จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 521

พริบตาที่ค่ายกลยี่สิบแปดดาราถูกเปิดใช้งาน ห้วงมิติเวลาภายในอาณาเขตก็โดนผนึกเอาไว้อย่างแน่นหนาไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีออกไปได้

หากไม่ใช่เพราะเป้าหมายครั้งนี้ มีผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดจำนวนหลายคน ทำให้ต้องสิ้นเปลืองพลังในการควบคุมค่ายกลเพิ่มทวีคูณ หลินซินเยว่คงเปลี่ยนค่ายกลเป็นรูปแบบสังหารให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปแล้ว

“ แย่แล้ว พลังทั้งหมดของข้าถูกปิดผนึกไว้ ตอนนี้แม้แต่จะขยับร่างกายเพียงเล็กน้อยก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ”

“ บัดซบ! นี่จะต้องเป็นค่ายกลยี่สิบแปดดาราของจริงแน่ๆ นางนำมันออกมาจากสำนักดาราสวรรค์ได้อย่างไรกัน ”

“ พวกเราจบสิ้นแล้ว ข้าไม่น่าหลงเชื่อคำยุยงจากคนอื่นเลย ”

สี่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์ส่งกระแสจิตปรึกษากันด้วยความหวาดกลัว แค่จะเปิดปากกล่าววาจาก็ยังทำไม่ได้ ร่างเจตจำนงของพวกเขาเหมือนโดนมัดตรึงเป็นมัมมี่ ด้วยโซ่ขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วยที่ถูกสร้างขึ้นจากกฎแห่งมิติเวลาขั้นสูงสุด

“ พระโพธิสัตว์ตี้จั้งหวัง ได้โปรดช่วยเหลือพวกเราด้วย ” เซียวหมิงเทียนรีบส่งกระแสจิตหาที่พึ่งทันที ซึ่งคนอื่นๆยกเว้นเทพแอรีสก็ทำเช่นเดียวกัน

เพราะในบรรดาทั้งหมดพระโพธิสัตว์ตี้จั้งหวังเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด กายแท้ของท่านได้หลุดพ้นจากข้อจำกัดห้วงมิติทั้งปวง สามารถเคลื่อนย้ายผ่านสามภพภูมิได้โดยอิสระ

แต่ทว่า

“ อามิตาพุทธ อาตมาเองก็จนปัญญาเช่นเดียวกัน ” พระโพธิสัตว์ตี้จั้งหวังเอ่ยออกมาประโยคสั้นๆ พร้อมกับหลับตาลงช้าๆราวกับยอมรับชะตากรรม

อันที่จริงตัวท่านเองก็ดีกว่าคนอื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คือยังขยับปากและกะพริบตาได้ ซึ่งก็มันไม่ได้มีส่วนช่วยต่อสถานการณ์ในตอนนี้สักเท่าไหร่

“ พวกเจ้าตั้งสติกันหน่อย ไม่ว่าค่ายกลยี่สิบแปดดาราจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่พลังของหลินซินเยว่ก็มีจำกัด ขอเพียงใช้ความแข็งแกร่งที่มีปกป้องรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ อีกไม่นานเมื่อพลังของนางหมดลง ค่ายกลก็จะสลายไปเอง ”

เทพแอรีสรีบส่งกระแสจิตไปเตือนคนอื่นๆ เมื่อครู่มหาเทพอวี่หวงได้บอกข้อมูลนี้กับเขาเอง ย่อมไม่ผิดพลาดเป็นแน่

ทันใดนั้น

“ ตายซะ! ”

เปรี้ยง! ฉัวะ!ๆๆๆๆ

สิ้นเสียงหลินซินเยว่ ก็มีหนึ่งในร่างของเจตจำนงผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์ ถูกกระบี่คู่กายของเธอฟันขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ต่อหน้าต่อตาทุกคนที่เฝ้ามองอยู่

อีกทั้งเศษซากร่างกายของผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น ยังลอยผ่านหน้าเทพแอรีสไปอย่างช้าๆเหมือนจะตอกย้ำอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะสลายเป็นจุดแสงหายไปในที่สุด

เฮือก!

บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ที่เหลือโดยเฉพาะเทพแอรีสหน้าเปลี่ยนสีในทันที ราวกับรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าพวกตนคงถูกหลินซินเยว่สังหารจนหมดสิ้น ก่อนที่ค่ายกลจะสลายไปแน่นอน

ในเวลาเดียวกัน

ที่ด้านนอกค่ายกลยี่สิบแปดดารา เทพเอ้อหลางเสินเฝ้ามองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ยิ่งเมื่อเห็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ถูกจัดการในพริบตา แววตาของเขาก็สั่นไหวอย่างชัดเจน

“ องค์มหาเทพ ท่านจะยอมให้หลินซินเยว่สังหารพวกเขาต่อไปเรื่อยๆงั้นรึ ” เทพเอ้อหลางเสินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เนื่องจากพวกเทพแอรีสถือเป็นพันธมิตรคนสำคัญ อีกทั้งสาเหตุที่คนเหล่านั้นกล้าท้าทายหลินซินเยว่ก็เป็นเพราะคำสั่งของมหาเทพอวี่หวงเอง

ต่อให้เป็นเพียงร่างเจตจำนง แต่เมื่อถูกทำลายไปก็ส่งผลกระทบต่อร่างจริงเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเมื่อผู้ลงมือเป็นหลินซินเยว่ อย่างน้อยก็ต้องพักฟื้นอีกนานหลายเดือนหรืออาจจะถึงปีสองปี กว่าจิตวิญญาณจะกลับมาสมบูรณ์พร้อมเหมือนเดิม

“ มิใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วย หากแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรต่างหาก ” มหาเทพอวี่หวงพูดออกมาเบาๆ ทำให้เทพเอ้อหลางเสินและคนอื่นๆที่ได้ยินมีสีหน้าตื่นตระหนกทันที

“ หรือแม้แต่ตัวท่านเอง ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะทำลายเขตอาคมนี้ได้อย่างงั้นรึ ” เทพเอ้อหลางเสินถามย้ำอีกครั้ง

“ ตลอดระยะเวลาหนึ่งล้านปีที่ผ่านมา นอกจากหลินซินเยว่แล้วสำนักดาราสวรรค์ก็ไม่เคยมีผู้บรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพแม้แต่คนเดียว แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นค่ายกลยี่สิบแปดดาราก็ไม่เคยถูกทำลายมาก่อน ”

“ ข้าต้องการให้พวกท่านเก็บตัวเป็นเวลาสิบปี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามออกจากที่พำนักของตนเองแม้แต่ก้าวเดียว ”

นอกจากพระยูไล พระอมิตาภพุทธ พระโพธิสัตว์ตี้จั้งหวังแล้ว แดนสุขาวดีก็มีพระโพธิสัตว์ระดับสูงอีกเพียงสิบองค์ การห้ามพระโพธิสัตว์ระดับสูงหกองค์ยุ่งเกี่ยวเรื่องราวทางโลก มีส่วนช่วยลดความกดดันให้กับเธอเป็นอย่างมาก ทั้งยังไม่ถือว่าเป็นการบีบคั้นอีกฝ่ายเกินไปอีกด้วย

ถึงแม้จะไม่แน่ใจในท่าทีของแดนสุขาวดีเกี่ยวกับเป้าหมายของเต๋าแห่งสวรรค์ แต่เตรียมการป้องกันเอาไว้ก่อนเป็นดีที่สุด

“ ตกลง พวกอาตมายอมรับเงื่อนไข ” พระโพธิสัตว์ตี้จั้งหวังตอบรับอย่างง่ายดาย ราวกับคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว

“ ดีมาก เชิญพวกท่านกลับไปได้ ”

แวบ!

สิ้นเสียง พระโพธิสัตว์ทั้งเจ็ดองค์รวมไปถึงสัตว์พาหนะคู่กาย ก็ถูกส่งออกไปจากค่ายกลยี่สิบแปดดาราทันที

“ ทีนี้ก็เหลือ แต่พวกเจ้าแล้ว ” หลินซินเยว่หันไปจ้องมองพวกเซียวหมิงเทียนด้วยแววตาเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้นต่อ

“ จะยอมรับเงื่อนไขที่ข้าเสนอไปตอนแรก หรือจะปล่อยให้ตระกูลของพวกเจ้าโดนถอนรากถอนโคนจนหมดสิ้น จงเลือกเอา ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเซียวหมิงเทียนก็ซีดขาวลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากครอบครัวและบุตรหลานคือจุดอ่อนสำคัญของตนเอง และยังเป็นต้นเหตุให้เรื่องราวทั้งหมดมันดำเนินมาถึงจุดนี้อีกด้วย

“ ผู้น้อย ยินดีรับเงื่อนไขขององค์จักรพรรดินีทุกประการ ได้โปรดเมตตาละเว้นตระกูลของพวกเราด้วยเถิด ”

อดีตจักรพรรดิโลกอสูรและสามผู้นำตระกูลใหญ่ คุกเข่าอ้อนวอนหลินซินเยว่ด้วยร่างกายที่สั่นเทา ก่อนจะยอมละทิ้งศักดิ์ศรีแล้วก้มลงกราบกรานในที่สุด

ซึ่งนี่ก็ถือเป็นการสิ้นยุคสมัยของราชวงศ์เซียว ที่ปกครองโลกทิพย์สัตว์อสูรมายาวนานกว่าหนึ่งล้านปี ส่วนผู้นำตระกูลปิงกู่ก็จะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิโลกอสูรองค์ใหม่ โดยมีสำนักดาราสวรรค์คอยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน