จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 550

คำข่มขู่ของราชันเทพโอดิน เปรียบเสมือนคมมีดที่บาดลึกในใจของพวกลี่เหยาเหยาทุกคน ทำให้ความยินดีในชัยชนะและความรู้สึกฮึกเหิมที่ผ่านมาสลายสิ้นไปในพริบตา

“ ถ้าเจ้ากำลังคิดจับพวกข้าเป็นตัวประกันเพื่อต่อรอง ก็เลิกคิดเสียเถอะ เพราะมันเปล่าประโยชน์ ” เทพโอดินพูดดักทางไว้ก่อน เมื่อเห็นไป๋ซู่เจินกับเทพธิดาซวนเฉวียนเริ่มขยับเข้ามาใกล้

“ เหอะ บางทีนี่อาจจะเป็นแผนโกหกเอาตัวรอดของพวกแกก็ได้ ไม่แน่ว่าตอนได้ออกไป แกก็ไม่ยอมปล่อยตัวประกันอยู่ดี ” สฟิงซ์แค่นเสียงอย่างดูถูก เพราะจากที่เธอลองสังเกตดู เทพโอดินนั้นมีนิสัยเจ้าเล่ห์และเชื่อถือไม่ได้

ทันใดนั้นเอง

ฉัวะ! กรี้ดดด!

ซูต๋าจี่กรีดร้องออกมาเสียงดัง ด้วยความทุกข์ทรมานราวกับดวงวิญญาณแตกสลาย เนื่องจากถูกเทพซูซาโนะโอะฉีกกระชากหางที่สองจนขาดกระจุย ทำให้โลหิตสาดกระจายไปทั่ว

แวบ!

ร่างของซูต๋าจี่หดเล็กลงกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกธรรมดา เมื่อสูญเสียหางทั้งแปดที่เป็นต้นกำเนิดพลังจากการบำเพ็ญตบะอันยาวนาน เธอก็ไม่อาจคงรูปลักษณ์กึ่งมนุษย์ของเซียนอสูรจิ้งจอกเก้าหางเอาไว้ได้อีกต่อไป

“ หากเจ้ายังคิดถ่วงเวลาอีก ข้าจะทำลายหางสุดท้ายเพื่อปลิดชีพนางทันที ” เทพซูซาโนะโอะพูดขึ้นอย่างเย็นชา พร้อมกับคว้าคอจิ้งจอกน้อยมาสะบัดไปมาตรงหน้าลี่เหยาเหยาราวกับต้องการข่มขู่

“ ไม่นะ อย่าร้ายนาง… ”

“ ไอสารเลว รีบปล่อยผู้อาวุโสซูต๋าจี่เดี๋ยวนี้ ”

“ สู้ไม่ได้ก็จับตัวประกัน เลวยิ่งกว่าสัตว์เดียรฉาน ”

เหล่าปีศาจสาวทั้งยี่สิบตน พากันร้องตะโกนด่าทอสาปแช่ง การกระทำของเทพซูซาโนะโอะอย่างต่อเนื่อง

“ ทุกคนหยุด ” ไป๋ซู่เจินสั่งออกมาเบาๆ ซึ่งด้วยตำแหน่งตัวแทนผู้นำสมาคมของเธอ ก็ทำให้ปีศาจสาวตนอื่นๆ ยอมเงียบเสียงลงแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก แล้วเปลี่ยนเป็นจ้องมองเทพซูซาโนะโอะอย่างดุดันแทน

“ เมื่อออกไปแล้ว จะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกแกยังคงรักษาสัญญา ” ไป๋ซู่เจินถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เธอกลัวอีกฝ่ายจะไม่รักษาคำพูด

“ ไม่ต้องห่วง ข้าพูดคำไหนคำนั้นแน่นอน และที่สำคัญปีศาจจิ้งจอกตนนี้ก็ได้สูญเสียพลังไปเกือบหมดแล้ว ต่อให้นางไม่ตายก็ไม่ส่งผลคุกคามอีกต่อไป ” เทพโอดินพูดออกมาอย่างผ่อนคลาย พร้อมทั้งให้บอกเทพซูซาโนะโอะเลิกยั่วยุฝ่ายตรงข้าม

เมื่อได้ยินแบบนั้น ไป๋ซู่เจินก็หันไปสบตากับลี่เหยาเหยาแล้วจึงพยักหน้าเบาๆ ถึงแม้ไม่เอ่ยออกมาเป็นคำพูด ทั้งคู่ก็เข้าใจความคิดของกันและกันดี

ในศึกครั้งนี้ สมาคมปีศาจสาวได้ประสบความสูญเสียใหญ่หลวงอย่างแท้จริง ในบรรดาร้อยเซียนอสูรผู้คุมกฎ มีถึงแปดสิบตนที่ต้องพลีชีพไปในการต่อสู้กับสิบสามวาลคีรี่

หากต้องมาเสียซูต๋าจี่ซึ่งเป็นหนึ่งในสองเสาหลักสำคัญไปอีก นั่นก็ดูจะเป็นการโหดร้ายกับพวกเธอมากเกินไป

“ หวังว่าพวกแกจะรักษาคำพูด ไม่อย่างนั้น ”

สิ้นเสียง ลี่เหยาเหยาก็รวมร่างเข้ากับเทพธิดาซวนเฉวียน และเริ่มควบคุมลูกแก้วอุทัยหมื่นโลกาเพื่อสลายโลกมายาที่ถูกสร้างขึ้น

ครืนนนน! เพล้งงง!

ห้วงมิติของโลกใบนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก่อนจะแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆราวกับเศษกระจก ส่งผลให้ทุกชีวิตที่อยู่ด้านในกลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริง

แวบ!

“ ฮา ฮ่า ในที่สุดอาวุธเทพเจ้าของข้าก็ฟื้นคืนพลังกลับมาแล้ว คราวนี้แหละ พวกเจ้าจะต้อง… ”

ยังพูดไม่ทันจบเทพโอดินก็ใบหน้าแข็งค้างไปทันที มือข้างที่ถือหอกกุงนีร์สั่นสะท้านเบาๆ ราวกับพบเจอบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ตรงหน้า

“ นี่มัน เกิดอะไรขึ้น ” เทพซูซาโนะโอะพูดขึ้นด้วยสีหน้าหมองคล้ำ มีท่าทีไม่ต่างไปจากเทพโอดินเท่าไหร่นัก

เพราะที่ลอยอยู่ตรงหน้าพวกเขา ก็คือกองซากศพขนาดใหญ่ที่สูงเกือบสิบเมตร ซึ่งประกอบไปด้วยใบหน้าคุ้นเคยมากมาย ทั้งราชาเทพซูส ทั้งเทพเอ้อหลางเสิน หรือแม้แต่จื่อเวยมหาเทวราช ตลอดจนตัวแทนขุมกำลังแดนสวรรค์อื่นๆ

เหล่าเทพเจ้าที่จุติลงมาบนโลกมนุษย์…ถูกสังหารจนหมดสิ้น

ในตอนนี้ นอกจากพวกเทพโอดินจะไม่เหลือพันธมิตรให้พึ่งพาแล้ว ก็ยังถูกล้อมกรอบไปด้วยกองกำลังศัตรูจำนวนนับไม่ถ้วนอีกต่างหาก

ทั้งสมาพันธ์เซียน ทั้งสี่หน่วยรบจตุเทพ หรือแม้แต่กองกำลังทหารติดอาวุธของรัฐบาลจีน ต่างก็จ้องมองมาที่พวกเทพโอดินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารทั้งสิ้น

“ ซูซาโนะโอะ จงใช้จิ้งจอกตัวนั้น… ” เทพโอดินได้สติขึ้นมาก่อน จึงรีบสั่งออกมาอย่างร้อนรน แต่ก็น่าเสียดายที่มันสายเกินไป

“ หนึ่งกระบี่ทลายไร้สิ้นสุด! ”

ฉัวะ!

มองเห็นเทพกระบี่ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ตั้งกระบี่เป็นแนวขวางแล้วฟันออกไปในพริบตา จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างหยุดชะงักอยู่กับที่ ราวกับห้วงเวลาถูกแช่แข็ง

บรรยากาศรอบตัวจ้าวเทียนค่อยๆเปลี่ยนไป มันเริ่มต้นด้วยความดุดัน โหดร้าย เกรี้ยวกราด ก่อนจะจบลงด้วยความดำมืดอันน่าขนลุก เย็นยะเยือกจนเสียดแทงจิตวิญญาณ

วูป! บูมมม!

ทันใดนั้น จิตสังหารของจ้าวเทียนก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ปกคลุมไปทั่วแผ่นฟ้าและผืนดินดุจท้องทะเลซึ่งกำลังบ้าคลั่ง

เสี้ยววินาทีนี้เอง ที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกต่างพากันสั่นสะท้าน ด้วยความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจโดยไม่ทราบสาเหตุ

“ นี่มัน ถึงกับสามารถกับบรรลุแก่นแท้สังหารขั้นสูงในเวลาเช่นนี้งั้นเหรอ ” เทพโอดินพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด ใช้สายตาจับจ้องไปที่ความเคลื่อนไหวของศัตรูไม่กล้าประมาทแม้แต่วินาทีเดียว

“ โอดินนนน ! ”

จ้าวเทียนพุ่งทะยานใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วยจิตสังหารอันท่วมท้น สัญลักษณ์ดวงอาทิตย์สีทองปรากฏขึ้นกลางหน้าผาก เส้นผมที่ปลิวไสวของเขาลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงโชติช่วง

บูมม!

สิบแก่นแท้ของจ้าวเทียน ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับโลกภายในโดยไม่รู้ตัว และปลดปล่อยพลังอันมหาศาลไร้ขีดจำกัดออกมา จนชั้นบรรยากาศโลกพังทลาย ห้วงมิติฉีกขาดเป็นรอยแยกสายหนึ่ง เพราะไม่อาจทนรับพลังนี้ไหว

เปรี๊ยะ!ๆๆ

เพียงจ้าวเทียนจ้องมองมา เทพโอดินก็เหมือนถูกตรึงอยู่ใจกลางหลุมดำ ร่างกายของเขาถูกบดขยี้โดยพลังกฎเกณฑ์ลึกลับอันน่าสะพรึงกลัวอย่างต่อเนื่อง จนไม่อาจดิ้นรนหลบหนีไปไหนได้เลย

“ บัดซบ ข้าไม่ยอม ”

เทพโอดินฝืนใช้แรงเฮือกสุดท้าย แทงหอกกุงนีร์ออกไปด้วยพลังทั้งหมดที่มี ซึ่งจ้าวเทียนก็ปล่อยหมัดที่ปกคลุมไปด้วยออร่าสีดำสวนกลับมาเช่นกัน

ตูมมมมม!

เกิดแสงสว่างเจิดจ้า ก่อนจะตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ร่างเทพโอดินปลิวกระเด็นไปไกลดุจว่าวสายขาด หอกกุงนีร์ในมือแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ แม้แต่ชุดเกราะเทพเจ้าสงครามก็ยังถูกทะลวงเป็นหลุมลึกมองเห็นอวัยวะภายใน

“ เจ้า! พลังนั่น เป็นไปไม่… ” เทพโอดินยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกจ้าวเทียนตามมาบีบคอเอาไว้แล้วยกสูงขึ้นเหนือศีรษะ

“ เหอะ ยังมีสิ่งที่แกไม่รู้อีกมากนัก ” จ้าวเทียนแค่นเสียงเย็นชา แต่ภายในใจก็รู้ตื่นตระหนกเช่นเดียวกับฝ่ายตรงข้าม

จ้าวเทียนไม่เคยคิดเลยว่า การหลอมรวมพลังของสิบแก่นแท้เข้าด้วยกันโดยไม่ตั้งใจ มันจะทำให้ตนใช้พลังโกลาหลควบคุมกฎเกณฑ์ได้ ราวกับเป็นจักรพรรดิเทพก็ไม่ปาน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน