จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 511

ณ เขตแดนชั้นนอกของสำนักดาราสวรรค์ อีกาทองคำสามขาได้พุ่งทะลวงรอยแยกมิติออกมา แล้วนอนหมอบนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้น เนื่องจากนี่เป็นคำสั่งสุดท้ายของจ้าวเทียนก่อนที่จะหมดสติไป

“ ฮือ ฮือ ท่านพ่อฟื้นซิ ” ปิงกู่ลั่วกับปิงกู่เยว่ร้องให้สะอึกสะอื้น พวกเธอจับมือทั้งสองข้างของจ้าวเทียนเอาไว้แน่น และใช้พันธสัญญาชีวิตคอยถ่ายทอดพลังเข้าไปในร่างเขาอย่างต่อเนื่อง โดยมีองค์หญิงทั้งสองคอยป้อนโอสถฟื้นฟูให้

ส่วนเสี่ยวมี่เฟิงกับสององครักษ์ที่ได้รับบาดเจ็บนั้น จ้าวเทียนไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของพวกเขาออกสู่โลกภายนอก จึงให้พักรักษาตัวอยู่โลกมิติคลังสมบัติลับ

เดิมทีอาการบาดเจ็บของจ้าวเทียนก็เลวร้ายพออยู่แล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญการตามล่าของศัตรูที่แข็งแกร่งถึงสี่คน ทั้งยังต้องฝืนใช้พลังเกินตัวตลอดระยะเวลาที่หลบหนี

ทำให้บาดแผลเขาฉีกขาดโลหิตหลั่งไหลโทรมกาย มีอาการทรุดหนักลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด จนแทบจะตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นความตายทุกเมื่อ

ครั้งนี้จ้าวเทียนประเมินความแข็งแกร่งของศัตรูต่ำไป ทั้งจิวโม่เฟิงและมารอสูรสามเขาล้วนเป็นผู้ที่เติบโตมาในดินแดนรกร้าง พวกเขาสร้างเริ่มตัวจากศูนย์โดยไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรในแดนสวรรค์ หาใช่คู่ต่อสู้ที่จะไปตอแยได้โดยง่าย

หากไม่ใช่เพราะหลบหนีออกจากเขตแดนจักรวาลรกร้างทันเวลา และได้เด็กหญิงทั้งสองซึ่งเป็นอสูรในพันธสัญญาคอยถ่ายโอนพลังชีวิตช่วยเหลือ จ้าวเทียนอาจจะรักษาลมหายใจสุดท้ายเอาไว้ไม่ได้แล้ว

“ ผู้ใดกล้าบุกรุกเข้ามาในสำนักดาราสวรรค์กัน ”

สิ้นเสียงก็มีเงาร่างของกลุ่มผู้ฝึกตนหลายร้อยปรากฏขึ้น พวกเขาล้วนแต่เป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่มีหน้าที่คุ้มกันค่ายกลชั้นนอกของสำนัก แต่ละคนมีพลังอยู่ในขอบเขตแดนเทพขั้นสูงไปจนถึงขอบเขตขุนพลเทพขั้นต้น

อาจเป็นเพราะรู้สึกหวาดกลัวอีกาทองคำสามขา พวกเขาเลยรักษาระยะห่างไม่ยอมเข้ามาใกล้ ทั้งยังรีบส่งสัญญาณให้เปิดใช้ค่ายกลป้องกันสำนักและขอกำลังเสริม

“ พวกท่านมัวทำสิ่งใดอยู่ นายน้อยจ้าวจะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะ ” อวิ๋นเซียงหยาตะโกนขึ้นอย่างร้อนรน เธอรีบหยิบเอาแผ่นป้ายศิษย์หลักที่แขวนอยู่ข้างเอวจ้าวเทียน มาชูให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น

“ หืม ของสิ่งนี้ หรือว่าจะเป็น… ” ผู้นำกลุ่มศิษย์หน้าเปลี่ยนสีทันที แม้ศิษย์ระดับล่างอย่างพวกเขาจะไม่มีโอกาสพบหน้าจ้าวเทียนมาก่อน แต่ต้องเคยเห็นแผ่นป้ายชนิดพิเศษ ที่เหล่าศิษย์หลักของเจ้าสำนักครอบครองอยู่แล้ว

“ รีบแจ้งเหล่าผู้อาวุโสเร็วเข้า นายน้อยสี่กลับมาแล้ว ทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย ”

ความเคลื่อนไหวของพวกเขาฉับไวเป็นอย่างมาก ไม่ถึงสองลมหายใจที่แผ่นหยกสื่อสารถูกใช้งาน ค่ายกลเคลื่อนย้ายก็เปล่งแสงสว่างเจิดจ้าออกมา ก่อนที่ผู้อาวุโสระดับสูงสองคนจะรีบเข้ามาพาตัวพวกจ้าวเทียนไปอย่างร้อนรน

ณ เขตหวงห้ามสำนักดาราสวรรค์

หลินซินเยว่ในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ อุ้มจ้าวเทียนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเอาไว้แนบอก โดยไม่ได้สนใจคราบโลหิตที่จะมาเปรอะเปื้อนร่างกายตน

วิ้งงงง!

หลินซินเยว่ค่อยๆลูบฝ่ามือที่เปล่งแสงสีทอง ไปยังบาดแผลของจ้าวเทียนอย่างแผ่วเบา ด้วยอานุภาพแห่งจักรพรรดิเทพคลื่นพลังทำลายล้างของฮั่วกงมู่ที่แฝงตัวอยู่ จึงถูกขับสลายออกไปย่างรวดเร็ว

“ บัวหิมะหมื่นปี ” หลินซินเยว่เอ่ยเสียงเบา

“ นี่ขอรับท่านอาจารย์ ” หลิวจงเสียนรีบหยิบดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์เก้ากลีบส่งให้ทันที นี่คือสมบัติล้ำค่าของสำนัก ที่มีคุณสมบัติฟื้นฟูเส้นชีพจรที่เสียหายและยังช่วยสมานบาดแผลสร้างอวัยวะที่ถูกทำลายขึ้นมาใหม่

วูป!

เมื่อหลินซินเยว่เด็ดกลีบดอกบัวหนึ่งกลีบป้อนใส่ปากจ้าวเทียน ร่างของเขาก็เปล่งแสงสีทองออกมา ทั้งกระดูกซี่โครงที่แตกหักและอวัยวะภายในที่บอบช้ำ รวมไปถึงบาดแผลน้อยใหญ่ที่เกิดจากการต่อสู้ ก็ได้ฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์เหมือนไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน

“ เทียนเออร์ เจ้าฝืนตัวเองมากเกินไปแล้ว จงพักผ่อนให้สบายอยู่ในสำนักของพวกเราเถอะ เรื่องหลังจากนี้ปล่อยให้อาจารย์จัดการเอง ” หลินซินเยว่ใช้มือลูบไปที่ใบหน้าของจ้าวเทียนอย่างอ่อนโยน ก่อนจะส่งตัวเขาลอยไปนอนบนเตียงหยก

เธอได้ใช้เคล็ดวิชาสะกดให้จ้าวเทียนอยู่ในภาวะจำศีล เพื่อทำให้จิตวิญญาณที่อ่อนล้าของเขาฟื้นตัวเร็วขึ้น

“ ไหนลองบอกข้ามาซิ เรื่องทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ” หลินซินเยว่หันไปถามพวกอวิ๋นเซียงหยาที่คุกเข่าอยู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา ผิดกับที่แสดงออกก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด

“ องค์จักรพรรดินี… ” อวิ๋นเซียงหยาถูกกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออก

กลิ่นอายแห่งจักรพรรดิเทพผู้ยิ่งใหญ่ หาใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนระดับต่ำอย่างอวิ๋นเซียงหยาจะต้านทานไหว หลังจากที่ใช้เวลารวบรวมความกล้าอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็รีบบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างออกมาโดยไม่ปิดบัง

วูปป!

เจตจำนงอันแข็งแกร่งได้ปกคลุมดาวเคราะห์กางเขนสีชาดไว้ในพริบตา กลิ่นอายแห่งจักรพรรดิเทพผู้ยิ่งใหญ่ได้ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดสั่นสะท้านด้วยความกลัว

“ แย่แล้ว ”

จิวโม่เฟิงรีบคว้ามือบุตรสาว พยายามเปิดช่องว่างมิติเพื่อหลบหนีแต่มันก็ไร้ผล อาณาเขตที่พวกเขาอยู่เหมือนถูกผนึกไว้ด้วยกฎเกณฑ์บางอย่าง ทำให้หมดสิ้นทางถอยโดยสิ้นเชิง

“ นี่มันบ้าชัดๆ พวกเราเพิ่งจะแยกจากไอเด็กนั่นได้เพียงแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น นางจะลงมือได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร ” มารอสูรสามเขาพูดขึ้นสีหน้าเคร่งเครียด เขารีบพากองกำลังของตนไปรวมตัวกับพวกจิวโม่เฟิง วิกฤตการณ์ครั้งนี้มีแต่ต้องร่วมมือกันจึงจะผ่านพ้นไปได้

“ ในเมื่อไม่มีทางหนี พวกเราก็มาสู้จนถึงที่สุดเถอะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจักรพรรดิเทพที่เพิ่งถือกำเนิดใหม่ จะเอาชนะกองทัพของพวกเราสองคนพร้อมกันได้ ” จิวโม่เฟิงร้องตะโกนปลุกใจเสียงดัง

“ ใช่แล้ว นางก็แค่สตรีที่บังเอิญบรรลุขอบเขตนี้ได้เพราะโชคช่วย ยังอ่อนด้อยกว่ามหาเทพอวี่หวงมากนัก ถ้าพวกเราทุ่มสุดตัวจริงๆ ย่อมมีโอกาสรอดชีวิตแน่นอน ” มารอสูรสามเขาเรียกใช้เคล็ดวิชาต้องห้ามทันที ร่างอันสูงใหญ่ของเขาเปลี่ยนเป็นอสูรร้ายที่มีสามหัว หกมือ ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีดำน่ากลัว

“ เหอะ เทพโลการะดับเก้าขั้นสูงสุดสองคนงั้นรึ ดีมาก! ”

หลินซินเยว่แค่นเสียงเย็นชา จากนั้นภาพใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ที่สามารถพลิกคว่ำฟ้าดิน

นิ้วแต่ละนิ้วเป็นตัวแทนของกฎเกณท์ระดับสูงทั้งห้าอันได้แก่ กฎแห่งมิติ กฎแห่งเวลา กฎแห่งหยินหยาง กฎแห่งสังสารวัฏ กฎแห่งการทำนาย ทั้งหมดถูกเชื่อมโยงไว้ด้วยมหามรรคาจักรพรรดิสูงสุด อานุภาพยิ่งใหญ่เหลือประมาณ

“ ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ”

เมื่อเห็นผู้นำทั้งสองกล้าเผชิญหน้ากับศัตรูโดยไม่เกรงกลัว เหล่าโจรสลัดก็ส่งเสียงโห่ร้องอย่างคลุ้มคลั่ง พร้อมทั้งระเบิดกระบวนท่าสังหารโจมตีเข้าใส่ฝ่ามือยักษ์ทันที

ศึกครั้งนี้เดิมพันด้วยชะตากรรมของพันธมิตรโจรสลัดทั้งหมด ชีวิตหรือความตายจะถูกตัดสินในเวลาไม่กี่อึดใจ…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน