จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 573

ภายในโลกมายาแห่งความฝัน จิตวิญญาณของกงเสี่ยวเหมยได้จมอยู่ในช่วงเวลาที่มีความสุข จนไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งโดยรอบ เธอหลงเหลือเพียงร่างกายอันว่างเปล่าที่สูญเสียการป้องกันทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง

แน่นอนว่า ด้วยขอบเขตมายาสมบูรณ์แบบของจักรพรรดินีปิงเยว่ ทำให้ร่างจริงของกงเสี่ยวเหมยบนดวงจันทร์ไม่อาจรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย

วิ้งงง!

จักรพรรดินีหลินซินเยว่ ได้สัมผัสปลายนิ้วไปที่กลางหน้าผากของกงเสี่ยวเหมย จนเกิดเป็นดวงแสงสีทองเจิดจ้าสว่างวาบขึ้นมา

นี่คือการใช้เคล็ดวิชาค้นวิญญาณ เพื่อตรวจสอบความทรงจำอีกฝ่ายแบบตรงๆ ซึ่งถ้าไม่ระมัดระวังให้ดี ก็ถือว่าเป็นอันตรายสำหรับผู้ถูกกระทำเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นตกตายหรือสติฟั่นเฟือนเลยทีเดียว

หากไม่ใช่เพราะมั่นใจในความสามารถของท่านอาจารย์ จ้าวเทียนไม่มีทางยอมให้ใครมากระทำเช่นนี้กับกงเสี่ยวเหมยต่อหน้าเขาแน่นอน

“ ศิษย์รัก พวกเรามาไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับแล้ว ในการต่อสู้กับมหาเทพอวี่หวงหากพลาดพลั้งแม้เพียงเล็กน้อย ทุกสิ่งที่กระทำมาก็จะกลายเป็นสูญเปล่าทันที เพราะฉะนั้นเจ้าก็ไม่ต้องรู้สึกผิดไปหรอก ”

จักรพรรดินีปิงเยว่ก้าวเดินเข้ามาปลอบใจลี่เหยาเหยา พร้อมทั้งบอกเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับโฮ่วอี้ให้ฟัง ซึ่งนั่นก็สร้างความตื่นตระหนกให้จ้าวเทียนเป็นอย่างมาก

‘ พวกอาจารย์ปู่ได้สังหารสี่จักรพรรดิอสูรบรรพกาล กับร่างแยกบรรพชนเทพมารต่างภพที่เคยปรากฏตัวในขุมนรกอเวจีชั้นสิบแปดได้สำเร็จ ก่อนจะวางแผนเก็บตัวฝึกฝนในมิติมายาเพื่อทลายขอบเขตผู้ปกครอง ’

‘ หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ไปเผชิญหน้ากับบรรพชนเทพมารต่างภพตัวจริง ท่ามกลางวงล้อมของห้าจักรพรรดิแดนมารและกองทัพศัตรูนับล้านงั้นหรือ’

จ้าวเทียนคิดขึ้นอย่างเคร่งเครียด เรื่องราวที่ได้ยินมา ทำเอาการต่อสู้อันดุเดือดของพวกเขาบนโลกมนุษย์ กลายเป็นเล็กน้อยไปทันที

“ ถึงตอนนี้ แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่รู้ว่าโฮ่วอี้จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะร่างจริงของข้าได้แต่รอเขาอยู่ที่ประตูเอกภพมาเจ็ดวันเจ็ดคืนแล้ว แต่กลับไม่พบเบาะแสหรือสัญญาณขอความช่วยเหลือใดๆเลย ”

จักรพรรดินีปิงเยว่พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เมื่อขาดปัจจัยสำคัญอย่างโฮ่วอี้ไป โอกาสในการทำลายม่านพลังคุ้มกันมหาวิหารสูงสุดก็ลดน้อยลงไปเกือบครึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการจะสังหารเต๋าสวรรค์เลย

“ ผู้อาวุโสปิงเยว่ ซากศพที่อยู่ในกำไรมิตินั่น จะใช้ซ่อมแซมความเสียหายของจักรวาลพวกเราได้จริงๆเหรอ มันจะส่งผลกระทบมากขนาดไหน ”

“ หืม… ผู้อาวุโสอะไรกัน ในเมื่อเจ้าแต่งงานกับศิษย์รักของข้าแล้ว ก็ต้องเรียกข้าว่าอาจารย์ป้าซิ! ” จักรพรรดินีปิงเยว่ส่งรอยยิ้มเย็นชาไปให้จ้าวเทียน นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่พวกเขาแต่งงานกันโดยไม่ขออนุญาตนางก่อน

“ เอ่อ…อาจารย์ป้า ” จ้าวเทียนได้แต่ฝืนยิ้มแห้งออกมา

“ ดีมาก หลังจากนี้ก็อย่าเรียกผิดอีกล่ะ ส่วนเรื่องที่เจ้าถามมานั้น ทั้งข้าและโฮ่วอี้ได้เคยลองอนุมานเอาไว้แล้ว ”

“ การอุทิศซากศพเหล่านี้ น่าจะช่วยฟื้นฟูจักรวาลขึ้นมาได้ประมาณสามส่วน ซึ่งจะทำให้สามารถรองรับพลังของจักรพรรดิเทพได้ทั้งหมดสี่องค์ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยอื่นๆ ”

“ สี่จักรพรรดิเทพงั้นเหรอ เพราะแบบนี้เองสินะ ถึงต้องตรวจสอบมหาเทพจูเซียนให้แน่ใจเสียก่อน ” ตามความคิดของจ้าวเทียน มหาเทพจูเซียนใกล้จะฟื้นพลังอย่างสมบูรณ์แล้ว ติดอยู่เพียงแค่พลังของจักรวาลไม่เพียงพอ ที่จะรองรับขอบเขตจักรพรรดิเทพคนที่สามเท่านั้น

“ พวกเจ้าไม่สงสัยงั้นรึ ทั้งมหาเทพจูเซียนและกงเสี่ยวเหมยสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้ตัวเอง มาถึงขั้นนี้ได้อย่างไรภายในเวลาแค่สองปี ที่สำคัญมันยังเป็นช่วงเวลาที่เต๋าสวรรค์หยุดเคลื่อนไหวอีกด้วย ” จักรพรรดินีปิงเยว่บอกสิ่งที่กำลังกังวลออกมา

“ ท่านอาจารย์ นี่มันเป็นไปไม่ได้ ฉันมั่นใจว่าพี่เสี่ยวเหมยไม่มีทางทรยศพวกเราแน่นอน ” ลี่เหยาเหยารีบพูดขัดขึ้น เธอไม่ต้องการให้ทุกคนมองกงเสี่ยวเหมยในแง่ร้าย

“ เรื่องนี้… ” จ้าวเทียนนิ่งเงียบไปทันที เมื่อเห็นสายตาคาดหวังของลี่เหยาเหยา ที่ต้องการให้เขาช่วยพูดสนับสนุนเธอ

แต่ทว่า ตัวจ้าวเทียนก็เคยถูกเต๋าสวรรค์ครอบงำมาก่อน เลยรู้ถึงความน่ากลัวของฝ่ายตรงข้ามดี ทำให้เริ่มรู้สึกคลองแคลงใจในมหาเทพจูเซียนขึ้นมา

ทันใดนั้น

แวบ!

เพราะในชีวิตก่อนเขาเคยอาศัยอยู่ในสำนักดาราสวรรค์มานานนับหมื่นปี ย่อมต้องมีความคุ้ยเคยกับทุกคนที่อยู่ในนั้นอยู่แล้ว

“ ท่านอาจารย์ ฉันคิดว่าควรผลักดันนิกายจูเซียนให้เข้าร่วมสงครามก่อน เพื่อสังเกตดูท่าทีของมหาเทพจูเซียนอีกครั้ง หากเขามีเจตนาเลี่ยงการต่อสู้หรือจงใจใช้ประโยชน์จากสำนักดาราสวรรค์ พวกเราก็จะกีดกันเขาออกจากสนามรบทันที ”

“ ส่วนเรื่องพระราชวังจักรพรรดิบนดวงจันทร์นั้น เมื่อสงครามเริ่มขึ้น ฉันอยากให้อาจารย์ป้ากักขังพวกเขาไว้ในโลกมายาสมบูรณ์โดยไม่ให้มหาเทพจูเซียนรู้ตัว จนกว่าจะมั่นใจได้จริงๆว่าอีกฝ่ายเป็นมิตรจึงค่อยปล่อยให้เป็นอิสระ ” จ้าวเทียนบอกเล่าแผนการอย่างละเอียด

“ แล้วกองทัพหุ่นเชิดที่อยู่บนโลกล่ะ ” จักรพรรดินีหลินซินเยว่ถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม นางรู้สึกดีมากที่ศิษย์รักยึดถือความปลอดภัยของตัวนางเป็นอันดับแรก

“ ถ้าเป็นเรื่องนั้น ฉันจะมอบหมายให้กองกำลังลับเงาตะวันของเทพกระบี่เป็นคนจับตาดูไว้เอง ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ

เขาได้พบเซียนนภาทั้งห้าร้อยคนนี้เป็นการส่วนตัวมาแล้ว แต่ละคนล้วนเป็นยอดอัจฉริยะที่ผ่านการฝึกฝนในดินแดนมรดกจักรพรรดิอสูรกระบี่ทั้งนั้น เรื่องความแข็งแกร่งไม่ต้องพูดถึง

“ ดีมาก มีทั้งความรอบคอบและการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว สมแล้วที่เป็นบุรุษที่ศิษย์ของข้าเลือกให้มาเป็นคู่ชีวิต ” จักรพรรดินีปิงเยว่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันไปพูดกับลี่เหยาเหยาต่อ

“ เจ้าพากงเสี่ยวเหมยกลับไปพักผ่อนเถอะ อีกไม่เกินสองชั่วโมงนางก็จะได้สติขึ้นมาเอง จำไว้ว่าห้ามหลุดปากพูดความจริงออกไปเด็ดขาด ”

“ เข้าใจแล้วคะ ท่านอาจารย์ ” ลี่เหยาเหยาตอบเสียงอ่อน เธอไม่โทษจ้าวเทียนที่ตัดสินใจแบบนี้ เพราะเข้าใจถึงความกดดันมหาศาลที่เขากำลังแบกรับอยู่

“ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะไม่ปล่อยให้เสี่ยวเหมยมีอันตรายแน่นอน ” จ้าวเทียนโอบกอดคนรักเบาๆเพื่อปลอบใจ ก่อนจะส่งเธอเข้าช่องว่างมิติไปพร้อมกับกงเสี่ยวเหมย

“ ดูเหมือน…ข้าเองก็ต้องไปจัดการธุระบางอย่างเหมือนกัน ”

พูดจบ จักรพรรดินีปิงเยว่ก็เปิดช่องว่างมิติจากไป เพราะดูออกว่าจักรพรรดินีหลินซินเยว่มีเรื่องบางอย่างต้องพูดคุยกับจ้าวเทียนเป็นการส่วนตัว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน