จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 62

09.00 น. ณ ทะเลสาบมรกต

วันนี้ทีมวิศวกรที่ติดต่อเอาไว้ ได้มาถึงแล้ว ทุกคนกำลังเริ่มงานปรับปรุงโครงสร้างของเกาะต่างๆที่อยู่บริเวณทะเลสาบมรกต

ให้เป็นไปตามแบบแปลนที่จ้าวเทียนให้หวังซินหยางวาดให้

สิ่งที่จ้าวเทียนต้องการให้ทำนั้น เป็นส่วนของอาคารที่พักและสถานที่สำหรับใช้ฝึกฝนบนเกาะที่ตั้งอยู่รอบๆ ส่วนคฤหาสน์จีนโบราณที่อยู่ตรงเกาะนั้นเขาให้เก็บเอาไว้ตามเดิม

เพราะมันได้ถูกสร้างเลียนแบบสำนักดาราสวรรค์ ทำให้สามารถกักเก็บพลังจิตวิญญาณในธรรมชาติเอาไว้ได้ ซึ่งเขาคิดว่าคฤหาสน์หลังนี้ศิษย์พี่หญิงคงลงทุนไปมหาศาล

เพราะวัสดุทุกชิ้นที่ใช้ในการก่อสร้างถือเป็นของชั้นยอด โดยเฉพาะตัวตึกที่ใช้เป็นห้องทำงานนั้น ถูกสร้างขึ้นจากไม้พะยูงที่มีอายุหลายร้อยปี มันเป็นวัตถุล้ำค่าที่มีส่วนช่วยให้อายุยืนยาว

หากให้เขาประเมินราคาดู แค่ตัวตึกหลังนั้นก็คงจะเกินพันล้านไปแล้ว การที่ศิษย์พี่หญิงขายหมู่เกาะทั้งหมดให้เขาในราคาแค่สองพันล้านนั้น มันเหมือนกับการให้ของขวัญตามธรรมเนียมกับศิษย์น้องมากกว่า

“ บอสครับ…คนของผมมากันครบแล้ว ” เฉินจิ้งพูดขึ้นเสียงดัง

ด้านหลังของเขามีกองกำลังจำนวน 50 คน ยืนเข้าแถวตอนเรียงห้าอย่างเป็นระเบียบ รูปร่างของพวกเขากำยำสูงใหญ่ เพราะได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนัก

จ้าวเทียนมองดูคนเหล่านั้นด้วยความพอใจ แม้ว่าแต่ละคนจะมีอายุเพียง 17-18ปี แต่แววตาและบรรยากาศที่ปลดปล่อยออกมากลับเหมือนทหารอาชีพไม่มีผิด

“ ทั้งหมด…ทำความเคารพ! ”

หญิงสาวผมสั้นคนหนึ่งที่ยืนอยู่หัวแถวด้านขวา ได้พูดขึ้นด้วยท่าทางเข้มแข็งเหมือนผู้ชาย

พรึบ!

พวกเขาทั้งหมดทำความเคารพแบบทหารพร้อมกัน!

“ หญิงสาวคนนั้น…เธอเป็นหัวหน้าเหรอ ” จ้าวเทียนหันไปถามเฉินจิ้งด้วยความแปลกใจ

พอเขาลองสังเกตดูในบรรดาห้าสิบคนนี้ มีผู้หญิงอยู่ถึงสิบคน ซึ่งมันแปลกมาก ไม่ใช่ว่าเขาบอกเฉินจิ้งว่าต้องการทหารหนุ่มที่แข็งแกร่งหรอกเหรอ แล้วหญิงสาวพวกนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

สิ่งที่เขาต้องการคือกองกำลังนักรบที่พร้อมสู้ศึกจนตัวตาย และพร้อมทำตามคำสั่งโดยไม่มีปริปาก เพราะเขาต้องการจะนำกองกำลังนี้เข้าไปในโลกใบเล็กของสำนักโบราณด้วย

“ เอ่อ…คือ ” เฉินจิ้งมีอาการอ้ำอึ้งขึ้นมาทันที

จ้าวเทียนเมื่อเห็นท่าทางของเฉินจิ้งก็ส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง

“ ที่นายมอบโอกาสนี้ให้พวกเธอ…เพราะเป็นคนรู้จักของนายเหรอ ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยชา

ถ้าเป็นแบบที่คิดจริง ก็ต้องบอกว่าเฉินจิ้งได้สร้างความผิดหวังให้เขามาก จริงอยู่ที่การเป็นผู้เชี่ยวชาญในสามสิบวันเป็นเงื่อนไขที่เย้ายวนมาก

แต่โอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะมอบให้ใครได้ง่ายๆ เพราะตัวของเขาเองต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรไปมหาศาล เพราะฉะนั้นคนที่จะได้รับมันจะต้องมีคุณสมบัติเพียงพอ

“ ไม่ใช่ครับบอส…พวกเธอมีคุณสมบัติตามที่บอสต้องการทุกอย่าง ” เฉินจิ้งตอบขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

หืม

“ งั้นขอฉันทดสอบดูหน่อย! ” จ้าวเทียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

วูป!

แกร่ก!

พื้นปูนที่อยู่ใต้เท้าเขาแตกร้าวทันที บรรยากาศกดดันปกคลุมคนทั้งหมดไว้

“ สนามพลังปรมาจารย์!!”

อั่ก!

กึกๆ

ทั้งห้าสิบคนที่ยืนอยู่ได้รับผลกระทบทันที เหมือนกับอากาศที่อยู่รอบๆแข็งตัวขึ้น จนแม้แต่จะหายใจก็ยังลำบาก กระดูกในร่างกายราวกับถูกบดขยี้

พวกเขาทั้งหมดรู้สึกถึงพลังงานอันมหาศาล ที่กดทับลงมาจากบนท้องฟ้าอย่างรุนแรง มีหลายคนที่เหมือนจะทนไม่ไหวแล้วคุกเข่าลงไป แต่ก็ยังคงกัดฟันฝืนทนเอาไว้

ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ รู้ว่านี่เป็นการทดสอบสำหรับพวกเขา ซึ่งถ้าหากล้มเหลวก็คงถูกขับออกไปและสูญเสียโอกาสที่ไขว่คว้าหามาทั้งชีวิต

ผ่านไปอีกสิบนาทีเริ่มมีคนที่ทนไม่ไหวและทำท่าจะล่วงลงไป แต่พวกเขาก็ยังคงฝืนเอาไว้ได้อยู่ ตอนนี้สำหรับจ้าวเทียนทุกคนผ่านการทดสอบแล้ว

เพียงแต่เขาต้องการดูความสามารถทั้งหมดของคนเหล่านี้ จึงไม่ได้พูดออกไป

“ นับว่าไม่เลว…ฉันจะใช้พลังเพิ่มขึ้นอีก 1 ส่วนก็แล้วกัน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

บูมม!

“ อั่ก! ” “ อ้าก! ” ๆๆๆ

เกือบสามสิบคนทรุดลงไปทันที ซึ่งมันได้สร้างความแปลกใจให้กับจ้าวเทียนมาก เพราะคนที่ทรุดลงไปมีเพียงสองคนเท่านั้นที่เป็นผู้หญิง

“ น่าสนใจจริงๆ…สนามพลังปรมาจารย์ของฉันในตอนนี้ แม้แต่ระดับผู้เชี่ยวชาญเองก็ยังได้รับผลกระทบ นับว่าพวกคุณไม่สร้างความผิดหวังให้ฉัน ”

“ หลังจากนี้ฉันจะใช้ออร่าร่วมด้วย…คนที่ยังยืนอยู่ได้ จะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยของกองกำลัง และฉันรับปากว่าพวกคุณจะได้เข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์แน่นอน ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้าเทียนพูด แววตาของคนที่ยืนอยู่ก็เปล่งประกายทันที เพราะนั่นคือขอบเขตปรมาจารย์ที่พวกเขาเห็นเป็นจุดหมายของชีวิต

แม้แต่ฐานทัพที่พวกเขาอาศัยมาตั้งแต่เกิด ก็มีปรมาจารย์เพียงห้าคนเท่านั้น หากชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า สามารถทำได้อย่างที่พูดจริงๆ

ต่อให้ต้องแลกทุกสิ่งทุกอย่างมันก็คุ้มค่า…

“ เฉินจิ้งเป็นคนแรกที่สู้กับฉันค่ะ ” สาวผมสั้นตอบด้วยรอยยิ้ม

!!

จ้าวเทียนส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความเหนื่อยใจ

‘ ดูเหมือนฉันคงต้องฝึกเฉินจิ้งหนักเป็นสองเท่าซะแล้ว เป็นถึงคนที่ฉันรับเข้ามาด้วยตัวเอง ช่างน่าขายหน้าจริงๆเลย ’

ในขณะที่จ้าวเทียนกำลังพาทั้งสามคนเดินไปทางเรือสปีดโบ๊ทที่จอดเอาไว้ เขาก็เจอเด็กสาวคนหนึ่งยืนรออยู่ระหว่างทาง

!!

“ ศิษย์พี่หญิง ” จ้าวเทียนหลุดปากพูดออกมาอย่างลืมตัว เมื่อเห็นตุ๊กตาหมีขนฟูสีน้ำตาลที่เด็กสาวถืออยู่ ทำให้ทั้งสามคนที่เดินตามมาชะงักไปพร้อมกันทันที

“ ไม่มีอะไรหรอก…พวกคุณรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ ฉันขอไปคุยธุระกับหัวหน้าตระกูลหลินก่อน ” จ้าวเทียนพูดกลบเกลื่อนแล้วเดินแยกตัวออกไปทันที

เมื่อหลินซิงเสวียนเห็นจ้าวเทียนเดินมา เธอก็ทักทายขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“ สวัสดีค่ะพี่จ้าวเทียน ”

“ สวัสดีครับ…เอ่อ วันนี้น้องซิงเสวียนมีธุระอะไรกับพี่เหรอ ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ ไม่ใช่เธอหรอก…ฉันต่างหาก”

“ ซิงเสวียนเธอหลบออกไปก่อน ฉันมีบางอย่างต้องคุยกับเขา ”

เมื่อหลินซิงเสวียนได้ยินแบบนั้นเธอก็พยักหน้า แล้วส่งตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลให้จ้าวเทียน จากนั้นเธอก็เดินหลบออกไป ปล่อยให้ศิษย์พี่และศิษย์น้องได้คุยกัน

ห่างออกไปไม่ไกล

หลังจากที่จัดการเรื่องคนที่สลบไปเพราะการทดสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฉิ้นจิ้งก็ได้เดินตามพวกจ้าวเทียนมาจนทัน

แต่ภาพที่เขาเห็นคือจ้าวเทียนกำลังยืนกอดตุ๊กตาหมีขนฟูสีน้ำตาล มองทะเลสาบที่สวยงามอยู่อย่างสบายอารมณ์

‘ นี่ฉันคงตาฝาดไป ’

เขาขยี้ตาแล้วมองใหม่อีกครั้งก็ยังเห็นภาพเดิม จ้าวเทียนยังคงยืนกอดตุ๊กตาหมีอยู่เหมือนตอนแรก ซ้ำร้ายยังมีการพูดคุยกับตุ๊กตาอีกด้วย

‘ นี่มัน…หรือว่าบอสจะชอบอะไรแบบนี้ ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน