จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 562

ย้อนกลับไปช่วงเวลาที่จ้าวเทียนสร้างเต๋ากระบี่ราชันสวรรค์สำเร็จ เสียงระฆังแห่งแม่น้ำเต๋าก็ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งสามภพภูมิ

ขอเพียงเป็นผู้ฝึกตนที่อยู่ระดับปราณทิพย์ขึ้นไป ไม่ว่าจะอยู่สถานที่ใดในจักรวาลก็ล้วนได้ยินเสียงนี้ทั้งสิ้น

ณ เขตหวงห้ามสำนักดาราสวรรค์ จักรพรรดินีหลินซินเยว่ลืมตาขึ้นจากการทำสมาธิอันยาวนาน สีหน้าของนางดูแปลกใจเล็กน้อย แต่หลังจากลองใช้เคล็ดวิชาอนุมานดูก็เกิดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก แล้วหลับตาลงเพื่อฝึกฝนต่ออย่างผ่อนคลาย

ณ ท้องพระโรงวังสวรรค์สูงสุด มหาเทพอวี่หวงก็ลองใช้เคล็ดวิชาตรวจสอบที่มาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน แต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาก็หมองคล้ำลงอย่างชัดเจน พร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง

“ เหตุใดยอดอัจฉริยะเช่นนี้ จึงไม่ถือกำเนิดขึ้นภายในราชวงศ์ของข้า ”

น้ำเสียงของมหาเทพอวี่หวงเต็มไปด้วยความอับจนและคับแค้นใจ หากบุตรคนใดของเขามีความสามารถได้สักครึ่งของจ้าวเทียน วังสวรรค์ก็คงสยบขั้วอำนาจทั้งหมดแล้วขึ้นเป็นใหญ่เพียงผู้เดียวนานแล้ว

ทันใดนั้น

แวบ!

นัยน์ตาของมหาเทพอวี่หวงได้เปล่งแสงขาวออกมา ก่อนที่คลื่นอารมณ์ของเขาจะถูกลบหายไป กลับคืนสู่ใบหน้าไร้ความรู้สึกราวกับเป็นรูปปั้นไร้ชีวิตอีกครั้ง

ซึ่งถ้าจ้าวเทียนได้มาเห็นภาพนี้ ก็คงต้องกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้นอย่างแน่นอน เพราะมันคือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเขามาก่อนในชีวิตที่แล้ว

ในเวลาเดียวกัน ณ สนามรบเทพมารบรรพกาลที่กองกำลังทั้งสองฝ่าย กำลังเตรียมการเพื่อทำสงครามกันอยู่ หลังจากเสียงระฆังเต๋าดังจบลง ความวุ่นวายก็บังเกิดขึ้นตามมาแทบจะทันที

“ นี่มัน เสียงระฆังแห่งแม่น้ำเต๋างั้นรึ ดังถึงเก้าครั้งคงไม่ใช่ว่าเป็นเต๋าชั้นสูงนะ ไม่นึกเลยว่าข้าจะมีโอกาสได้ยินมันในช่วงชีวิตนี้ ”

“ หากข้าจำไม่ผิด ครั้งสุดท้ายที่ระฆังเต๋าดัง ก็เป็นตอนที่ศิษย์เอกของสามพิสุทธิ์แห่งเต๋าบรรลุสัจธรรมแห่งชีวิตเมื่อห้าหมื่นปีก่อนใช่ไหม แล้วครั้งนี้ล่ะ เป็นของผู้ยิ่งใหญ่ท่านใดกัน ”

“ ยังจะต้องถามอีกงั้นหรือ นอกจากศิษย์สืบทอดในสามนิกายเต๋าสูงสุดแล้วจะมีผู้ใดทำได้อีก หึหึ หลังจากนี้ข้าอยากจะรู้จริงๆ ว่าใครจะกล้าต่อต้านวังสวรรค์ของพวกเรา ”

ในขณะที่กองกำลังฝ่ายวังสวรรค์ กำลังส่งเสียงโห่ร้องพูดคุยอย่างมีความสุข ทางฝ่ายของสำนักดาราสวรรค์กลับมีสีหน้าหมองคล้ำลงอย่างชัดเจน จนแทบจะหมดกำลังใจต่อสู้เลยทีเดียว

“ ในอดีตเพราะการถือกำเนิดของสามพิสุทธิ์แห่งเต๋า ทำให้วังสวรรค์ดึงดูดผู้แข็งแกร่งเข้าร่วมได้มากมาย สุดท้ายจึงกลายเป็นขุมกำลังอันดับหนึ่งแห่งแดนสวรรค์ ”

“ ถ้าครั้งนี้ บรรพชนเต๋าคนใหม่มาจากวังสวรรค์อีกละก็… ” เทพีอามาเทราสุพูดขึ้นด้วยความสะทกสะท้อนใจ

เดิมทีนางต้องการเห็นวังสวรรค์และสำนักดาราสวรรค์ต่อสู้กันจนเสียหายยับเยินไปทั้งสองฝ่าย แต่ดูแล้วคงเป็นฝ่ายหลังถูกบดขยี้อย่างสิ้นเชิงเสียมากกว่า

ซึ่งผ่านไปเพียงไม่นาน สิ่งที่เทพีอามาเทราสุกังวลก็เกิดขึ้นทันที…

“ ความรู้สึกแบบนี้ไม่ผิดแน่ เป็นเต๋ากระบี่ชั้นสูงจริงๆ จะรอช้าไม่ได้แล้ว ข้า ตู้ซิงเหอขอสมัครเข้าร่วมวังสวรรค์ ”

“ ข้า ไป่มู่เจี้ยน ก็ขอเข้าร่วมวังสวรรค์เช่นกัน ”

“ ข้า ฮ่าวโม่… ”

“ ข้า ฟ่านปิง… ”

มีตัวแทนจากขุมอำนาจต่างๆทั่วทั้งจักรวาลเกือบห้าพันคน ที่ไม่เคยเข้าร่วมกับสำนักใดๆในแดนสวรรค์รีบประกาศตัวเลือกข้างทันที ซึ่งแต่ละคนล้วนบรรลุแก่นแท้แห่งกระบี่ขั้นสูงและมีพลังอยู่ในขอบเขตเทพโลกาขั้นเจ็ดขึ้นไปทั้งสิ้น

ตราบใดที่พวกเขา สามารถฝากตัวเป็นศิษย์รุ่นแรกและได้รับการถ่ายทอดเต๋าจากบรรพชนเต๋าคนใหม่ การจะบรรลุแก่นแท้กระบี่ขั้นสูงสุดก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หรือหากโชคดีอาจจะสามารถสร้างเต๋ากระบี่ของตัวเองได้เลยด้วยซ้ำ

สำหรับผู้ติดค้างอยู่ที่แก่นแท้กระบี่ขั้นสูงมาหลายหมื่นปี จนหมดสิ้นหนทางจะก้าวหน้าไปต่อ โอกาสงามๆแบบนี้จะยอมพลาดได้อย่างไร

“ เต๋าแห่งกระบี่งั้นรึ ทั้งยังเป็นเวลาเช่นนี้ มหาเทพอวี่หวงช่างโหดเหี้ยมจริงๆ คงคิดจะทำลายเจตจำนงต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่ยังไม่เริ่มสงครามสินะ ” เทพโอซีริสส่ายหน้าเบาๆ

กระบี่คืออาวุธที่มีผู้ฝึกฝนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในจักรวาล ทั้งยังมีอานุภาพโดดเด่นทั้งรุกและรับ เหมาะสมกับการต่อสู้ห้ำหั่นกันในสนามรบ

ด้วยความแข็งแกร่งของเทพโลกาที่บรรลุแก่นแท้กระบี่ขั้นสูงทั้งห้าพันคนนี้ ทัพหน้าของสำนักดาราสวรรค์คงถูกบดขยี้ไม่เหลือซากแน่นอน

บรรพชนรุ่นที่สิบของสำนักดาราสวรรค์ ระเบิดความกดดันออกมาอย่างรุนแรง เจตจำนงของเขาได้แผ่ขยายเข้าปกคลุมสนามรบทั้งหมด ทำให้บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบทันที

“ ……. ”

สิบลมหายใจผ่านไป เหนือกองทัพวังสวรรค์ก็เริ่มปรากฏเงาร่างอันพร่าเลือนของสามชายชราสวมชุดนักพรตสีขาวขึ้น กลิ่นอายของพวกเขาทั้งดูลึกลับและเก่าแก่โบราณเป็นอย่างมาก

“ พวกข้าได้เข้าไปตรวจสอบที่แม่น้ำแห่งเต๋ามาแล้ว ผู้ที่คิดค้นเต๋ากระบี่ราชันสวรรค์ ซึ่งอยู่ในอันดับเก้าของศิลาต้นกำเนิดก็คือ จ้าวเทียน! ”

!!

เสียงนี้เหมือนดั่งอสนีบาตยามแล้ง ทำให้ขุนพลเทพนาจาร่างกายสั่นสะท้าน สีหน้าของเขาแดงก่ำทั้งอับอายทั้งเดือดดาล รู้สึกเหมือนโดนลากไปตบหน้ากลางสี่แยกไม่มีผิด

และก็ไม่ใช่แค่ขุนพลเทพนาจาเพียงเท่านั้น บรรดาผู้ที่เคยพูดดูถูกเหยียดหยามสำนักดาราสวรรค์ไว้ก็รู้สึกหน้าชาไม่แตกต่างกัน โดยเฉพาะพวกที่กล้าวางเดิมพันแปลกๆไว้ ถึงกับกระอักโลหิตออกมาทันที

“ นี่มันช่าง…. ” เทพีอามาเทราสุพูดไม่ออก ถึงแม้นางจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของจ้าวเทียน แต่เขาก็เพิ่งเริ่มฝึกฝนใหม่ได้เพียงไม่กี่ปี แล้วจะไปบรรลุเต๋าขั้นสูงที่ตัวตนระดับผู้ยิ่งใหญ่ยังต้องทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตได้อย่างไร

“ อามาเทราสุ เห็นทีพวกเราคงต้องปรับเปลี่ยนแผนการใหม่อีกครั้ง เมื่อสำนักดาราสวรรค์ได้รับการสนับสนุนจากผู้ฝึกกระบี่ทั่วจักรวาล สงครามครั้งนี้คงไม่อยู่ในการควบคุมของมหาเทพอวี่หวงอีกต่อไป ” เทพโอซีริสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ตอนนี้ตัวตนของจ้าวเทียน ในฐานะบรรพชนเต๋ากระบี่คนใหม่ถูกเปิดเผยออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีมือกระบี่อีกมากมายเท่าไหร่ ยกขบวนกันมาขอเข้าร่วมกับเขาในช่วงเวลาหนึ่งวันที่เหลือ

“ หืม นี่คือ ”

“ ความรู้สึกนี้ ”

ทันใดนั้น สีหน้าของเหล่าผู้แข็งแกร่งทุกคนที่อยู่ในสนามรบก็ได้เปลี่ยนไป สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังทิศทางเดียวกัน ทั้งหมดส่งผ่านเจตจำนงข้ามผ่านระยะทางหลายล้านปีแสงไปในพริบตา

“ เป็นไปไม่ได้! การรวมตัวของมหาอสนีบาตทัณฑ์สวรรค์ทำลายล้าง ผู้ฝึกวิถีเซียนนับหมื่นทลายนภาพร้อมกันงั้นเหรอ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน