กงเสี่ยวเหมยกลับมาแล้ว แม้จะเป็นเพียงแค่ร่างอวตารก็ตาม ส่วนร่างจริงของเธอยังคงเตรียมความพร้อมสำหรับการทำสงคราม อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิบนดวงจันทร์
ซึ่งก็เป็นที่แน่นอนว่า กองทัพหุ่นเชิดจิตวิญญาณหลายหมื่นตน ได้ถูกส่งให้ลงมาประจำการบนโลกมนุษย์เรียบร้อย เพื่อช่วยเหลือสมาพันธ์เซียนป้องกันการโจมตีจากศัตรู
เพราะการแทรกแซงของมหาเทพจูเซียน สงครามตัดสินชะตากรรมจึงถูกเลื่อนออกไปอีกสองวัน สำหรับให้แต่ละฝ่ายได้เตรียมความพร้อม
หากเป็นตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ นี่คือสงครามแย่งชิงอำนาจของสามจักรพรรดิเทพ แต่ในความเป็นจริง มันคือศึกตัดสินชะตากรรมระหว่างพันธมิตรวังสวรรค์กับแดนสุขาวดี และสำนักดาราสวรรค์กับนิกายจูเซียนต่างหาก
เนื่องจากการประกาศท้ารบของมหาเทพจูเซียน พระยูไลจึงต้องแสดงตัวออกมา เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจให้ฝ่ายมหาเทพอวี่หวง เรื่องนี้ขอเพียงนึกตรึกตรองดูซักนิด ไม่ว่าใครก็มองออกได้ทั้งนั้น
เวลาประมาณสามทุ่ม
ภายในห้องVIPส่วนตัว ของไนท์คลับแมวป่าซึ่งเคยเป็นสถานที่แห่งความทรงจำเมื่อครั้งอดีต กงเสี่ยวเหมยนั่งจิบไวน์ชั้นเลิศอยู่เพียงลำพัง ท่ามกลางเสียงดนตรีอันไพเราะที่เปิดคลอเบาๆ
“ มีวาสนาได้พบพาน แต่ไร้ซึ่งบุพเพได้ครองคู่งั้นเหรอ ” กงเสี่ยวเหมยพูดระบายกับตัวเองด้วยความเจ็บช้ำ เธอได้รู้เรื่องการแต่งงานระหว่างจ้าวเทียนกับลี่เหยาเหยาแล้ว ทำให้ความหวังที่หลงเหลือเพียงน้อยนิด ต้องมาถูกทำลายจนไม่มีชิ้นดี
ในเมื่อชายหนุ่มที่ตนเองหลงรัก กับน้องสาวที่ให้ความใกล้ชิดสนิทสนม ทั้งคู่ได้ลงเอยกลายเป็นสามีภรรยากันเรียบร้อย ยังจะมีสิ่งใดที่เธอทำได้อีก นอกจากฝืนยิ้มอวยพรให้พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
จะว่าไป โชคชะตาด้านความรักของกงเสี่ยวเหมยนั้นเลวร้ายมาก ทั้งที่เธอเป็นฝ่ายเจอจ้าวเทียนก่อน แต่กลับถูกผู้อาวุโสในตระกูล ส่งตัวไปเป็นศิษย์สืบทอดสำนักสุสานโบราณนานหลายเดือน
ซึ่งในช่วงเวลาที่กงเสี่ยวเหมยหายตัวไป มันก็ได้มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ที่ทำให้จ้าวเทียนกับลี่เหยาเหยาพัฒนาความสัมพันธ์กันอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่ง ตอนที่จ้าวเทียนได้กลับมาพบกับกงเสี่ยวเหมยอีกครั้ง หัวใจทั้งหมดของเขาก็ถูกลี่เหยาเหยายึดครองไปเรียบร้อยแล้ว
หรือแม้แต่การแต่งงานของทั้งคู่ ก็ยังถูกจัดขึ้นในช่วงเวลาที่กงเสี่ยวเหมยไม่อยู่เช่นเดียวกัน เรื่องนี้ถ้าไม่โทษโชคชะตาแล้วจะให้โทษใครได้อีก
กริ้ก!
เสียงวางแก้วดังขึ้นอีกครั้ง แม้เวลาจะผ่านไปเพียงชั่วโมงเดียว ตรงหน้ากงเสี่ยวเหมยก็เต็มไปด้วยขวดไวน์ราคาแพงมากมาย ต่อให้ร่างกายของเธอไม่รู้สึกเมา แต่หัวใจกลับเมามายไปเรียบร้อยแล้ว
ทันใดนั้น
“ ปล่อยให้ตามหาซะตั้งนาน ถ้าพี่อยากดื่มทำไมไม่ชวนฉันด้วยล่ะ ”
เสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย กับกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากทางด้านหลัง ทำให้กงเสี่ยวเหมยผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะปรับลมหายใจให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“ เธอ…หาฉันเจอได้ไง ” กงเสี่ยวเหมยถามเสียงเบา พร้อมกับหันไปเผชิญหน้ากับลี่เหยาเหยาที่เดินมายืนอยู่ด้านข้าง
เพราะต้องการใช้เวลาทำใจเงียบๆ กงเสี่ยวเหมยจึงเลือกเก็บซ่อนกลิ่นอายปกปิดตัวตน ทั้งยังลบความทรงจำของทุกคนในไนท์คลับอีกด้วย ไม่นึกเลยว่าจะถูกตามตัวเจอได้ไวขนาดนี้
“ ไม่รู้ซิ คงเป็นสัญชาตญาณของผู้หญิงละมั้ง ” ลี่เหยาเหยาตอบกลับไปแบบยิ้มๆ ก่อนที่จะเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วเทไวน์ใส่แก้วให้กงเสี่ยวเหมย ซึ่งเธอก็ไม่ลืมเทให้ตัวเองด้วย
กริ้ก!
สาวงามทั้งสองชนแก้วกันเบาๆ ก่อนจะยกขึ้นมาจิบอย่างผ่อนคลาย ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามเสียงดนตรี โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
จนกระทั่ง เมื่อไวน์ขวดใหม่อีกสองขวดหมดลง ลี่เหยาเหยาจึงเป็นฝ่ายเปิดปากพูดออกมาก่อนด้วยความรู้สึกผิด
“ พี่เสี่ยวเหมย…ฉันขอโทษ ทั้งที่เคยสัญญาเอาไว้แล้วแท้ๆ ว่าถ้าจะแต่งงานเมื่อไหร่ต้องบอกพี่เป็นคนแรก ”
“ ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจความจำเป็นของเธอดี ” กงเสี่ยวเหมยตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม เพราะไม่ว่าจะรู้ก่อนหรือรู้ทีหลังฝ่ายที่เจ็บก็ต้องเป็นเธออยู่ดี แตกต่างแค่เพียงระยะเวลาทำใจเท่านั้น
เมื่อได้ยินแบบนั้น ลี่เหยาเหยาก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ทั้งสีหน้าและแววตาของเธอดูขัดแย้งกันเองเป็นอย่างมาก ก่อนจะกลั้นใจพูดขึ้น
“ ร่างจริงของพี่? ไม่เอาอะ นี่ยังคิดจะรังแกฉันอีกเหรอ ” ลี่เหยาเหยาย่นจมูก ต่อให้เธอจะมั่นใจในตัวเองขนาดไหน ก็ไม่บ้าพอจะไปต่อสู้กับเทพโลกาขั้นเก้าแน่นอน
“ หึหึ ก็ใครใช้ให้เธอมาทำลายความสงบของฉันก่อนละ ทั้งยังมานั่งตีเนียนกินไวน์สุดหวงของฉันอีกด้วย ” สิ้นเสียง กงเสี่ยวเหมยก็ลุกจากเก้าอี้ เก็บขวดไวน์ที่เหลือใส่แหวนมิติ แล้วจึงพูดขึ้นต่อ
“ พอได้ลงโทษเธอฉันก็รู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ พวกเราแยกย้ายเถอะ เธอเองก็ควรกลับไปอยู่ข้างกายเขาเหมือนกัน เพราะก่อนที่ผู้ชายจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง กำลังใจจากหญิงอันเป็นที่รักสำคัญที่สุด”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ลี่เหยาเหยาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอเลยแสร้งบีบน้ำตาออกมาเล็กน้อย พร้อมทั้งอ้าปากเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูดออกไป ราวกับมีเรื่องคับแค้นใจบางอย่าง
“ หืม ทำไม มีอะไรหรือเปล่า ” กงเสี่ยวเหมยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ ซึ่งหลังจากเธอเค้นถามอีกหลายครั้ง ลี่เหยาเหยาก็ยอมเปิดปากในที่สุด
“ ว่าไงนะ พรุ่งนี้ก็จะเปิดศึกกับเต๋าสวรรค์อยู่แล้ว เขายังกล้าออกไปเดินเที่ยวเล่นกับผู้หญิงคนอื่นตั้งแต่เย็น ทั้งยังยอมเหมาภัตตาคารชั้นหนึ่ง เพื่อนั่งพูดคุยกับอีกฝ่ายเป็นการส่วนตัวด้วยงั้นเหรอ เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้โกหกฉัน ”
“ จะไปกล้าโกหกพี่ได้อย่างไร ให้ฉันสาบานด้วยจิตวิญญาณตัวเองเลยก็ได้ ตอนนี้เขากำลังอยู่สองต่อสองกับผู้หญิงคนอื่นจริงๆ ” ลี่เหยาเหยายืนกรานเสียงแข็ง
“ นี่มัน เป็นไปไม่ได้… ” กงเสี่ยวเหมยใบหน้าซีดขาว รู้สึกจุกแน่นในอกอย่างบอกไม่ถูก ผู้ชายที่เธอหลงรักทั้งยังเคยปฏิเสธเธอ กลับไปนัดเจอผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ลี่เหยาเหยา เรื่องนี้มันส่งผลกระทบต่อความภาคภูมิใจของเธอเป็นอย่างมาก
“ ผู้หญิงคนนั้นมากจากตระกูลไหน หน้าตาของเธอเป็นอย่างไร พวกเขาสองคนนัดพบกันนานแค่ไหนแล้ว ”
“ เรื่องตระกูลฉันไม่รู้ ส่วนเรื่องรูปโฉมของเธอ ต้องบอกว่างดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จนแม้แต่พวกเราเองก็ยังด้อยกว่าขั้นหนึ่ง ส่วนเรื่องเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันก็คงประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง ” ลี่เหยาเหยาตอบออกมาตามตรง เธอยอมรับว่าตัวเองด้อยกว่าอีกฝ่ายจริงๆ
“ …… ”
กงเสี่ยวเหมยนิ่งเงียบไปทันที ถึงกับมีหญิงสาวบนโลกมนุษย์ที่งดงามกว่าพวกเธออีกงั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน เรื่องนี้ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองคงไม่อาจสงบใจได้แน่นอน
“ พาฉันไปที่ภัตตาคารนั่นเดี๋ยวนี้ หากเขากำลังหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนอื่นจริงๆ ฉันจะช่วยทวงความยุติธรรมให้เธอเอง ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...