จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 495

ณ ตำหนักชั้นในสำนักดาราสวรรค์

ภายในห้องรับรองขนาดใหญ่ที่ดูโอ่โถงหรูหรา จ้าวเทียนกำลังนั่งนิ่งอยู่ตรงโต๊ะน้ำชาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

ถึงแม้วัสดุส่วนใหญ่ภายในห้องจะถูกสร้างจากไม้จิตวิญญาณอายุหลายแสนปี ซึ่งมีส่วนช่วยให้จิตใจสงบและรู้สึกผ่อนคลาย แต่ตอนนี้มันกลับไม่ส่งผลกับตัวเขาเลยแม้แต่น้อย สืบเนื่องจากบุคคลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอง

“ ท่านลุง สูงอีกๆ โยนข้าสูงๆเลย คิกคิก ”

“ ได้เลยองค์หญิงน้อย สูงๆแบนี้ใช่ไหม ฟิ้วววว ”

ปิงกู่ลั่วหัวเราะออกมาด้วยความร่าเริง เมื่อถูกคังหลินจับตัวโยนขึ้นไปสูงเกือบสามสี่เมตรหลายครั้งติดต่อกัน มันทั้งสนุกทั้งตื่นเต้น จนหางกิเลนตรงสะโพกของเธอโบกสะบัดไปมา

“ ท่านพ่อ อ้ามมมม ” ปิงกู่เยว่ที่นั่งอยู่บนตักจ้าวเทียน ใช้มือเล็กๆหยิบขนมชิ้นใหญ่ป้อนให้เขาอย่างน่าเอ็นดู

“ เอ่อ…ได้ซิ อ้ามมม ” แม้จ้าวเทียนจะไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่ แต่ก็ต้องทำตามความต้องการของเด็กหญิงอย่างชั่วไม่ได้

ส่วนเรื่องที่ให้เด็กทั้งสองหยุดเรียกเขาว่าพ่อนั้น จ้าวเทียนได้ยอมแพ้ไปนานแล้ว เพราะถ้าหยิบยกเรื่องนี้มาพูดเมื่อไหร่ พวกเธอทั้งคู่ก็จะเริ่มร้องให้งอแงทันที ซึ่งนั่นมันก็ทำให้เขารู้สึกปวดใจไปด้วย เนื่องจากพันธสัญญาแห่งชีวิตที่เชื่อมโยงถึงกัน

“ ศิษย์พี่รอง นี่มันหมายความว่าไง ฉันจำได้ว่าแค่บอกให้คุณตามผู้อาวุโสอ๋าวเฟิงมาอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ ” จ้าวเทียนรีบกลืนขนมในปากแล้วพูดขึ้น น้ำเสียงของเขาแสดงออกชัดเจนว่ากำลังไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“ ใจเย็นก่อนซิ เจ้าไม่คิดบ้างเหรอ ว่าหนทางนี้มันดีที่สุดแล้วในการปกป้องพวกนางทั้งสามคน ” คังหลินพูดออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย พร้อมทั้งหยิบขนมบนโต๊ะป้อนเข้าใส่ปากปิงกู่ลั่วที่กระโดดหมุนตัวลงมาขี่คอเขา

“ ปกป้องงั้นเหรอ คุณก็รู้ดีนี่ว่าศัตรูของพวกเราคือใคร แล้วยังจะดึงพวกเธอเข้ามาเกี่ยวข้องอีก เอาล่ะ มีเหตุผลอะไรก็รีบพูดออกมา ไม่อย่างนั้น อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ” จ้าวเทียนพูดขัดขึ้นทันที เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังปิดบังความจริงบางอย่าง

“ ศิษย์น้อง เหตุใดต้องอารมณ์เสียด้วย หรือจะเป็นเพราะเจ้าไม่ชอบใจองค์หญิงน้อยทั้งสองใช่ไหม ”

!!

สิ้นเสียง ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เด็กหญิงทั้งสองหยุดเล่นสนุกแล้วหันมาจ้องมองจ้าวเทียนพร้อมกัน โดยเฉพาะปิงกู่เยว่ที่นั่งกินขนมอยู่บนตักจ้าวเทียน ถึงกับทำขนมในมือตกลงไปบนฟื้นทันที

“ ท่านพ่อ ไม่ชอบพวกเราเหรอ ”

ประโยคคำถามนี้เปรียบเสมือนฟ้าฝ่ากลางใจจ้าวเทียน และยิ่งเขาได้เห็นใบหน้าน้อยๆที่เริ่มหมองคล้ำลง กับดวงตากระจ่างใสที่กำลังจะเต็มไปด้วยคราบน้ำตา มันก็ได้ทำให้จิตใจที่แข็งแกร่งดุจหินผาของเขาต้องพังทลายลง

สุดท้าย จ้าวเทียนจึงถอนหายใจเบาๆแล้วฝืนยิ้มขึ้น พร้อมกับลูบหัวปิงกู่เยว่ที่นั่งอยู่บนตักอย่างอ่อนโยน รวมไปถึงปิงกู่ลั่วที่วิ่งเข้ามาหาด้วย

“ ฉันก็ต้องชอบพวกเธออยู่แล้วซิ เพียงแค่รู้สึกกังวลถึงความปลอดภัยในอนาคตก็เท่านั้น ”

“ จริงๆนะ ท่านพ่อจะไม่ทิ้งพวกเราไปใช่ไหม ” เด็กหญิงทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน ด้วยความที่เป็นคู่แฝด ทำให้ความคิดของพวกเธอเหมือนจะเชื่อมโยงถึงกันในบางเวลา

“ จริงซิ ฉันจะไม่มีวันทิ้งพวกเธอแน่นอน อาจมีบ้างครั้งที่พวกเราต้องห่างกันบ้าง แต่นั่นก็เพื่อประโยชน์ของตัวพวกเธอเอง ” จ้าวเทียนเลือกที่จะบอกกล่าวตามตรง ซึ่งเด็กหญิงทั้งสองก็พยักหน้าอย่างเข้าใจเหตุผล

แม้พวกเธอจะชอบเล่นสนุกซุกซนไปบ้าง แต่ด้วยความทรงจำและความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากมารดา ทำให้มีความเฉลียวฉลาดเหนือกว่ารูปลักษณ์ที่แสดงให้เห็นหลายเท่า

“ พวกเราขอสัญญา ว่าจะรีบแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือท่านพอต่อสู้กับศัตรู ”

ได้ยินแบบนั้น จ้าวเทียนก็หลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง พร้อมกับอุ้มเด็กหญิงทั้งสองขึ้นมากอดด้วยความหมั่นเขี้ยว ซึ่งพวกเธอก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ทั้งแอบยังหอมแก้มเขาทั้งสองข้างพร้อมกัน

“ ฮัลโหล ตำรวจอยู่ไหน ที่นี่มีคนกำลังล่อลวงผู้เยาว์ ”

เมื่อรู้จุดประสงค์ของคังหลิน จ้าวเทียนก็ไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายเท่าไหร่ เนื่องจากเขาได้คาดการณ์เอาไว้หมดแล้ว เพียงแค่ทำใจไม่ได้ ถ้าจะต้องไปหลอกใช้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งจะถูกคนรักทรยศมา

“ ข้าได้บอกทุกอย่างกับนางแล้ว ซึ่งนางก็ตอบรับด้วยความเต็มใจ เพียงแต่มีเงื่อนไขอยู่สองข้อ หนึ่งคือ เมื่อสงครามจบลง บุตรีทั้งสองและตระกูลของนางจะต้องเป็นผู้ปกครองที่แท้จริงของโลกแห่งสัตว์อสูร สำนักดาราสวรรค์ของพวกเราห้ามเข้ามาก้าวก่ายเด็ดขาด ”

“ ส่วนข้อสอง เมื่อใดก็ตามที่คนในสำนักพวกเราทำพันธสัญญากับสัตว์อสูร จะต้องสาบานด้วยจิตวิญญาณตนเอง ว่าจะปฏิบัติต่อพวกมันด้วยดี มีทุกข์ร่วมทุกข์ มีสุขร่วมสุข ห้ามมีเจตนาจะใช้พวกมันเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัวทั้งต่อหน้าและลับหลัง ”

“ แน่นอนว่า ก่อนจะตอบรับเงื่อนไขพวกนี้ ข้าได้ปรึกษากับท่านอาจารย์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งท่านก็มอบหมายเรื่องราวให้ข้าเป็นผู้จัดการทั้งหมด เหลือเพียงแค่ให้เจ้าตอบตกลงเท่านั้น พวกเราก็จะเริ่มดำเนินแผนการแทรกซึมเข้าไปในโลกแห่งสัตว์อสูรทันที ”

ฟังมาถึงตรงนี้ จ้าวเทียนก็ถอนหายใจออกมา เพราะรู้ว่าในขณะที่ตนเองกำลังต่อกรกับตัวอ่อนนางพญาอยู่ในมิติคลังสมบัติ ท่านอาจารย์รวมไปถึงเหล่าผู้อาวุโสคงตอบรับแผนการของคังหลินกันหมดแล้ว

และเหตุผลที่คังหลินมาพบครั้งนี้ ก็คงเพื่อมาเกลี้ยกล่อมเขาให้เห็นด้วยโดยเฉพาะ จะได้ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจถ้าได้รู้เองภายหลัง

“ อืม ข้าเกือบลืมไป แท้จริงแล้วยังมีเหตุผลอีกข้อหนึ่งที่ทำให้พวกเราต้องครอบครองโลกแห่งสัตว์อสูรให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นความลับสุดยอดของราชวงศ์จักรพรรดิโลกอสูรที่ปิงกู่เหนียงเหนียงเป็นผู้บอกข้าเอง ” คังหลินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาจงใจกระตุ้นความอยากรู้ของจ้าวเทียนอย่างเห็นได้ชัด

“ พูดมาเถอะ ฉันรอฟังอยู่ ” จ้าวเทียนถามออกไปแบบเซ็งๆ

“ ดูเหมือน ราชวงศ์จักรพรรดิโลกอสูร จะเก็บซ่อนเคล็ดวิชาระดับเทวะขั้นสูงสุดของสี่สัตว์เทพยุคบรรพกาลเอาไว้ ซึ่งไม่แน่ว่า มันอาจจะสามารถหลอมรวมเข้ากับเคล็ดวิชาลับที่ท่านอาจารย์คิดค้นขึ้นเพื่อพวกเราก็ได้นะ ”

“ เพราะทั้ง มังกรเขียวบูรพาสังหารของเจ้า พยัคฆ์ขาววายุประจิมของข้า เต่าทมิฬปราการอุดรของศิษย์พี่ใหญ่ หรือแม้แต่ค่ายกลหลักยี่สิบแปดดาราของสำนักเรา ก็มีต้นกำเนิดมาจากสัตว์เทพผู้ครอบครองทิศทั้งสี่แห่งยุคบรรพกาลทั้งนั้น ”

“ ศิษย์พี่รอง คุณแน่ใจนะ ” จ้าวเทียนถามรีบย้ำขึ้น สีหน้าของเขาแทบจะปกปิดความรู้สึกยินดีเอาไว้ไม่มิด

เพราะหากสามารถยกระดับเคล็ดวิชาไม้ตายของตนเองขึ้นเป็นระดับเทวะขั้นสูงสุดได้ล่ะก็ การต่อสู้ในภายภาคหน้าก็จะไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากอีกต่อไป

“ หึหึ ในเมื่อท่านอาจารย์เป็นคนบอกมาเอง มันจะไม่ใช่ความจริงได้อย่างไร ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน