จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 570

หมากตานี้ของมหาเทพจูเซียน ได้ทำให้เปลือกนอกที่ดูแข็งแกร่งของวังสวรรค์พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง เขาได้แสดงให้ทั่วทั้งจักรวาลได้เห็นความจริงที่ว่า

ถึงแม้จะผ่านไปนานนับหมื่นปี นิกายจูเซียนก็ยังคงเต็มไปด้วยผู้จงรักภักดีมากมาย โดยที่อำนาจของมหาเทพองค์ใหม่ ไม่สามารถผูกมัดหัวใจคนเหล่านี้ได้เลย ซึ่งก็ถือเป็นการตบหน้ามหาเทพอวี่หวงอย่างรุนแรงเลยทีเดียว

“ บัดซบ! นั่นพวกเจ้าคิดจะทำอะไร กลับเข้ามาอยู่ในแถวเดี๋ยวนี้ ” แม้ทัพเทพเอ้อหลางร้องตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ เมื่อเห็นทหารสวรรค์เกือบสองล้านนาย พุ่งทะยานออกจากขบวนรบโดยพละการ

พวกเขาไม่ได้ไปเข้าร่วม กับสำนักดาราสวรรค์เหมือนอย่างที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ แต่เลือกที่จะตั้งแถวอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างกองทัพของทั้งสองฝ่าย เพื่อรอการมาถึงของมหาเทพจูเซียน

“ ขออภัยด้วยท่านแม่ทัพ ถึงแม้พวกข้าจะได้รับดูแลจากท่านเป็นอย่างดี แต่ทางตระกูลของพวกข้าได้ประกาศเข้าร่วมกับนิกายจูเซียนแล้ว พวกข้าไม่อาจขัดขืนคำสั่งของผู้นำตระกูลได้ ”

หนึ่งในรองแม่ทัพทั้งสี่ของวังสวรรค์ ถอดหมวกเกราะและแผ่นป้ายประจำตำแหน่งส่งคืนให้กุนซือที่ยืนอยู่ข้างกาย แล้วพาเหล่าองครักษ์เคลื่อนย้ายมิติจากไปทันที

“ แม้แต่ผู้สืบทอดที่ข้าทุ่มเทฝึกฝนมากับมือ ก็ยังกล้าคิดทรยศงั้นรึ ”

ควับ!

เทพเอ้อหลางยกหอกขึ้นเหมือนจะทะลวงมิติออกไป แต่ก็ถูกพวกรองแม่ทัพที่เหลือห้ามเอาไว้ทัน เพราะตราบใดที่มหาเทพอวี่หวงยังไม่มีราชโองการลงมา พวกเขาก็ไม่อาจเปิดศึกกับนิกายจูเซียนโดยพละการ

ณ ท้องพระโรงวังจักรพรรดิสวรรค์

บุรุษผู้หนึ่งประทับนั่งบนบัลลังก์มังกร ด้วยกายแท้ที่สูงใหญ่เกือบพันเมตร ตรงด้านหลังปรากฏวงแหวนเก้าสี ปลดปล่อยแสงสีทองทอประกายระยิบระยับ ทั้งดูศักดิ์สิทธิ์และสง่างามในเวลาเดียวกัน

มหาเทพอวี่หวงในชุดคลุมจักรพรรดิสวมมงกุฎมุกห้าแถว กวาดสายตามมองขุนนางข้าราชบริพารนับร้อย ที่กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องล่างอย่างเย็นชา

“ พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร กับเรื่องพวกกบฏในแดนสวรรค์ ” มหาเทพอวี่หวงถามขึ้นเสียงดัง

“ เรียนฝ่าบาท ก่อนอื่นกระหม่อมอยากทราบความจริง ว่ามหาเทพจูเซียนฟื้นคืนพลังทั้งหมดกลับมาแล้วหรือยัง เขามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะคุกคามพระองค์หรือไม่ ” ชายชราในชุดคลุมเต๋าโค้งคำนับด้วยความอ่อนน้อม

“ หึหึ คุกคามข้างั้นรึ เขาเป็นเพียงจิตวิญญาณที่สร้างร่างกายเทียมขึ้นมา ไม่ใช่จักรพรรดิเทพที่แท้จริง ย่อมไม่อาจต่อกรกับข้าได้อยู่แล้ว ” มหาเทพอวี่หวงพูดขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง

ถึงแม้มหาเทพจูเซียนจะมีเจตจำนงและมรรคาจักรพรรดิ แต่มหาเทพอวี่หวงดูออกว่าโครงสร้างร่างกายอีกฝ่าย รวมไปถึงโลกภายในมีความแข็งแกร่งเท่ากับเทพโลการะดับเก้าขั้นสูงสุดเท่านั้น ไม่มีทางเทียบตนเองได้แน่นอน

“ ถ้าเป็นตามที่พระองค์กล่าวมา ในตอนนี้ศัตรูที่พวกเราต้องให้ความสำคัญมากที่สุด ก็คือจักรพรรดินีหลินซินเยว่และสำนักดาราสวรรค์ ไม่ควรจะสิ้นเปลืองกองกำลังไปปราบปรามกบฏก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้นเด็ดขาด ”

“ ขอเพียงพระองค์หาโอกาสสังหารมหาเทพจูเซียนให้ได้ในการต่อสู้ พวกกบฏที่เข้าร่วมกับนิกายจูเซียนก็จะหวาดกลัวจนล่มสลายไปเอง ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น มหาเทพอวี่หวงก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะสั่งการให้ทหารองครักษ์สองแสนนายไปจับตาดูพันธมิตรฝ่ายกบฏเอาไว้

และให้ขุนนางทั้งหมดกลับไปตรวจสอบขุมกำลังอื่นๆที่เคยมีความสัมพันธ์กับนิกายจูเซียนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เพื่อขุดคุ้ยเหล่าสายลับที่ยังแฝงตัวอยู่ออกมาให้หมด ไว้จบเรื่องสงครามแล้วจะได้ทำความสะอาดทีเดียว

หลังมอบหมายหน้าที่ออกไปเสร็จเรียบร้อย ภายในท้องพระโรงอันกว้างใหญ่ก็เหลือเพียงมหาเทพอวี่หวงผู้เดียว เขาจึงลุกขึ้นจากบัลลังก์ช้าๆ พร้อมกับชี้นิ้วไปยังทิศทางที่มหาเทพจูเซียนอยู่

“ ช่วยแสดงให้ข้าเห็นหน่อยเถอะ ว่าเจ้าคู่ควรกับสมญานามมหาเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบห้าแสนปีหรือไม่ ”

“ ดรรชนีมังกรสวรรค์ทะลวงหมื่นภพ! ”

วิ้งงงง! บูมมม!

แสงศักดิ์สิทธิ์เก้าสี ถูกดึงดูดให้ไปรวมตัวกันที่ปลายนิ้วมหาเทพอวี่หวง ทำให้อวกาศบิดเบี้ยวห้วงมิติพังทลาย ปรากฏเป็นมังกรทองห้ากงเล็บฉีกกระชากความว่างเปล่าหายไป

ในเวลาเดียวกัน

มหาเทพจูเซียนที่กำลังใช้สัมผัสวิญญาณ ตรวจสอบสถานการณ์ในแดนสวรรค์และสนามรบเทพมารบรรพกาลก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงวิกฤตร้ายแรงคุกคามมาจากทิศเหนือ

ทันใดนั้น

ครืนนนน!

มหาเทพจูเซียนพูดตอกหน้าอีกฝ่ายกลับไปอย่างเจ็บแสบ เพราะในอดีตเขาเคยเอาชนะหกขุมกำลังชั้นยอดในศิลาเกียรติยศมาหมดแล้ว ซึ่งในเวลานั้นมหาเทพอวี่หวงยังไม่ได้สืบทอดตำแหน่งผู้นำวังสวรรค์เลยด้วยซ้ำ

“ บังอาจ! เป็นแค่ดวงวิญญาณของผู้แพ้ที่สูญเสียร่างกาย จนต้องหลบหนีไปยังโลกมนุษย์ กล้าดีอย่างไรมาลบหลู่ข้าเยี่ยงนี้ ”

บูมมม!

ร่างของมหาเทพอวี่หวงได้ระเบิดคลื่นพลังอันมหาศาลออกมา บนศีรษะเขางอกเขามังกรขึ้นมาหนึ่งคู่ พร้อมกับมีเกล็ดสีทองปกคลุมร่างกาย นัยน์ตาสีทองของเขาปรากฏขีดขั้นตรงกลางคล้ายสัตว์อสูร

นี่คือ…ร่างมนุษย์ครึ่งมังกรในตำนาน ที่มีแต่ผู้สืบสายโลหิตของบรรพชนมังกรต้นกำเนิดเท่านั้นถึงจะมีได้ ซึ่งก็แน่นอนว่ามหาเทพอวี่หวงก็เป็นหนึ่งในนั้น

“ หึหึ ราชันมังกรทองบรรพกาลงั้นรึ ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะปลุกตื่นสายเลือดแห่งบรรพชนได้ แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะข้ากำลังขาดแคลนโลหิตแก่นแท้มังกรอยู่พอดี ” มหาเทพจูเซียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา

เพียงสะบัดมือออกไป ก็มีกระบี่สองคมสีม่วงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น นี่คืออาวุธระดับพระเจ้าที่เขาเคยใช้สังหารมังกรแท้จริงมาหลายสิบตัว

แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองฝ่ายจะได้เปิดศึกกัน ลำแสงแห่งพุทธะก็สาดส่องออกมาจากแดนสุขาวดี พร้อมกับมีสะพานยี่สิบแปดดาราทอดยาวออกมาจาก ทิศทางของสำนักดาราสวรรค์เช่นกัน

“ อาตมาเพียงต้องการห้ามศึกสองจักรพรรดิเทพเท่านั้น จักรพรรดินีหลินซินเยว่ไม่ต้องเป็นกังวล ”

เสียงของพระยูไลดังออกมาจากลำแสงแห่งพุทธะ แม้จะยังไม่ปรากฏกายแท้ให้เห็นก็ตาม ซึ่งแตกต่างกับจักรพรรดินีหลินซินเยว่ ที่ยืนถือกระบี่รออยู่ตรงกลางสะพานยี่สิบแปดกลุ่มดาวแล้ว

“ มหาเทพอวี่หวง ข้าเห็นด้วยที่จะให้มหาเทพจูเซียนเข้าร่วมสงครามของพวกเรา แล้วท่านล่ะคิดเห็นเช่นไร ” จักรพรรดินีหลินซินเยว่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้สนใจจะตอบวาจาของพระยูไลแต่อย่างใด

“ เหอะ ทำตามที่เจ้าต้องการได้เลย ” พูดจบ มหาเทพอวี่หวงก็สลายพลังจากไปทันที ในเมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้อการเรียบร้อย อยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์

“ ในเมื่อบทสรุปออกมาแล้ว ข้าก็คงต้องกลับไปเตรียมตัวเหมือนกัน ” มหาเทพจูเซียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา หลังจากพยักหน้าขอบคุณให้จักรพรรดินีหลินซินเยว่เล็กน้อย ก็สลายร่างทิพย์เคลื่อนย้ายมิติกลับไปที่พระราชวังของตนเอง

“ ในที่สุด…แดนสุขาวดีก็กล้าเข้าแทรกแซงสงครามอย่างเปิดเผยแล้วสินะ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน