เมื่อเรื่องทุกอย่างจบลง จ้าวเทียนก็เรียกผู้จัดการภัตตาคารมาพบ เพื่อขอชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยหินวิญญาณระดับเทพ เนื่องจากเงินที่อยู่ในบัตรของเขามีไม่เพียงพออย่างที่คาดไว้
ถือเป็นโชคดี ที่สังคมสมัยใหม่เปิดกว้างต่อเหล่าผู้ฝึกตนมากกว่าในอดีต อีกทั้งยังเคยมีการเปิดประมูลหินวิญญาณอยู่บ่อยครั้งในเมืองปักกิ่ง
เรื่องทุกอย่างเลยจบลงด้วยดี โดยที่จ้าวเทียนไม่ต้องเปิดเผยตัวตน หรือยอมเสียหน้าโทรไปขอยืมเงินจากหวังซินหยาง
“ หินวิญญาณระดับเทพสองก้อน แลกกับอาหารเครื่องดื่มของมนุษย์ปุถุชน เจ้าไม่คิดว่ามันแพงเกินไปหน่อยงั้นเหรอ ” จักรพรรดินีหลินซินเยว่ถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้นางพาจ้าวเทียนเคลื่อนย้ายมาอยู่ในมิติลึกลับเรียบร้อยแล้ว
“ ก็มันช่วยไม่ได้นี่ขอรับ พวกเขาเป็นคนธรรมดาที่ไม่เคยเห็นหินวิญญาณระดับเทพมาก่อน เพราะส่วนใหญ่ในงานประมูลมีเพียงหินวิญญาณระดับกลางและระดับสูงเท่านั้น จึงไม่แปลกที่จะพยายามต่อรองราคาเพื่อลดความเสี่ยง ” จ้าวเทียนส่ายหน้าเบาๆพร้อมกับถอนหายใจ
หินวิญญาณระดับเทพหนึ่งก้อน มีคุณสมบัติเหนือกว่าระดับสูงมากนัก ซึ่งในอดีตศาสนจักรแห่งแสงเคยรับซื้อในราคาถึงก้อนละหนึ่งร้อยล้านหยวนเลยทีเดียว
อันที่จริง ถ้าหากจ้าวเทียนแกล้งเปิดเผยพลังฝีมือออกมาสักนิด เชื่อว่าทางภัตตาคารก็ไม่กล้ามีปัญหากับเขาแน่นอน
แต่ถ้าทำแบบนั้น ก็ไม่ต่างจากการใช้อำนาจไปรังแกคนธรรมดาที่ทำงานหาเช้ากินค่ำ ซึ่งเรื่องที่ขัดต่อมโนธรรมเช่นนี้ จ้าวเทียนไม่มีทางทำเด็ดขาด
“ เข้ามาใกล้ๆ ให้ข้าตรวจสอบพลังปัจจุบันของเจ้าดูหน่อย ” จักรพรรดินีหลินซินเยว่พูดออกมาอย่างผ่อนคลาย นางสร้างชุดโต๊ะน้ำชาขึ้นจากความว่างเปล่า แล้วชี้ให้จ้าวเทียนนั่งลงข้างตนเอง
“ ได้ขอรับ ” จ้าวเทียนยอมทำตามแต่โดยดี ถึงแม้การทำแบบนี้จะทำให้ความลับทั้งหมดของตนถูกเปิดเผยออกมาก็ไม่ใส่ใจ
เพราะอีกฝ่ายคือท่านอาจารย์ที่รักและเอ็นดูเขาที่สุด ย่อมไม่มีทางคิดแย่งชิงชิ้นส่วนวิญญาณผานกู่หรือผลประโยชน์อื่นใดจากเขาแน่นอน
แวบ!
ฝ่ามือขาวเนียนสัมผัสไปที่ศีรษะของจ้าวเทียนอย่างอ่อนโยน พร้อมกับปลดปล่อยแสงสว่างเจิดจ้าออกมา พลังงานอันอบอุ่นสายหนึ่งไหลทะลักเข้าไปในร่างจ้าวเทียน
เริ่มตั้งแต่ส่วนศีรษะจรดปลายเท้า จากอวัยวะภายนอกสู่ภายใน จนกระทั่งถึงพื้นที่ลึกสุดในจิตวิญญาณของจ้าวเทียน เรียกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างของเขาถูกเปิดเผยออกมาจนหมดสิ้นก็คงไม่ผิดนัก
“ ใช้ชิ้นส่วนวิญญาณผานกู่เป็นเตาหลอม เพื่อควบรวมสิบแก่นแท้ให้เป็นหนึ่งเดียวงั้นรึ แม้ขั้นตอนจะดูหยาบไปบ้างแต่ก็ถือเป็นแนวคิดที่ดี ”
“ อืม ดูเหมือนโลกภายในที่ไม่สมบูรณ์ของเจ้า จะขยายตัวจนเหนือขีดจำกัดของขอบเขตเซียนนภาขั้นสูงสุดแล้ว หากยอมทุ่มสุดตัวจริงๆ ไม่แน่ว่าตอนทลายขอบเขตวันพรุ่งนี้ เจ้าอาจจะบรรลุถึงขอบเขตเซียนทิพย์เลยก็ได้ ”
“ ส่วนเมล็ดพันธุ์เต๋ากระบี่ของเจ้ายังมีพื้นที่ให้เติบโตอีกมาก เมื่อใดที่บรรลุขอบเขตขั้นต่อไป ก็จงส่งดวงจิตกลับไปที่พิสูจน์เต๋าอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเจ้าคงผ่านด่านทดสอบเต๋าห้าสิบก้าวได้แน่นอน ”
พอพูดมาถึงตรงนี้ จักรพรรดินีหลินซินเยว่ก็จ้องมองจ้าวเทียนด้วยแววตาแปลกๆ พร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ ท่านอาจารย์…ร่างกายของฉันมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนรีบถามขึ้น
“ ร่างกายเจ้าไม่มีอะไรผิดปกติหรอก เพียงแต่ดูเหมือนช่วงนี้เจ้าจะสูญเสียแก่นแท้พลังหยางบริสุทธิ์มากเกินไปหน่อยนะ ”
“ ถึงแม้การฝึกฝนคู่หลอมรวมหยินหยางกับภรรยาจะเป็นสิ่งที่ดี และทำให้พลังฝีมือก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ก็ควรมีความยับยั้งชั่งใจบ้าง มิเช่นนั้นปล่อยนานไปรากฐานของเจ้าจะไม่มั่นคงเอาได้ ”
!!
“เอ่อ… ” จ้าวเทียนก้มหน้าหลบสายตาด้วยความเขินอาย ความรู้สึกตอนนี้เหมือนเด็กที่แอบกินขนมแล้วถูกมารดาจับได้ไม่มีผิด
ถ้าให้พูดกันตามตรง ในชีวิตที่แล้วตั้งแต่วินาทีแรกที่จ้าวเทียนได้กลายเป็นศิษย์สำนักดาราสวรรค์ ตัวเขาก็ตกหลุมรักอาจารย์ผู้งดงามของตนเองเข้าเต็มเปา
“ ท่านอาจารย์ ฉันขอทราบเหตุผลหน่อยได้ไหม ” จ้าวเทียนถามออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เนื่องจากเริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
“ เรื่องนี้บอกต่อเจ้าก็ไม่เป็นไร ตั้งแต่ที่ข้าบรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพเป็นต้นมา ทุกครั้งที่พลังของข้ากล้าแข็งขึ้น มันก็จะส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปยังบุตรีของราชันสวรรค์เก้าภพซึ่งเป็นร่างต้นของข้าเช่นเดียวกัน ”
“ ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา นางก็เริ่มส่งภาพนิมิตเข้ามาครอบงำจิตวิญญาณของข้าอยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้ข้ายอมละทิ้งกายเนื้อแล้วหลอมรวมวิญญาณเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนาง ”
“ สุดท้าย ข้าจึงยอมเสี่ยงแบ่งแยกดวงวิญญาณตัวเองแล้วส่งไปเกิดใหม่ เพื่อตัดเส้นใยกรรมระหว่างข้ากับนางทิ้งไป ซึ่งมันก็ได้ผลแค่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น ซ้ำร้ายยังเป็นการไปกระตุ้นให้นางต้องการครอบครองข้ามากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ”
พูดจบ จักรพรรดินีหลินซินเยว่ก็ถอนหายใจออกมา หากเลือกได้นางก็ไม่อยากบอกเรื่องนี้กับจ้าวเทียนเลยจริงๆ
“ ท่านอาจารย์ นางแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้าเทพมังกรทั้งเก้าร่วมมือกันมีหวังเอาชัยกี่ส่วน ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ ต่อให้นับรวมข้ากับพี่ปิงเยว่เข้าไปด้วย ก็มีความหวังไม่ถึงสามส่วน ” จักรพรรดินีหลินซินเยว่ตอบออกมาตามตรง นางได้ลองอนุมานหนทางเอาชนะอีกฝ่ายมาทุกวิธีแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีหนทางไหนโอกาสสำเร็จเกินครึ่งเลย
“ นี่มัน… ”จ้าวเทียนมีสีหน้าหมองคล้ำลงอย่างชัดเจน ถ้าสิ่งที่ท่านอาจารย์พูดเป็นความจริง แสดงว่าฝ่ายตรงข้ามมีพลังทัดเทียมกับสามผู้ปกครองในยุคแรกเริ่มของจักรวาลเลยทีเดียว
“ เจ้าไม่ต้องกังวล ขอเพียงกำแพงทางจิตวิญญาณของข้ายังไม่ถูกทำลาย นางก็ไม่มีทางครอบงำข้าสำเร็จในช่วงเวลาสามปีนี้แน่นอน ”
“ แต่พรุ่งนี้ ท่านจะต้องต่อสู้กับมหาเทพอวี่หวงนะ ” จ้าวเทียนพูดขัดขึ้นอย่างร้อนรน เมื่อต้องต่อสู้เดิมพันชีวิตกับตัวตนในระดับเดียวกัน มันย่อมมีโอกาสสูงที่จะได้รับบาดเจ็บทางจิตวิญญาณอยู่แล้ว
“ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ข้าก็จะยอมแลกด้วยทุกอย่างที่มีเพื่อสังหารศัตรูให้ได้มากที่สุด เพราะนี่อาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ข้าทำเพื่อพวกเจ้าได้ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...