ระยะเวลาสามลมหายใจที่หลินซินเยว่กำหนดขึ้น นอกจากจะเป็นการข่มขวัญศัตรูแล้ว ยังถูกใช้เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ภายในโลกทิพย์สัตว์อสูร เนื่องจากรู้สึกกังวลในความปลอดภัยของศิษย์คนรองและเหล่าผู้อาวุโสสำนักดาราสวรรค์ที่ถูกกักตัวไว้
แวบ!
เจตจำนงแห่งจักรพรรดิเทพข้ามผ่านห้วงมิติปิดกั้น ทะลวงม่านพลังเขตแดนแล้วกวาดไปทั่วทั้งโลกทิพย์ในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที
‘ ดูเหมือนสถานการณ์จะไม่เลวร้ายอย่างที่ข้าคิด โชคดีที่หลินเออร์และผู้อาวุโสคนอื่นๆเตรียมการรับมือได้ทันเวลา โดยหลบซ่อนตัวอยู่ในเขตอาคมป้องกันพื้นที่บรรพบุรุษของตระกูลปิงกู่ ทำให้ฝ่ายศัตรูไม่อาจจับกุมตัวพวกเขาได้ ’
หากพวกคังหลินถูกจับตัวเอาไว้ หลินซินเยว่ก็จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที เมื่อถึงตอนนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะเสนอเงื่อนไขอะไรออกมา เธอก็มีแต่ต้องฝืนใจยอมรับมันเท่านั้น
“ หมดเวลาของพวกเจ้าแล้ว ”
ตูมมมม!
สิ้นเสียง ตราผนึกยี่สิบแปดกลุ่มดาวก็ระเบิดออก แปรเปลี่ยนเป็นรังสีกระบี่นับล้านถักทอกันเป็นรูปฝ่ามือขนาดยักษ์กระชากห้วงมิติเวลาทั้งหมดจนขนาดกระจุย ขั้นตอนทุกอย่างเกิดต่อเนื่องกันในพริบตา
นี่คือฝ่ามือกระบี่ที่หล่อหลอมไปด้วย มหามรรคาจักรพรรดิและเจตจำนงของค่ายกลกระบี่ยี่สิบแปดกลุ่มดาว ซึ่งมีเพียงผู้ที่ตระหนักรู้ความหมายที่แท้จริงของกฎแห่งการโคจรดวงดาราอย่างหลินซินเยว่ถึงจะใช้ออกมาได้
ครืนนน!
เมื่อกำแพงห้วงมิติเวลาถูกทำลายไปแล้ว โลกทิพย์สัตว์อสูรก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลินซินเยว่โดยไร้ซึ่งการป้องกันใดๆ
ภาพดาวเคราะห์สีแดงเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าขนาดเท่าดวงอาทิตย์ เมื่อเทียบกับร่างทิพย์สิบตะวันของจักรพรรดิเทพแล้ว มันก็ดูไม่ต่างจากลูกบอลขนาดพอดีมือลูกหนึ่ง
“ นี่มัน นางถึงกับสามารถดึงเอาแก่นแท้แห่งค่ายกลกระบี่สูงสุด มาสร้างเป็นกระบวนท่าโจมตีเฉพาะตัวได้เลยงั้นรึ ทั้งยังมีอานุภาพเกือบจะทัดเทียมกับต้นฉบับอีกด้วย ”
ร่างกึ่งโปร่งแสงของราชันเทพโอดินพูดขึ้นด้วยความตกใจ ซึ่งเทพีอามาเทราสุที่อยู่ด้านข้างเขา รวมไปถึงเจตจำนงของผู้ยิ่งใหญ่อีกหลายคนก็มีท่าทีไม่ต่างกัน
“ ท่านปู่เคยเล่าให้ข้าฟังว่า เมื่อสามแสนปีก่อนสามบรรพชนเต๋าและปรมาจารย์ค่ายกลหลายท่านใช้เวลานับหมื่นปี พยายามทำความเข้าใจค่ายกลกระบี่ยี่สิบแปดกลุ่มดาวแต่ก็ล้มเหลว ”
“ ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา มันก็เลยถูกยกย่องให้เป็นค่ายกลกระบี่สูงสุดแห่งเอกภพ ไม่นึกเลยว่าในยุคสมัยนี้จะมีผู้เข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้จริงๆ ” เทพโอซีริสทอดถอนใจด้วยความชื่นชม
“ สมญานามยอดอัจฉริยะผู้โดดเด่นที่สุดของสำนักดาราสวรรค์ ช่างเหมาะสมกับนางอย่างแท้จริง เชื่อว่าแม้แต่บรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักก็ยังไม่มีพรสวรรค์ถึงเพียงนี้ ” เทพีอามาเทราสุเป็นผู้กล่าวปิดท้าย ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆอดพยักหน้าตามเสียมิได้
ถ้าให้พูดกันตามตรง ในความคิดของทุกคนที่เฝ้ามองอยู่ การกระทำของหลินซินเยว่ออกจะไร้เหตุผลเกินไปหน่อย
เพราะตั้งแต่ที่เธอมาถึง ก็ไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามได้เจรจาแม้แต่น้อย บอกว่าจะลงมือก็ลงมือทันที ทั้งเอาแต่ใจและเผด็จการเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้น
บูมมม!
โลกทิพย์สัตว์อสูรได้ระเบิดเปลวเพลิงแห่งจิตวิญญาณสีแดงออกมา เกิดเป็นภาพลวงตาของสี่สัตว์เทพ มังกรเขียว หงส์แดง พยัคฆ์ขาวและเต่าดำ พุ่งเข้าปะทะกับฝ่ามือขนาดยักษ์อย่างรุนแรงจนดับสลายไป
โฮกกก! ก๊าซซซซ!
จิตวิญญาณแห่งสี่สัตว์เทพกู่ร้องคำรามอย่างดุดัน แต่ระตัวล้วนมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าเทพโลการะดับเก้าขั้นสูงสุด ทั้งยังมีร่างอมตะไม่มีวันสูญสลาย ตราบใดที่ต้นกำเนิดพลังยังไม่หมดสิ้น ก็จะฟื้นคืนชีพได้เรื่อยๆ
นี่คือค่ายกลสี่สัตว์เทพ ที่ปกปักษ์สุสานบรรพชนของราชวงศ์กิเลนเนตรเพลิงสวรรค์มานับล้านปี มันถูกขับเคลื่อนโดนต้นกำเนิดพลังแห่งโลกทิพย์ มีอานุภาพยิ่งใหญ่เหลือประมาณ ถือเป็นหนึ่งในอาวุธลับเอาไว้เผชิญหน้ากับขอบเขตจักรพรรดิเทพโดยเฉพาะ
“ ยังคิดจะต่อต้าน! ”
“ ยังคิดมุดหัวอยู่ในกระดองอีกงั้นรึ ถ้าอยากสนทนากับข้าก็ส่งร่างจริงออกมา ”
พูดจบ หลินซินเยว่ก็สะบัดแขนเสื้อด้วยความรำคาญ ทำให้ร่างเจตจำนงของผู้แข็งแกร่งระดับเทพโลกาขั้นเก้าทุกคนสลายตัวไปเหมือนเม็ดทราย
ในเวลาเดียวกัน
ภายในพระราชวังต้องห้าม อดีตจักรพรรดิเซียวหมิงเทียนยืนกำหมัดแน่น ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจนแทบกระอักเลือด เนื่องจากตัวเขามีชีวิตอยู่มาเกือบแปดหมื่นปีไม่เคยได้รับความอัปยศขนาดนี้มาก่อน
เปรี้ยงง! ตูมมมม!
ร่างของจักรพรรดิเซียวหยูถูกฟาดกระเด็นไปติดผนังจนกระอักเลือดออกมา สีหน้าของเขาทั้งสับสนและหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะเช็ดเลือดที่ไหลซึมออกมาจากปาก
“ พระบิดา ข้า… ”
“ หุบปาก! ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดชั่วๆของเจ้า เรื่องทุกอย่างก็ไม่ต้องลงเอยแบบนี้ ไม่รู้ว่าข้าทำบาปอะไร ถึงให้กำเนิดตัวเลวร้ายแบบเจ้าออกมา ” เซียวหมิงเทียนชี้หน้าด่าทอบุตรชายอย่างเหลืออด
ทันใดนั้น
แวบ!
ทุกคนก็หันมองไปยังทิศทางหนึ่งพร้อมกัน ตรงห้วงอวกาศอันดำมืดสุดสายตา ได้มีเงาร่างของคนกลุ่มหนึ่งปรากฏอยู่ท่ามกลางแสงสีทองสว่างไสว
“ นี่มัน หรือว่าจะเป็นแสงพุทธะไร้ขอบเขตแห่งแดนสุขาวดี นายท่าน ในที่สุดกำลังเสริมของพวกเราก็มาถึงแล้ว ” เซียวกงกงพูดขึ้นด้วยความยินดี ทำให้คนอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะไม่รู้ว่าพระโพธิสัตว์ท่านใดบ้างที่ตอบรับคำเชิญของพวกเรา จักรพรรดินีเทพหลินซินเยว่หาใช่คู่ต่อสู้ที่จะรับมือได้โดยง่าย ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...