ย้อนกลับไปในช่วงเวลา ที่ฮั่วกงมู่เร่งรีบเดินทางข้ามมิติไปถึงพิกัดที่ได้รับแจ้งมา สิ่งแรกที่เขาได้พบก็คือเศษซากเรือประจัญบานที่ถูกทำลาย และเหล่าโจรสลัดทั้งหมดที่กลายเป็นศพลอยเคว้งอยู่ในอวกาศ
แม้แต่เทพโลกาขั้นสูงอย่างพี่น้องร่วมสาบานของตน ก็ไม่อาจหนีรอดจากหายนะในครั้งนี้ หลงเหลือเพียงชิ้นเนื้อแค่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ศัตรูได้แย่งชิงแหวนมิติรวมไปถึงอุปกรณ์สวมใส่ไปจนหมด
อ้ากกกกก! ตูมมม!ๆๆ
“ เพราะเหตุใดกัน ทำไมพวกเจ้าถึงไม่รอข้ากลับมา ทำไม ทำไม…” ฮั่วกงมู่กรีดร้องเสียงดัง เขาได้ปลดปล่อยคลื่นพลังแห่งโทสะทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในสายตา เพื่อระบายความคับแค้นใจ
ผ่านไปสิบลมหายใจ ฮั่วกงมู่ก็เรียกสติกลับมาได้แล้วหยุดอาละวาดในที่สุด อะไรบางอย่างที่เสียไปแล้วต่อให้พยามแค่ไหนก็ไม่มีวันได้คืนมา สิ่งเดียวที่เขาควรสนใจตอนนี้ก็คือการแก้แค้นและปกป้องสิ่งสำคัญที่เหลืออยู่
“ เมื่อกองกำลังเกือบทั้งหมดของข้าถูกทำลาย ต่อให้หลบหนีกลับไปที่แหล่งกบดาน ก็ไม่พ้นถูกกลืนกินโดยกลุ่มโจรสลัดอีกสองกลุ่มอยู่ดี ”
“ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อาจจะมีคนแปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับฝ่ายตรงข้ามแล้วหันมาทำร้ายพวกเดียวกันเอง หรือไม่ก็จับครอบครัวของผู้เสียชีวิตไปเป็นทาส นี่คือชะตากรรมของผู้แพ้ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ”
“ ไม่ได้ ข้าจะยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นมิได้เป็นอันขาด ” ฮั่วกงมู่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว เขาตัดสินใจแล้วว่าถ้ากลุ่มโจรสลัดของตนจะต้องถูกทำลาย อีกสองกลุ่มที่เหลือก็ต้องโดนไปด้วย
“ หืม นี่มัน น้องรองของข้ายังไม่ตายงั้นรึ ดูเหมือนศัตรูจะจับตัวเขาไปเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง ” ฮั่วกงมู่สัมผัสถึงกลิ่นอายชีวิตอันเบาบางของผู้นำอันดับสองได้จากเครื่องรางที่ติดอยู่ข้างเอว
วิ้งงง!
สัมผัสวิญญาณของฮั่วกงมู่แผ่ขยายออกไปไกล ครอบคลุมอาณาเขตหลายแสนกิโลเมตร จนกระทั่งสามารถพบตัวจ้าวเทียนกับพวกผู้นำสองกลุ่มโจรสลัดในที่สุด
“ อยู่ทางนั้นสินะ ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเป็นศิษย์ของจักรพรรดิเทพตัวจริงหรือเปล่า ในเมื่อกล้าสังหารพี่น้องข้า เจ้าก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ”
“ หึหึ จิวโม่เฟิง มารอสูรสามเขา อย่าฝันไปเลยว่าจะได้รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว ตราบใดที่ศิษย์ของจักรพรรดิเทพถูกสังหารลงที่นี่ พวกเจ้าก็หนีความรับผิดชอบไม่พ้นหรอก ”
ฮั่วกงมู่แสยะยิ้มอย่างเย็นชา แววตาอันแดงก่ำของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ก่อนที่จะออกจากดาวกางเขนสีชาด เขาได้สั่งการให้ลูกน้องเตรียมอพยพหลบหนีแล้ว
ถ้าจักรพรรดิเทพจะลงมือจริงๆ ที่รับเคราะห์เป็นพวกแรกก็ต้องเป็นโจรสลัดอีกสองกลุ่มที่กำลังปล้นฆ่ากันอยู่
“ เคล็ดวิชาประหารเทพ หอกโลกันต์ทะลวงมิติ! ”
วิ้งงง! บูมมมม!
หอกเพลิงมารอาวุธระดับครึ่งพระเจ้าปรากฏขึ้นในมือฮั่วกงมู่ ร่างของเขาหลอมรวมเข้ากับกฎเกณฑ์มิติระดับสูง เกิดเป็นออร่าสีดำลุกโชนขึ้นราวกับเปลวไฟ
จากนั้น
ซวบ!
ทั้งคนทั้งหอกก็ทะลวงมิติหายไป ข้ามผ่านระยะทางหลายแสนกิโลเมตรในพริบตา นี่คือกระบวนท่าสังหารอันน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ไร้เสียง ไร้เงา ไร้ตัวตน ไม่มีผู้ใดสัมผัสถึงการโจมตีนี้ได้แม้แต่น้อย
ขนาดสัญชาตญาณรับรู้อันตรายอันเหนือล้ำของเสี่ยวมี่เฟิง ยังค้นพบการโจมตีนี้ในตอนที่มันเข้ามาใกล้มากแล้วเท่านั้น
ฉัวะ!
เสี้ยววินาที ที่คมหอกแทงทะลุฝ่ามือเสี่ยวมี่เพิงและเจาะผ่านชั้นผิวหนังของจ้าวเทียน เขาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่สามารถแช่แข็งจิตวิญญาณ
จากนั้นเมื่อคมหอกทะลุหน้าอกออกมา มันก็เปลี่ยนเป็นความแสบร้อน เจ็บปวดเหลือประมาณ ราวกับถูกฝูงแมลงนับล้านกัดกินอวัยวะภายในพร้อมกัน
“ เคล็ดกายาอมตะ! ”
จ้าวเทียนเรียกใช้เคล็ดวิชาช่วยชีวิตทันที ม่านพลังสีขาวจางได้ปกคลุมอวัยวะภายในทั้งหมดของเขาไว้ ปกกันคลื่นพลังทำลายล้างที่ปะทุออกมาจากอาวุธศัตรู
‘ สำเร็จแล้ว ช่างง่ายดายยิ่งนัก ’
ฮั่วกงมู่ยิ้มขึ้นด้วยความยินดี ยิ่งมองเห็นสีหน้าตกตะลึงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของพวกจิวโม่เฟิง เขาก็ยิ่งรู้สึกสะใจ
แต่ทว่า
‘ โชคดีที่พลังทำลายเกือบครึ่งของหอกนั้น ถูกเสี่ยวมี่เฟิงต้านทานเอาไว้ และเมื่อรวมกับพลังป้องกันของชุดรบตะวันฉาย ทำให้ฉันแบกรับความเสียไปเพียงสองส่วนเท่านั้น ’
ถ้าให้พูดกันตามตรง พลังทำลายเพียงสองส่วนของเทพโลการะดับเก้าขั้นสูงสุด ก็พอที่จะสังหารผู้ฝึกตนที่มีขอบเขตต่ำแบบจ้าวเทียนได้ร้อยครั้งพันครั้งแล้ว ซึ่งเหตุผลที่เขารอดมาได้ต้องยกความดีความชอบให้เคล็ดวิชากายาอมตะของมหาเทพจูเซียน
หืม!
“ พวกคุณคิดจะทำอะไร ” จ้าวเทียนกัดฟันพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อเห็นจิวโม่เฟิงกับจิวหรูอี้เริ่มขยับเข้ามาใกล้
“ นายน้อยจ้าวไม่ต้องวิตกไป ข้าแค่อยากจะขอเชิญท่านไปเป็นแขกที่ตระกูลข้าซักระยะจนกว่าอาการบาดเจ็บของท่านจะหาย ” จิวโม่เฟิงพูดเสียงจริงจัง แม้คำพูดของเขาจะดูสุภาพแต่แฝงเจตนาบีบบังคับอย่างชัดเจน
ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนไม่ใช่คนโง่ ย่อมเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันดี การลอบสังหารจ้าวเทียนของฮั่วกงมู่ แม้จะไม่สำเร็จแต่ก็บรรลุจุดประสงค์สำคัญในการชักนำโจรสลัดอวกาศอีกสองกลุ่มมารับเคราะห์เป็นเพื่อนเรียบร้อยแล้ว
สำหรับจักรพรรดิเทพผู้ยิ่งใหญ่ คงจะไม่มาเสียเวลาจำแนกหรอกว่ากลุ่มโจรสลัดไหนเป็นผู้ลงมือ เพราะยังไงซะพวกโจรสลัดก็ถือเป็นภัยร้ายที่ต้องกำจัดอยู่แล้ว
ทั้งจิวโม่เฟิงกับมารอสูรสามเขา ต่างก็รู้ว่าพวกตนเหลือแค่สองทางเลือก ระหว่างสังหารจ้าวเทียนให้สิ้นเรื่องสิ้นราว หรือไม่ก็จับตัวเขาเอาไว้เพื่อใช้ต่อรองกับจักรพรรดิเทพภายหลัง
“ แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ ” จ้าวเทียนถามกลับไปด้วยสีหน้าเย็นชา ถึงอาการบาดเจ็บของเขาจะหนักมาก แต่ก็ไม่ยอมวางมือรับการจับกุมแน่นอน
“ หึหึ ข้าเกรงว่าท่านจะไม่มีสิทธิเลือกนะ อย่าดิ้นรนโดยเปล่าประโยชน์เลย ” มารอสูรสามเขาก็เริ่มแสดงท่าทีคุกคามจ้าวเทียนเช่นเดียวกัน เขาสั่งให้ต้าจือม่อถอยออกไปคุมเชิงอยู่ด้านหลัง
ทันใดนั้น
“ เขตอาคมผนึกอเวจี! ”
เพียงจ้าวเทียนโยนจานแปดเหลี่ยมที่แย่งชิงมาจากผู้นำอันดับสองออกไปด้านหน้า โซ่ตรวนสีดำเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเส้นก็ระเบิดออกมาจากความว่างเปล่า มันเรียงต่อกันกลายเป็นกรงขนาดใหญ่ขังพวกจิวโม่เฟิงทั้งสี่เอาไว้ด้านใน
“ บัดซบ รีบช่วยกันทำลายเขตอาคมนี่เร็วเข้า อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้ ”
น่าเสียดายที่เมื่อมารอสูรสามเขาพูดจบ อีกาทองคำสามขาก็พาจ้าวเทียนบีนจากไปไกลแล้ว ซึ่งทิศทางที่มันมุ่งไปก็คือจุดที่เสี่ยวมี่เฟิงสู้อยู่นั่นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...