ในสายตาของเหล่าเทพสวรรค์ การทลายขอบเขตพร้อมกันของผู้ฝึกตนนับหมื่นบนโลก ถือเป็นเรื่องสิ้นคิดและดูไร้ประโยชน์มาก
เพราะการที่ผู้เผชิญภัยพิบัติอยู่รวมกลุ่มกันหลายคน นอกจากจะไม่ช่วยกระจายความรุนแรงของทัณฑ์สายฟ้าแล้ว ยังถือเป็นการดึงดูดการลงทัณฑ์จากสวรรค์ให้รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
โดยเฉพาะกับทัณฑ์สายฟ้าผลาญวิญญาณ ที่ถูกส่งตรงมาจากวิหารเต๋าสวรรค์เพื่อกำจัดวิถีเซียนต้องห้าม
นี่คืออสนีบาตสังหารซึ่งปรับเปลี่ยนตามระดับพลังของเป้าหมาย ยิ่งผู้ฝึกตนฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ อานุภาพของทัณฑ์สวรรค์ก็จะยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้นเท่านั้น
เส้นทางแห่งเซียนนภาคือการฝืนกฎเกณฑ์สวรรค์…เพราะฉะนั้นมันต้องถูกทำลาย
คำพูดประโยคนี้มหาเทพอวี่หวงได้ประกาศออกไปทั่วทั้งสามภพ ผู้ฝึกตนทุกคนในจักรวาลต่างรู้ดี ดังนั้นเมื่อมีการรวมตัวของมหาอสนีบาตทัณฑ์สวรรค์ทำลายล้าง
สิ่งแรกที่พวกเขาทำก็คือการแพร่กระจายข่าวสารออกไปเป็นวงกว้าง ซึ่งมันน่าดึงดูดความสนใจยิ่งกว่าการบรรลุเต๋าของจ้าวเทียนเสียอีก
ในเวลาเดียวกันบนโลกมนุษย์
กลุ่มเมฆสีดำได้ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก มันมีอาณาเขตหลายหมื่นกิโลเมตร จนแทบจะบดบังแสงอาทิตย์ปกคุลมท้องฟ้าทั้งหมด เปลี่ยนกลางวันให้กลางคืน สร้างความแตกตื่นหวาดกลัวให้ทุกชีวิตที่ได้เห็น
ครืนนน!
ปรากฏพายุหมุนขนาดใหญ่ดึงดูดเมฆสีดำให้มารวมตัวกัน กระทั่งกลายเป็นวังวนขนาดยักษ์อยู่เหนือเกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิก
เปรี้ยง!ๆๆๆ ตูม! ๆๆๆๆๆ
เสียงอัสนีบาตคำรามก้องท้องนภาเหมือนวันสิ้นโลก พายุสายฟ้าโหมกระหน่ำอย่างน่ากลัว พวกมันฟาดทำลายไปสิ่งปลูกสร้างรูปโดมสีดำบนเกาะอย่างถี่ยิบ ราวกับต้องการบดขยี้ให้เป็นจุล
แต่ทว่า สิ่งปลูกสร้างสีดำนั้นก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะถูกพายุสายฟ้าหลายหมื่นเส้นฟาดกระหน่ำเข้าใส่ จนพื้นดินแตกแยกน้ำทะเลรอบๆแห้งเหือดเป็นไอ แต่สภาพของโดมสีดำกลับไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย
เปรี้ยงงง!ๆๆๆ ครืนนน!
โลหะเคลือบผิวชั้นนอกของสิ่งปลูกสร้าง ได้ทำหน้าที่เป็นฉนวนส่งผ่านกระแสไฟฟ้าอานุภาพสูงทั้งหมดลงไปตรงเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ฝังอยู่ใต้ดิน
ก่อนจะแปลงพลังงานนั้นส่งคืนกลับไป เสริมความแข็งแกร่งให้เขตอาคมป้องกันภายในโดมและช่วยทำลายข้อจำกัดให้ผู้ฝึกตนที่กำลังทลายนภาอีกต่อหนึ่ง
นี่คือการหลอมรวมเทคโนโลยีเข้ากับเทคนิคการก่อตัวค่ายกล เพื่อวัตถุประสงค์ในการเอาชนะทัณฑ์สวรรค์โดยเฉพาะ
สิบลมหายใจผ่านไป
“ เป็นไปไม่ได้ สิ่งปลูกสร้างของมนุษย์จะต้านทานอสนีบาตสวรรค์ได้อย่างไร ” เทพีอามาเทราสุพูดขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง
นางสัมผัสได้ชัดเจนว่าอนุภาพทัณฑ์สายฟ้าได้ยกระดับขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะทัดเทียมกับการโจมตีสุดแรงของเทพโลกาขั้นสามอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่อาจสร้างความเสียหายให้สถานที่ซ่อนตัวของผู้ฝึกตนมนุษย์ได้เลย
“ นี่ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัว กลายเป็นของเล่นให้พวกมนุษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ”
“ สิ่งปลูกสร้างนั่นมันคืออะไรกัน สมบัติศักดิ์สิทธิ์โบราณงั้นเหรอ หรือเป็นวังจักรพรรดิอมตะ ”
ไม่ใช่แค่เทพีอามาเทราสุเท่านั้น ที่ตื่นตระหนกต่อพลังของเทคโนโลยีบนโลกมนุษย์ แม้แต่เหล่าเทพจากวังสวรรค์ รวมไปถึงตัวแทนขุมกำลังต่างๆทั่วจักรวาล ก็มีอาการแตกตื่นไม่ต่างกัน
เวลาได้ผ่านไปอีกยี่สิบลมหายใจ สุดท้ายเมื่อเห็นว่าไม่อาจทำลายสิ่งปลูกสร้างสีดำได้ ทัณฑ์สายฟ้าทั้งหมดได้หลอมรวมกัน เป็นสัญลักษณ์ดวงตาสีทองขนาดใหญ่
“ เผ่าเซียนต้องห้ามจะต้องถูกกำจัด เปิดใช้งานมหาอสนีบาตผลาญวิญญาณ! ”
เสียงคล้ายหุ่นยนต์ดังขึ้นจากความว่างเปล่า มันทั้งเย็นชาและไร้ความรู้สึก ทำหน้าที่ราวกับเป็นโปรแกรมกำจัดไวรัสในคอมพิวเตอร์ก็ไม่ปาน
วูป! เปรี้ยงงง!ๆๆๆๆๆๆ
แวบ!
ราชโองการสีทองปรากฏขึ้นเหนือกองทัพวังสวรรค์ ก่อนจะลอยลงมาอยู่ในมือของแม่ทัพเทพเอ้อหลางเสิน แสดงให้เห็นว่าการทักท้วงของไท่ซ่างเหล่าจวินไม่เป็นผล
“ ตอนนี้ม่านพลังข้อจำกัดของโลกมนุษย์ ได้รับความเสียหายจากทัณฑ์สวรรค์ ทำให้ผู้ฝึกตนขอบเขตแดนเทพสามารถเข้าออกได้ตามใจนึก ”
“ ขุนพลเทพนาจา เจ้าจงนำทัพสวรรค์สิบล้านไปสังหารศัตรูบนโลกมนุษย์ โดยห้ามไปกระตุ้นเขตอาคมพิทักษ์ของเหล่าเทพมังกรเด็ดขาด ซึ่งเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นก็ให้รีบกลับมาทันที ข้าจะสกัดกั้นกองทัพจักรพรรดินีหลินซินเยว่ไว้ให้เอง ” แม่ทัพเทพเอ้อหลางเสิน สั่งการด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เขาเองก็รู้สึกว่าการตัดสินใจครั้งนี้ ของมหาเทพอวี่หวงดูขาดความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ทั้งที่รู้ว่าเป็นกับดักก็ยังคิดส่งพวกตนลงไป เหมือนเป็นเบี้ยที่ใช้แล้วทิ้งไม่มีผิด
“ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านไม่ต้องกังวล ” ขุนพลเทพนาจาตอบรับเบาๆ เรื่องที่จ้าวเทียนสามารถสังหารผู้ยิ่งใหญ่ผ่านทางเส้นใยกรรมและดวงวิญญาณ เขาเองก็เห็นมากับตาย่อมไม่เอาตัวลงไปเสี่ยงแน่นอน
‘ แค่ส่งทหารขอบเขตแดนเทพสิบล้านคนลงไป ก็น่าจะเพียงพอสำหรับกวาดล้างศัตรูทั้งหมดแล้ว ส่วนหน้าที่ของข้าคือการป้องกันไม่ให้มีผู้แข็งแกร่งจากภายนอกเข้ามาแทรกแซง ’
เมื่อรับคำสั่งมา ขุนพลเทพนาจาก็รีบปฏิบัติตามทันที กองทัพสวรรค์บูรพาทั้งสิบล้านนาย พุ่งทะยานเข้าไปช่องว่างมิติอย่างเป็นระเบียบแบบแผน ซึ่งก็น่าจะใช้เวลาไม่เกินสิบลมหายใจถึงจะเสร็จเรียบร้อย
ในเวลาเดียวกัน
เมื่อทหารสวรรค์นับแสนนาย ทยอยกันก้าวออกมาจากช่องว่างมิติเรื่อยๆ สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นก็คือดาวเคราะห์สีฟ้าอันงดงาม และประตูเซียนขนาดยักษ์ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า
ซึ่งถ้าดูจากกลิ่นอายที่ประตูเซียนเหล่านี้ปลดปล่อยออกมา ขอเพียงแย่งชิงมาเป็นของตนได้สำเร็จ มันก็จะเทียบเท่ากับการเก็บตัวบ่มเพาะมานานหลายพันปีเลยทีเดียว
“ ไสหัวกลับไปซะ ถ้ายังไม่อยากตาย ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เขายืนอยู่บนหลังอีกาทองคำสามขาอย่างห้าวหาญ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ไม่ได้หวั่นเกรงต่อศัตรูจำนวนมากมายที่รออยู่นอกโลกแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...