จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 575

บนยอดเขาคุนหลุน

กองกำลังสมาพันธ์เซียนนับหมื่น กำลังยืนล้อมพื้นที่กว้างขนาดใหญ่ไว้เป็นวงกลม โดยมีตัวแทนมหาอำนาจผู้มีพลังพิเศษทั่วโลก ส่งคนมาสังเกตการณ์อยู่ตามสถานที่ซึ่งถูกรัฐบาลจีนจัดสรรไว้ให้เบื้องหลัง

พื้นที่ตรงกลางที่ถูกเว้นว่างเอาไว้ มีชายหนุ่มชุดดำหน้าตาหล่อเหลานั่งทำสมาธิอยู่อย่างสงบ ทั่วร่างกายของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ เหมือนหลอมรวมฟ้าดินผสานเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งรอบตัว

“ บอสครับ ได้เวลาแล้ว ” เฉินจิ้งในชุดเกราะพร้อมรบเดินเข้ามาหาจ้าวเทียนด้วยสีหน้าจริงจัง

ระดับพลังของเขาในตอนนี้คือเซียนนภาขั้นสูงสุด ซึ่งมันเหนือกว่าในอดีตอย่างเทียบกันไม่ติด เพียงแค่อยู่ใกล้ๆก็สามารถสัมผัสถึงรังสีคุกคามสั่นสะท้านจิตวิญญาณได้ชัดเจน

“ เทพกระบี่ออกมาจากดินแดนมรดกหรือยัง ” จ้าวเทียนถามกลับไปเบาๆ พร้อมกับลืมตาขึ้นช้าๆ นัยน์ตาของเขาทั้งสองได้เปล่งประกายเจิดจ้าราวกับดวงสุริยันไม่มีผิด โชคดีที่ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที จึงไม่ส่งผลเสียต่อคนอื่นๆมากนัก

“ ผู้อาวุโสเทพกระบี่ยังไม่ออกจากการเก็บตัวเลยครับ แต่ผู้อาวุโสเสวี่ยหลงได้นำกองกำลังเงาตะวันแยกย้ายไปประจำตำแหน่งแทนเรียบร้อยแล้ว ”

“ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมางั้นเหรอ แต่ก็เอาเถอะ ให้ผู้อาวุโสเสวี่ยหลงจัดการแทนก็คงไม่มีปัญหาอะไร ” จ้าวเทียนรู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าการเทศนาเต๋าครั้งแรกของตัวเองจะส่งผลกระทบต่อเทพกระบี่ขนาดนี้

ถึงแม้เสวี่ยหลงจะเป็นอาวุธมีชีวิตที่ทรงอำนาจเหนือผู้ใด แต่เมื่อไม่ได้อยู่ข้างกายผู้ทำพันธสัญญา ก็จะปลดปล่อยอานุภาพที่แท้จริงออกได้ไม่ถึงครึ่ง โดยเฉพาะตอนที่อยู่ในโลกมนุษย์ซึ่งถูกจำกัดพลังเอาไว้แบบนี้

‘ บางทีพวกเราอาจจะนึกกังวลไปเองก็ได้ เพราะทั้งเสี่ยวเหมยและกองทัพหุ่นเชิดก็ยอมไปคุ้มกันบริเวณรอบนอกภูเขาคุนหลุนโดยดี ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวผิดปกติอะไร ’

เมื่อวานหลังจากได้รู้ความจริงว่า กงเสี่ยวเหมยถูกลบความทรงจำไปบางส่วน จ้าวเทียนจึงวางแผนส่งกองทัพหุ่นเชิดของมหาเทพจูเซียน ออกไปให้ไกลจากสถานที่สำคัญที่สุดเพื่อป้องกันความเสี่ยง

เนื่องจากตอนนี้ยอดเขาคุนหลุน ได้ถูกเทพมังกรทั้งเก้าเปลี่ยนให้กลายเป็นเขตอาคมผนึกกักขังขนาดใหญ่ ไว้ใช้จัดการกับร่างแยกของเต๋าสวรรค์ ขอเพียงอีกฝ่ายกล้าบุกเข้ามาก็จะไม่มีวันหลบหนีออกไปได้แน่นอน

หน้าที่เพียงหนึ่งเดียวของจ้าวเทียน ก็คือล่อให้เต๋าสวรรค์ส่งร่างแยกที่แข็งแกร่งลงมาก็เท่านั้น ยิ่งดึงดูดความสนใจฝ่ายตรงข้ามได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี จะได้เปิดโอกาสให้จักรพรรดินีปิงเยว่และโฮ่วอี้โจมตีมหาวิหารสวรรค์ได้สำเร็จ

‘ หืม ว่าแต่ตอนที่อยู่ในมิติลับกับท่านอาจารย์มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ทำไมฉันรู้สึกเหมือนตัวเองลืมเรื่องราวที่สำคัญมากบางอย่างไป ’

สิ่งที่จ้าวเทียนจำได้ ก็คือเรื่องที่อาจารย์ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเคล็ดวิชาฝึกตน พร้อมทั้งมอบแผ่นป้ายเจ้าสำนักให้ในตอนท้าย จากนั้นพอรู้ตัวอีกทีเขาก็กลับมานอนอยู่ในห้องของตัวเองแล้ว

เมื่อจ้าวเทียนพยายามขุดคุ้ยความทรงจำที่หายไป ความรู้สึกเลือนรางบางอย่างก็ปรากฏขึ้น มันคืออ้อมกอดอันอ่อนโยน และสัมผัสอันแผ่วเบาที่ริมฝีปาก

‘ นี่ฉันกำลังคิดบ้าอะไรอยู่ มันจะต้องเป็นความฝันแน่นอน ผู้หญิงที่น่าเคารพนับถืออย่างท่านอาจารย์จะมาจูบฉันได้อย่างไร ’

จ้าวเทียนสัมผัสริมฝีปากตนเองพร้อมกับฝืนยิ้มออกมา ดูเหมือนช่วงนี้เขาจะขาดความยับยั้งชั่งใจจริงๆ แค่ได้มีโอกาสเที่ยวสองต่อสองกับท่านอาจารย์เข้าหน่อย ก็เก็บเอาไปฝันอย่างเลอะเลือนเสียแล้ว

“ เอ่อ บอสครับ ทุกคนกำลังรออยู่นะ ” เฉินจิ้งพูดเตือนขึ้น เพราะเห็นจ้าวเทียนยืนยิ้มสีหน้าเหม่อลอยอยู่คนเดียว

“ อะแฮ่ม โทษที เมื่อครู่นี้ฉันกำลังรวบรวมสมาธิอยู่ เอาล่ะ มาเริ่มแผนการของพวกเรากันเถอะ ” พูดจบ จ้าวเทียนก็กวาดสายตาไปทางลี่เหยาเหยาเล็กน้อย ก่อนจะพุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปทันที

“ หึหึ ไม่นึกว่าคนอย่างบอสจะมีมุมนี้เหมือนกันแฮะ ” เฉินจิ้งหัวเราะออกมาเบาๆ เขามองออกว่าเมื่อครู่จ้าวเทียนกำลังคิดถึงเรื่องผู้หญิงอยู่ เลยจงใจขยับมายืนบังสายตาคนอื่นเอาไว้ให้

‘ ในเวลาสำคัญแบบนี้ เขากลับไม่รู้สึกกดดันเลยสินะ สมแล้วที่เป็นไอดอลในดวงใจฉัน ’

เฉินจิ้งพยักหน้าอย่างชื่นชม เขารู้สึกว่าตัวเองติดตามคนไม่ผิดจริงๆ

ทางด้านลี่เหยาเหยา ที่เห็นจ้าวเทียนหันมามองตัวเองแวบหนึ่ง ก็ได้เกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นมา แต่เพราะตอนนี้เธอกำลังแอบจับตาดูกงเสี่ยวเหมยอยู่ จึงไม่ได้ให้ความสนใจมากมาย

‘ ขออย่าให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลยนะ ฉันไม่อยากต่อสู้กับพี่เสี่ยวเหมยจริงๆ ’

ลี่เหยาเหยานึกอ้อนวอนอยู่ในใจ เมื่อวานแค่ให้หลอกลวงอีกฝ่ายเธอก็รู้สึกผิดมากพออยู่แล้ว ถ้าหากสุดท้ายต้องมาใช้แผนการที่เตรียมไว้จริงๆ ความสัมพันธ์อันดีที่ผ่านมาคงถูกทำลายลงไม่มีเหลือแน่

ในเวลาเดียวกัน

ร่างของจ้าวเทียนพุ่งสูงขึ้นไปบนฟ้าเรื่อยๆ พร้อมกับระเบิดพลังออกมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงขีดจำกัดของขอบเขตเซียน

โลกภายในของเขาได้ปลดปล่อยคลื่นพลังมหาศาลออกมา ทำให้ชั้นบรรยากาศสั่นสะเทือนเป็นวงกว้าง ท้องฟ้าเริ่มพังทลายเหมือนกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

“ เคล็ดกายาอมตะไม่ดับสูญ! ”

วูป!

เหมือนดั่งรู้ว่าตนเองกำลังถูกมนุษย์ท้าทาย ทำให้สัญลักษณ์รูปดวงตาขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้าทันที ส่งผลให้พายุเมฆสีดำเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง มันได้บีบอัดจนเหลือขนาดไม่ถึงสิบกิโลเมตร แต่ความน่าสะพรึงกลัวของมันกลับเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า

เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆๆ

ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์สีม่วงหลายร้อยหลายพันเส้น ฟาดกระหน่ำใส่จ้าวเทียนอย่างรุนแรง ซึ่งมีอานุภาพทำลายล้างที่เหนือกว่าตอนที่พวกลี่เหยาเหยาทลายนภามากนัก แสดงให้เห็นถึงพลังแฝงของจ้าวเทียนได้เป็นอย่างดี

ทันใดนั้น

โฮกกกก!

ร่างจำแลงราชันจักรพรรดิได้ส่งเสียงคำรามสะท้านฟ้าสะเทือนดิน มันรวบฝ่ามือกำเป็นหมัดแล้วชกสวนขึ้นไปสุดแรง

จนเกิดเป็นลำแสงสีทองระเบิดวังวนเมฆสีดำแหลกกระจุย ส่งผลให้กำแพงมิติพังทลายท้องฟ้าถูกเจาะเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่มองเห็นอวกาศอันดำมืดภายนอก

เพียงหมัดเดียวเรื่องราวทุกอย่างก็จบลงทันที เมื่อเผชิญหน้ากับพลังอันท่วมท้นของจ้าวเทียน ทั้งสัญลักษณ์ดวงตาเต๋าสวรรค์และพายุทัณฑ์สายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวก็โดนบดขยี้ลงอย่างสิ้นเชิง

“ แค่นี้เองงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนพูดอย่างเฉยชา พร้อมกับเฝ้ารอให้ประตูเซียนปรากฏขึ้น

แต่ทว่า

“ สะพานไบฟอร์ส! ”

ลำแสงเจ็ดสีขนาดยักษ์ได้ถูกยิงออกมาจากแดนสวรรค์ นี่คือสะพานสายรุ้งที่ใช้เชื่อมเส้นทางระหว่างโลกมนุษย์กับพระราชวังแอสการ์ดของอาณาจักรเทวะตำนาน

ตูมมมมม!

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ลำแสงเจ็ดสีเจาะทะลวงม่านเขตอาคมป้องกันโลก เข้ามาทางช่องโหว่ที่จ้าวเทียนเจาะไว้พอดี

แวบ!

กองทัพเทพและวัลคีรี่จำนวนมากมายมหาศาลได้ปรากฏขึ้นเต็มท้องฟ้า พร้อมทั้งปลดปล่อยออร่าจิตสังหารอันท่วมท้นออกมาในพริบตา

“ แก้แค้นให้ราชันเทพโอดิน สังหารพวกมันให้หมด ฆ่า ฆ่า ฆ่า ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน