตว์กิมเสี้ยนก็ปรากฏกายขึ้นและได้เปิดเผยภาพนิมิตบางอย่างออกมา ทำให้ประสกโฮ่วอี้รีบร้อนจากไปในทันที ”

“ พระโพธิสัตว์กิมเสี้ยน…อาจารย์ของเห้งเจีย? ” มหาเทพอวี่หวงใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ วานรตัวนี้มันจะตามจองร้างจองผลาญเขาไปถึงไหน หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้คงเลือกสังหารอีกฝ่ายให้สิ้นเรื่องสิ้นราวตั้งแต่แรก แม้จะต้องผิดใจกับพระยูไลก็ตามที

ในปัจจุบันแดนสุขาวดีถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ซึ่งฝ่ายบุ๋นนำโดยพระอามิตภพุทธและเหล่าพระโพธิสัตว์ระดับสูงเกือบทั้งหมด ที่เลือกคล้อยตามวิถีเต๋าแห่งสวรรค์

ส่วนฝ่ายบู้นำโดยเห้งเจียและฟุโดเมียวโอ ซึ่งเชื่อมั่นในกฎแห่งกรรมอย่างแข็งกร้าว จนพร้อมอุทิศตัวเพื่อทำลายความชั่วร้ายให้หมดสิ้นไป

“ เพราะการแทรกแซงของโพธิสัตว์กิมเสี้ยน เป็นเหตุให้การกระทำของอาตมาถูกล่วงรู้ไปถึงพระยูไล ตอนนี้จึงต้องกักตัวเองเพื่อสำนึกผิดเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี คงไม่อาจช่วยเหลือมหาเทพได้อีกแล้ว ”

มหาเทพอวี่หวงได้ยินแบบนั้น ก็ถอนหายใจออกมาและตัดการเชื่อมต่อกับอีกฝ่ายในทันที ถึงยังไงแผนการก็ล้มเหลวไปแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องมาโทษกันเอง

“ โฮ่วอี้ เห้งเจีย เดิมทีข้าคิดจะเก็บพวกเจ้าไว้ใช้ประโยชน์ในภายหลัง แต่เห็นทีคงจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้แล้วสินะ ”

ในเวลาเดียวกัน

แวบ!

เมื่อจ้าวเทียนปรากฏตัวขึ้น สายตาเขาก็กวาดมองไปยังโม่ปิงหยูก่อนเป็นอันดับแรก และเมื่อเห็นเธอร้องให้จนตาบวม จนหลับใหลไปบนตักของโม่ซินหนานเขาก็ถอนหายใจออกมา

การที่ต้องมาเห็นคนคุ้นเคยจำนวนมาก กลายเป็นซากศพที่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ มันคงเกินกว่าที่เด็กสาวอายุสิบสี่ปีจะทนรับไหว

อันที่จริงแม้แต่ลี่เหยาเหยากับเจนนี่เอง ก็ยังขอบตาแดงช้ำเพราะผ่านการร้องให้มาอย่างหนักเช่นเดียวกัน มีเพียงกงเสี่ยวเหมยกับโม่ซินหยางที่เคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาก่อนจึงรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้

“ ถ้าทนไม่ไหวก็ร้องให้ออกมาเถอะ การเสียน้ำตาเพื่อคนที่ตายไปไม่ได้แสดงถึงความอ่อนแอ ในอนาคตข้างหน้าพวกเราจะต้องเผชิญเหตุการณ์แบบนี้อีกแน่นอน ”

“ เธออย่าลืมว่า อายุขัยของผู้ฝึกตนอย่างพวกเรายาวนานกว่าคนธรรมดาหลายเท่า ต่อให้พวกเขาไม่ถูกสังหารก็ยังต้องแก่ตายไปก่อนอยู่ดี สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือต้องปรับตัวให้คุ้นชินกับมันเท่านั้น ” จ้าวเทียนดึงลี่เหยาเหยามาโอบกอดไว้ แล้วลูบหัวเธอเบาๆเพื่อปลอบโยน

“ ต้องขอโทษด้วยศิษย์น้อง ถึงแม้ฉันจะอยู่ด้วยแต่กลับปกป้องทุกคนเอาไว้ไม่ได้ ” คังหลินพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิด ที่ด้านข้างเขามีตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลนั่งอยู่อย่างเงียบงัน แสดงให้เห็นว่าคงจะรู้สึกไม่แตกต่างจากกันนัก

“ ศิษย์พี่รอง ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองหรอก เมื่อเผชิญหน้ากับเทพเอ้อหลาง แค่ที่คุณกับศิษย์พี่หญิงสามารถเคลื่อนย้ายครอบครัวของฉันออกไปได้ทัน ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ”

ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าทุกคนเริ่มปรับอารมณ์ให้เป็นปกติแล้ว โฮ่วอี้ที่นั่งหลับตามาตลอดก็ลืมตาขึ้น

“ ตอนนี้…ข้ามีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายจะบอกพวกเจ้า ต้องการจะฟังสิ่งใดก่อนงั้นรึ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน