จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 496

สามวันต่อมา ณ โลกทิพย์แห่งสัตว์อสูร

ภายในลานฝึกซ้อมของตำหนักตระกูลกิเลนสวรรค์เมฆา จ้าวเทียนกำลังใช้กิ่งไม้ธรรมดาต่อกรกับผู้อาวุโสคุมกฎสำนักดาราสวรรค์ถึงสามคนในคราวเดียวกัน

ถึงแม้เหล่าผู้อาวุโสจะจำกัดพลังของตนเองเอาไว้ที่เทพโลการะดับสาม เพื่อไม่ให้ทำลายสภาพแวดล้อมโดยรอบ แต่อาวุธที่พวกเขาใช้ก็เป็นถึงกระบี่ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง

ยิ่งเมื่อรวมกับค่ายกลกระบี่ประสานที่สอดคล้องกันอย่างลงตัว ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นเทพโลกาขั้นห้าหรือขั้นหกก็ไม่น่าจะรับมือได้นาน

เปรี้ยงง!ๆๆ ฉัวะ!ๆๆๆๆ

ร่างของจ้าวเทียน หลบหลีกไปมาอยู่ท่ามกลางคู่ต่อสู้ทั้งสามด้วยการเคลื่อนย้ายมิติ แม้ดวงตาและหูทั้งสองข้างของเขาจะถูกปิดผนึกไว้ แต่ด้วยเจตจำนงแห่งกระบี่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน ทำให้สัญชาตญาณรับรู้อันตรายตื่นตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

นี่คือการฝึกฝนที่จ้าวเทียนคิดขึ้น เพื่อลอกเลียนแบบการต่อสู้ของราชันเทพสัประยุทธ์หนึ่งในสิบจักรพรรดิยุคบรรพกาล ที่แม้จะตกอยู่ในห้วงมายาของจักรพรรดินีแมลง จนสูญสิ้นสติสัมปชัญญะไปแล้ว

ก็ยังสามารถอาศัยปฏิกิริยาตอบสนองและสัญชาตญาณการต่อสู้ กวาดล้างกองทัพแมลงมารกลืนวิญญาณนับล้านล้านตัวเพียงลำพัง

‘ หืม นอกจากสัญชาตญาณการรับรู้จะเฉียบคมขึ้นแล้ว ดูเหมือนอีกไม่นานฉันก็จะบรรลุแก่นแท้มิติขั้นกลางแล้วสินะ ทั้งที่เพิ่งจะสร้างแก่นแท้มิติได้สำเร็จและบรรลุขั้นต้นไปเมื่อวานแท้ๆ ’

‘ ประสิทธิภาพของผลไม้ตรัสรู้ช่างสมคำล่ำลือจริงๆ ไม่ผิดไปจากที่ผู้อาวุโสซวนเทียนหู่เล่าให้ฟังแม้แต่น้อย ถึงแม้มันจะส่งผลเพียงยี่สิบชั่วโมง แต่กลับช่วยลดระยะเวลาในการตระหนักรู้ด้านต่างๆ เหมือนผ่านการทำสมาธิค้นคว้ามายาวนานนับร้อยนับพันปี ’

ผลไม้ตรัสรู้เป็นสมบัติล้ำค่าในตำนาน ซึ่งหายสาบสูญไปตั้งแต่ร้อยล้านปีก่อน ความสามารถของมันคือการไปกระตุ้นสภาวะรู้แจ้งโดยฉับพลันให้เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นโชควาสนาที่ผู้ฝึกตนทุกคนต้องการสัมผัสสักครั้งในชีวิต

แม้แต่ในคลังสมบัติลับ ที่สั่งสมความมั่งคั่งมาตั้งแต่ยุคสมัยจักรพรรดิเทพหมื่นตะวันรุ่นที่หนึ่ง ก็ยังมีผลไม้ตรัสรู้อยู่เพียงแค่สามผลเท่านั้น ซึ่งถูกจ้าวเทียนกินไปแล้วหนึ่งผล

“ ค่ายกลกระบี่สังหารยี่สิบแปดดารา! ”

วูป! ครืนนนน!

ร่างของสามผู้อาวุโสสำนักดาราสวรรค์ สลายหายไปในความว่างเปล่า เกิดเป็นภาพมายาของยี่สิบแปดกลุ่มดาวประจำทิศทั้งสี่

วิ้งงง!ๆๆๆๆ

จากนั้นดวงดาวจำนวนเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดวง ก็เปลี่ยนเป็นรังสีกระบี่อันแหลมคมพุ่งเข้าใส่จ้าวเทียนจากทุกทิศทาง ซึ่งความรวดเร็วของพวกมันนั้นเทียบเท่ากับเคล็ดวิชากระบี่บินของจ้าวเทียนเลยทีเดียว

‘ พวกผู้อาวุโสเริ่มเอาจริงแล้วสินะ เมื่อวานก่อนจะกินผลไม้ตรัสรู้ ฉันก็พ่ายแพ้ไปเพราะเคล็ดวิชานี้ น่าเสียดายที่ครั้งนี้พวกเขาคงต้องผิดหวังแล้ว ’

ฉัวะ!ๆๆๆ ฟุ่บ!ๆๆๆๆ เปรี้ยงงง!

จ้าวเทียนได้กระตุ้นสัญชาตญาณของตนถึงขีดสุด ร่างของเขาเหมือนเปลวเทียนที่ถูกจุดขึ้นท่ามกลางลมพายุอันรุนแรง ถึงแม้บางเวลามันจะดับวูบลง แต่เมื่อคลื่นลมผ่านพ้นไปก็จะถูกจุดติดขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง

เปรี้ยง! ฉัวะ!ๆๆๆๆๆๆ

หากมีการโจมตีครั้งไหนที่เคลื่อนย้ายมิติหลบไม่พ้น จ้าวเทียนก็จะใช้กิ่งไม้ในมือแสดงแก่นแท้กระบี่ที่ผ่านการปรับปรุงใหม่ออกไป

ซึ่งการจะใช้กิ่งไม้ธรรมดาไปต้านทานรังสีกระบี่ที่เกิดจากอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ แค่เพียงใช้เจตน์แห่งกระบี่ห่อหุ้มมันไว้ยังไม่พอ

จ้าวเทียนยังต้องอ่านวิถีโคจร ของรังสีกระบี่เก้าร้อยเก้าสิบเก้าสายล่วงหน้าไปอีกหลายขั้น เพื่อชักนำให้พวกมันทำลายกันเอง อาศัยความเชื่องช้าสยบความรวดเร็ว ใช้ความอ่อนหยุ่นพิชิตความแข็งกร้าว

การลงมือแต่ละครั้งจะต้องแม่นยำ ทั้งจังหวะและเวลาจะต้องไม่คลาดเคลื่อนแม้เพียงเสี้ยววินาที นี่จึงเป็นเหตุผลที่แก่นแท้กระบี่ของเขา ก้าวหน้าจากขั้นกลางไปถึงขั้นสูงโดยไม่รู้ตัว

ทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้ตัวอ่อนนางพญา เพราะการถูกมันทรมานภายในห้วงจิตสำนึกจนตกตายไปนับพันครั้ง ทำให้เจตจำนงของจ้าวเทียนแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า

และก็เพราะได้ตรวจสอบความทรงจำจากบรรพบุรุษของมัน ทำให้จ้าวเทียนได้ตระหนักรู้แนวคิดใหม่ๆไปต่อยอดที่มีอยู่เดิม ซึ่งก็มาจากการเฝ้ามองสิบจักรพรรดิเทพรุ่นก่อนต่อสู้ในสงครามกวาดล้างเผ่าพันธุ์แมลงมารกลืนวิญญาณ

จางซือเฉวียนผู้อาวุโสสูงสุดสำนักดาราสวรรค์ ได้เข้ามาหยุดการต่อสู้ที่กำลังจะทวีความดุเดือดขึ้นไปทุกที เธอได้ใช้พลังแยกจ้าวเทียนกับสามผู้อาวุโสออกจากกัน โดยไม่ให้ใครได้รับบาดเจ็บ

“ ในช่วงเวลาสามวันมานี้ ต้องขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสามมาก ที่ทำให้ฉันมีความก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ” หลังจากปรับลมหายใจเสร็จสิ้น จ้าวเทียนก็รีบกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายอย่างจริงใจ

“ นายน้อยสี่ ไม่ต้องเกรงใจไป การช่วยเหลือศิษย์หลักของท่านเจ้าสำนักก็เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว ”

“ ใช่แล้วล่ะ ได้ประลองกับยอดอัจฉริยะในรอบแสนปีของแดนสวรรค์อย่างนายน้อยสี่ ถือเป็นวาสนาของเฒ่าชราอย่างพวกเรามากกว่า ”

“ นายน้อยสี่ อายุเพียงแค่นี้ก็ทิ้งห่างพวกสิบสุดยอดผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์แห่งแดนสวรรค์ไปไกล สมแล้วที่เป็นมังกรในหมู่มวลมนุษย์ นับถือๆ ”

ได้ยินแบบนั้น จ้าวเทียนก็ฝืนยิ้มขึ้นพร้อมกับแสร้งกระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดถ่อมตัวตามมารยาทอีกสองสามครั้ง จึงขอแยกตัวออกมา

“ หึหึ ดูเหมือนคะแนนความนิยมของศิษย์น้องในหมู่ผู้อาวุโส จะล้ำหน้าศิษย์พี่อย่างข้าไปไกลเลย ช่างน่าอิจฉาจริงๆ ” คังหลินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาเดินเข้ามากอดคอจ้าวเทียนอย่างสนิทสนม

“ ศิษย์พี่รอง คุณเลิกล้อเล่นได้แล้ว รีบบอกมาเถอะ เรื่องที่ให้คุณไปสืบมาได้ความว่าไงบ้าง ฉันจะได้กลับโลกมนุษย์ซักที ”

“ เจ้านี่ใจร้อนจริงๆ ” คังหลินบ่นออกมาเบาๆ พร้อมกับส่งแผ่นหยกอันหนึ่งให้จ้าวเทียน

“ หืม นี่พวกเขาเก็บเคล็ดวิชาสี่สัตว์เทพไว้ในสุสานปฐมจักรพรรดิงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด

ถึงแม้ในแผ่นหยกจะมีแผนที่ภายในสุสานรวมไปถึงตำแหน่งกับดักค่ายกลทั้งหมด แต่เงื่อนไขที่จะเข้าไปได้นั้นยุ่งยากเป็นอย่างมาก เพราะต้องรอให้ถึงพระราชพิธีแต่งตั้งจักรพรรดิองค์ใหม่เท่านั้นทางเข้าถึงจะเปิดออก

‘ แบบนี้ เห็นทีต้องเร่งยกระดับตระกูลกิเลนสวรรค์ ให้กลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งแทนที่ตระกูลราชวงศ์ภายในเวลาสองปีสินะ ’

จ้าวเทียนถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาตัดสินพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน แล้วเดินทางกลับโลกมนุษย์ในวันรุ่งขึ้น เพราะยังมีภารกิจสำคัญอีกหลายอย่างที่ต้องไปจัดการ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน