จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 535

ฝนตกราวกับฟ้ารั่ว สายฟ้าเลื้อยลามลงมาดุจอสรพิษคลั่ง

นี่คือประโยคแรกที่ผุดขึ้นมาในความคิดจ้าวเทียน เมื่อก้าวเข้ามาในมิติลึกลับแห่งนี้ มันเป็นโลกที่ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วนระหว่างท้องฟ้ากับมหาสมุทรสีดำ

“ สถานที่แห่งนี้มีแรงดึงดูดมากกว่าโลกเกือบร้อยเท่า อีกทั้งพลังงานฟ้าดินยังเต็มไปด้วยเจตนาสังหารอันรุนแรง ทุกคนห้ามประมาทเด็ดขาด ” จ้าวเทียนพูดเตือนเสียงดัง

รอบตัวเขาเหมือนมีอาณาเขตไร้รูปสกัดกั้นไว้ ทำให้ทั้งสายฝนและอัสนีบาตไม่อาจสัมผัสตนเองและคนอื่นๆได้

สมรภูมิรบบรรพกาลหรือดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ครอบครองพื้นที่เกือบหนึ่งในสามของจักรวาลทั้งหมด

แม้จะผ่านระยะเวลาไปถึงหนึ่งล้านปี ผลกระทบที่เกิดจากการต่อสู้ระหว่างราชันเทพมารอเวจีกับสิบสุดยอดจักรพรรดิเทพในยุคนั้น ก็ยังไม่อาจฟื้นฟูกลับมาดังเดิมได้

สถานที่แห่งนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นเขตแดนมรณะ ปราศจากดาวเคราะห์หรือสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดใหม่ เต็มไปด้วยช่องว่างแห่งกาลเวลาที่บิดเบี้ยว หลุมดำ พายุมิติทำลายล้างและอันตรายอื่นๆอีกมากมาย

หากไม่ใช่เพราะเทพกระบี่สามารถเปิดประตูเคลื่อนย้าย มายังดินแดนมรดกของจักรพรรดิอสูรกระบี่ได้โดยตรง ต่อให้จ้าวเทียนจะมั่นใจในตัวเองมากแค่ไหน ก็คงไม่กล้าพาพวกพ้องคนอื่นๆมาเสี่ยงแน่นอน

ในบรรดาสิบสุดยอดจักรพรรดิยุคบรรพกาลทั้งหมด มีเพียงอสูรกระบี่กับโฮ่วอี้ที่ไม่ได้สร้างขุมกำลังของตนเอง

สองดาวมฤตยูแห่งเอกภพ หนึ่งกระบี่ หนึ่งเกาทัณฑ์ สร้างชื่อขึ้นจากทะเลโลหิตและกองภูเขาซากศพของผู้แข็งแกร่งมากมายดุจดาวบนท้องฟ้า

ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ โฮ่วอี้จะค่อนข้างมีนิสัยรักสันโดษ ชอบท่องเที่ยวไปตามลำพังและจะเปิดฉากสังหารก็เฉพาะพวกที่ชั่วร้ายสมควรตายเท่านั้น

ส่วนอสูรกระบี่นั้นมีเจตจำนงอันแรงกล้า ที่บรรลุจุดสูงสุดของวิถีกระบี่ให้เหนือกว่าผู้ใดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

ด้วยเป็นทายาทรุ่นหลังของราชันกระบี่ฟ้าสามภพ หนึ่งในสามผู้ปกครองเอกภพยุคแรกเริ่ม แต่เนื่องจากวัยเยาว์อสูรกระบี่นั้นร่างกายอ่อนแอ

และยังมีพรสวรรค์ด้อยกว่าพี่น้องคนอื่นๆมาก จึงไม่ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาประจำตระกูล ทั้งยังโดนรังแกดูถูกเหยียดหยามอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายเขาจึงเลือกหลบหนีออกมาผจญโลกกว้างเพียงลำพัง

เพราะอสูรกระบี่มีจิตใจที่เป็นกลาง ขอเพียงอีกฝ่ายมีเคล็ดวิชากระบี่ที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นสำนักเทพหรือนิกายมาร เขาก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เข้าร่วมเป็นศิษย์สืบทอดทั้งสิ้น

และก็เพราะการเสี่ยงชีวิตจากภารกิจอันตรายมากมาย มันก็ได้ไปกระตุ้นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ของอสูรกระบี่ให้ตื่นขึ้นมา

ทั้งยังได้รู้ความจริงอีกว่า เนื่องจากมีมารดาเป็นหญิงรับใช้ อัจฉริยะในรอบหมื่นปีอย่างเขาเลยถูกผู้อาวุโสบางคนในตระกูลวางยาพิษไร้สภาพตั้งแต่เกิด เพื่อไม่ให้ไปกีดขวางเส้นทางของพี่น้องคนอื่นๆ

เพราะความแค้นในเรื่องนี้เอง จึงยิ่งผลักดันให้อสูรกระบี่ทุ่มเทชีวิตแสวงหาความแข็งแกร่งอย่างบ้าคลั่ง จนสุดท้ายเขาก็สามารถรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่เรียนรู้มา สร้างเป็นเคล็ดวิชาลับเฉพาะของตนเองได้สำเร็จ

เพียงไม่นานหลังจากนั้น นามของอสูรกระบี่ก็โด่งดังไปทั่วทั้งเอกภพ จากการเอาชนะผู้แข็งแกร่งมากมาย ซึ่งมีขอบเขตพลังเหนือกว่าตัวเอง

“ ฉันได้ตรวจสอบดูเรียบร้อย มิติที่พวกเราอยู่มีขนาดใหญ่โตกว่าโลกมนุษย์ถึงสองเท่า มันถูกสร้างขึ้นจากกองซากศพมากมายมหาศาล แม้แต่มหาสมุทรสีดำนี่ก็คือโลหิตเทพ มาร และอสูรที่ปะปนกันจนแยกไม่ออก ”

“ จักรพรรดิเทพอสูรกระบี่ดูเหมือนจะชอบเก็บสะสมซากศพของผู้แพ้ ตลอดจนเคล็ดวิชาอาวุธต่างๆ ขอเพียงพวกคุณผ่านการทดสอบจากดวงจิตตกค้างเจ้าของร่างสำเร็จ ก็จะได้รับมรดกของผู้แข็งแกร่งคนนั้นกลับมาครอบครองแน่นอน ” จ้าวเทียนอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

สัมผัสวิญญาณของเขามีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าผู้อื่นเป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่อรวมกับประสบการณ์อันโชกโชน จึงไม่แปลกที่จะเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเผชิญเป็นอย่างดี

“ ในมิตินี้ จะมีฝ่ามือขนาดยักษ์โผล่พ้นจากผิวน้ำจำนวนหนึ่งร้อยพอดี ขอให้ทุกคนแยกกันไปตามหาโชคชะตาของตนเอง ระวังเรื่องสายฟ้ากับทะเลโลหิตเอาไว้ก็พอ ห้ามไปสัมผัสพวกมันจะดีที่สุด ”

พูดจบ จ้าวเทียนก็เริ่มบอกพิกัดของมือแต่ละมือ ให้คนอื่นๆแยกย้ายกันออกไปตามหาทันที โชคดีที่พวกเขาพามาไม่ถึงห้าสิบคน ก็เลยไม่น่าจะเกิดการต่อสู้เพื่อแย่งชิงมรดกสืบทอดกันขึ้น

“ ส่วนพวกเธอ ให้ตามฉันมา ” จ้าวเทียนหันไปบอกโม่ซินหยานกับเหล่ามือสังหารสาวทั้งยี่สิบคน

เนื่องจากพวกเธอทั้งหมดมีสายเลือดครึ่งมนุษย์ครึ่งอสูรในตัว เลยไม่อาจฝึกฝนตามปกติได้ จำเป็นต้องกลืนกินเลือดเนื้อเผ่าพันธุ์อื่นเพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้ตนเอง

“ อาจารย์คะ หนูขอไปด้วยคนสิ ” โม่ปิงหยูรีบวิ่งเข้ามาเกาะแขนจ้าวเทียน บรรยากาศที่นี่ดูน่าขนลุกเป็นอย่างมาก เธอไม่อยากบินออกตามหามรดกสืบทอดคนเดียว

“ เอ่อ ปิงหยู หนูแน่ใจนะ บางทีเหตุการณ์หลังจากนี้คงจะไม่น่าดูสักเท่าไหร่ ”